Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

Lv 31,258 points

?

คำตอบทีโปรดปราน10%
คำตอบ320
  • ขอสักเพลง...........?

    ที้่คุณชื้่นใจ ขอกำลังใจ ให้ฉันสักคน

    11 คำตอบเนื้อเพลง9 ปี ที่ผ่านมา
  • มีบทความมาแบ่งปัน .."ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน"?

    ปีนี้ วันวิสาขบูชาถูกสร้างกระแสให้เป็นปีแห่งพุทธชยันตี(ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระพทุธองค์) ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ทรงตรัสรู้มาครบ 2,600 ปี

    กาพย์ยานี 11 นี้ เขียนขึ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 โดยเจตนาถวายเป็นพุทธบูชาสักการะแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ประสูติ วันศุกร์ เพ็ญเดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศก 80 ปี

    สาละโน้มกิ่งลง สู่พระหัตถ์แห่งพระนาง

    ผลิดอกบานสะพรั่ง หอมขจรไกลทั่วทิศ

    มหาบุรุษเจ้า ช้างเผือกขาวในนิมิตร

    จุติจากดุสิต สู่สวนลุมพินีวัน

    ทรงดำเนินเจ็ดเก้า เปล่งอาสภิวาจามั่น

    "เราเป็นหนึ่ง เราเป็นยอด เราเป็นเลิศประเสริฐสุดในโลกนี้

    การเกิดครั้งนี้ของเราเป็นครั้งสุดท้าย ภพใหม่ต่อไปอีก ไม่มีสำหรับเรา"

    กล่าวถึงสหชาติ เกิดร่วมบาทวันเดียวกัน

    หนึ่งในเจ็ดสิ่งนั้น ต้นพระศรีมหาโพธิ์

    ตรัสรู้ ในราตรีแห่งวิสาขปุรณมี ดิถีเพ็ญเต็มดวงวิสาขนักขัตฤกษ์ ก่อนพุทธศก 45 ปี

    โพธิ์พฤษ์กิ่งใบหนา ร่มรื่นตาเขียวสนิท

    แสงจันทร์นวลชวนพิศ ในคืนเพ็ญงามเด่นฟ้า

    มหาสมณะ ประทับยั้งทิศบูรพา

    ตรัสรู้ธรรมสูงค่า อริยสัจจ์สี่ประการ

    หนึ่งทุกข์ยากทนทาน ไม่สบายทั้งกายใจ

    สองคือสมุทัย ตัณหาไซร้เหตุเกิดทุกข์

    ส่วนสามนิโรธนั้น เป็นความดับทุกข์สิ้นสุด

    สี่มรรคคือทางหลุด พ้นจากทุกข์มีองค์แปด

    " ปัญญาอันเห็นชอบ 1 ดำริชอบ 1 เจรจาชอบ 1 ทำการงานชอบ 1

    เลี้ยงชีพชอบ 1 ทำความเพียรชอบ 1 ตั้งสติชอบ 1 ตั้งใจชอบ 1 "

    องค์แปดแห่งมรรคสี่ รวมจำแนกแยกสามหลัก

    บ่งชี้สู่ทางมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา

    ปรินิพพาน ณ ปัจฉิมยามแห่งราตรี วิสาขปูรณมี พระชนน์มายุ 80 พรรษา

    ระหว่างไม้ร้ง*คู่ ยืนต้นอยู่สวนสาลวัน

    คือแท่นบรรทมอัน ที่ไสยาส์อวสาน

    ต้นรังก็ผลิดอก แตกกิ่งนอกฤดูกาล

    เบ่งบานละดอกหว่าน ลงบูชาพระพุทธองค์

    พุทธวจนะ ครั้งสุดท้ายก่อนบรรทม

    ประทานภิกษุสงฆ์ คือปัจฉิมโอวาท

    " ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราตถาคต เตือนท่านทั้งหลายให้รู้

    สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ตน

    และประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

    จากนั้นจึงเสด็จ ดับขันธปรินิพพาน

    ธรรมหนึ่งนิรันด์กาล คือเกิด แก่ และ เจ็บ ตาย

    แม้องค์พระตถา ก็ไม่ล่วงพ้นไปได้

    ต่างกันตรงเวียนว่าย หรือจบลง ตรง พิทาน

    *ไม้รัง ตามภาษาบาลีเป็นคำที่ใช้เรียกต้นไม้ใหญ่หรือพยาไม้ในสวนแห่งนั้น ดังนี้ไม้รังในส่วนสาลวโนทยาน ก็คือต้นสาละใหญ่คู่หนึ่ง ที่จัดเป็นพญาไม้ในสวนสวนแห่งนั้นนั้นเอง

    *ที่มาจาก หนังสือแปลพระไตรปิฎกฉบับบาลี ของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

  • มีบทความมาแบ่งปัน...ผจญมาร พยานบุญ?

    กลอนนี้เคยเขียนตอบไว้ในคำถามของคุณ on-ces ขอนำกลับมาเผยแพร่อีกครั้งหนึ่ง เนื่องในโอกาสจวนถึงวันวิสาขบูชา แรงบันดาลใจในการเขียนกลอนบทนี้เกิดจาก นัยแห่งพระพุทรูปปางชนะมาร ที่ว่า " ในยามที่ชีวิตต้องเผชิญกับภัยพาลหรือความทุกข์นั้น ขอจงเยือกเย็นดุจสายน้ำ และหนักแน่นเช่นแผ่นดิน" และแรงบันดาลใจการการชมภาพยนต์การตูนเรื่อง "พระพุทธเจ้า" ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่กรุณาอ่านและร่วมแสดงความคิดเห็น

    ในคืนเพ็ญ เด่นเดือน วิสาขมาส

    บนบัลลังก์ อันปูลาด ด้วยผืนหญ้า

    ใต้ร่มโพธิ์ พฤษใหญ่ ใบงามตา

    นั้นเจิดจ้า ด้วยรังสี พุทธโคดม

    พยามาร แห่ไพร่ขน พลโยธา

    ขี่แมมมอธ บินรี่มา ด้วยประสงค์

    จะขัดขวาง กรรมฐาน ให้สิ้นลง

    กริ่มเกรงองค์ ทศพล จักตรัสรู้

    แล้วแผดเสียง ตวาดก้อง กำปนาท

    ว่าใยท่าน อาจหาญนั่ง บัลลังก์อยู่

    จงลุกจาก ที่นั่ง คืนตั่งกู

    อย่านิ่งเฉย อยู่ได้ กระไรหนา

    ฤา ท่านคิดว่า ตนนั้น ทรงสิทธ

    ข้าพินิจ ทั่วแห่ง แสวงหา

    ไหนกันเล่า หุพหล พลโยธา

    อีกศาสตรา อันแกร่งกล้า อยู่ที่ใด

    ปฐพี ยิ่งใหญ่ ไพรผืนกว้าง

    แลเพียงน้ำ เนรัญชรา ที่รินไหล

    ไหนมนุษย์ เทวามี เสียเมื่อไร

    แล้วผู้ใดเ สนอเป็น เช่นพยาน

    พระพุทธ สงบจิต จริตมั่น

    แล้วเอ่ยความ ด้วยวาจา กังวานหวาน

    เราบำเพ็ญ บารมี มายืนนาน

    จึ่งสิ่งนั้น พหุหล พลโยธา

    อันศาสตรา คมแกร่ง ทุกแหล่งโลก

    ล้วนสร้างโศก โศกาไป ทั่วแหล่งหล้า

    นั้นหาคม เสมอด้วย คมปัญญา

    คือศาสตรา อันแกร่งกล้า ตถาคต

    ผืนแผ่นดิน ยิ่งใหญ่ ถิ่นไพรกว้าง

    หาอ้างว้าง บาปบุญ หนุนกำหนด

    แลพยาน บุญญา ผู้ทรงพรต

    นั้นปรากฎ แน่แท้หรือ คือแผ่นดิน

    บัดนั้น

    ปฐพี เบื้องหน้า มหาบุรุษ

    บังเกิดผุด นางเทวี ผู้มีศีล

    สง่างาม นามแม่ พระธรนินทร์

    อัญชลี วันทา วาท พระศาสดา

    ข้าแต่ พระมหาบุรุษเจ้า

    ข้าพเจ้า พยานบุญ ทรงเพรียกหา

    ทุกครั้งที่ กรวดน้ำแผ่ ผลบุญญา

    ข้านำมวย ผมเผ้า เข้ารับไว้

    พยามาร ผู้สัยสง ความทรงสิทธิ

    จงใคร่ครวญ ด่วนพินิจ หลักฐานได้

    เราจักคลาย มวยผมดำ ให้แจ้งใจ

    จงดูให้ ประจักษ์แท้ แก่สายตา

    ด้วยผลบุญ ที่ทรงสร้าง อย่างล้ำเลิศ

    สายวารี จึงไหลเทิด ท่วมเบื้องหน้า

    ด้วยน้ำบุญ ที่ทรงตั้ง บำเพ็ญมา

    มารไพร่ข้า พลโยธา พากันตาย

    พยามาร ขี่แมมมอธ บินหนีน้ำ

    ถวายพร ขอพระองค์ สมความหมาย

    แล้วหันหลัง รี่รนราน ��้วยความอาย

    บินแส่ส่าย ลาลับ กลับวิมาน

  • มีบทความมาแบ่งปัน....อาก๋ง?

    http://www.youtube.com/watch?v=11z4VwVENaY

    บทความของฉันไม่เกี่ยวกับอากง sms เพราะฉันไม่นิยมเขียนเรื่องที่ไม่อยู่ในความรู้เห็นของตนเอง ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านคะ ของคุณเพลงวิหคพลัดถิ่นของ คุณแอ๊ด คาราบาวค่ะ

    เมื่อฟังเพลงวิหคพลัดถิ่น ฉันคิดถึงชีวิตของชาวชราวัย 94 ปี ผู้หนึ่ง ที่ฉันเรียกว่า "ก๋ง" กับชีวิตที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมื่องจีน เพื่อหนีความกันดารของบ้านเกิดเข้ามาหากินในเมืองไทย ลูกจีนโพ้นทะเลทุกคนเมื่อเดินทางมาถึงแผ่นดินไทย คำแรกที่เขาเหล่านั้นพูดกับตัวเอง คือ "กูจะไม่จน" เพราะแผ่นดินไทยอุดมสมบูรณ์

    ช่วงชีวิตอันยาวนาน ก๋งผู้มีครอบครัวและลูกหลาน ผ่านเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยมามากมาย หนึ่งในนั้นคือสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเวลาที่เสรีจีนซึ่งทำงานร่วมกับเสรีไทย ได้ร่วมกันปฎิบัติการณ์อย่างลับ ๆ เพื่อกู้ชาติ แต่เมื่อสงครามสิ้นสุด คำว่าเสรีจีนในเมืองไทย ไม่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ คงมีเพียงแต่คำว่า โจรจีนคอมมิวนิสต์ ทำให้เขาต้องละทิ้งครอบครัวหลบหนีการไล่ล่าของทางการ ซ่อนตัวจนมั่นใจว่าทางการยุติการไล่ล่า จึงกลับมาใช้ชีวิตต่างด้าวในเมืองไทยอย่างปกติสุขอีกครั้ง

    แต่ก๋งก็ไม่เคยคิดแค้นเคืองแผ่นดินไทย หรือทางการ เพราะตระหนักในบุญคุณของแผ่นดินที่ตั้งรกราก และจะเป็นที่ฝังกายในอนาคตอยู่เสมอ

    94 ปี ในชีวิตของก๋ง ทุกขณะเวลาที่เวลาผันผ่าน สิ่งที่ถูกทิ้งไว้ก็คืออดีต อดีตที่จะถูกถ่ายทอดออกมาตามมุมมองและแง่คิด และอคติของคนแต่ละคน

    มีเพียงคน ๆ เดียวที่จะรู้ว่า ในอดีตนั้นเกิดอะไรขึ้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นั้นคือตัวของเราเอง

    ไม่สำคัญว่า ใครจะพูดถึงเราในแง่ของฮีโร่ หรือ ปิศาจร้าย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเราเองรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

  • มีบทความมาแบ่งปัน อดีต ปัจจุบัน อนาคต?

    บทความนี้เขียนขึ้นจากบางส่วนของต้นฉบับบทความของฉัน ที่เขียนไว้ในวันปีใหม่2553ในชื่อว่า "ปีใหม่ อดีต ปัจจุบัน อนาคต"

    มนุษย์ที่เกิดมาบนโลกนี้มักมีสิ่งที่เขาคุ้นคิดถึงอยู่ทุกวันในเรื่องของเขาเอง นั่นคือ อดีต ปัจจุบันอนาคต

    หากจะลองพิจารณาถึง 3 สิ่งนี้ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่มนุษย์มีมากที่สุดคืออดีต อดีตซึ่งเกิดขึ้นทุกวินาทีที่ผ่าน ส่วนปัจจุบันนั้นก็มีเพียงชั่วลมหายใจเข้าออกของทุกชีวิต หากพิจารณาได้เช่นนี้สิ่งที่ทุกชีวิตล้วนไม่มีอยู่เลยคืออนาคต

    ดังมีสุภาษิตว่า "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"

    คนที่จะมีสุขอยู่ท่ามกลางความทุกข์ได้ คือคนที่รู้จักการเรียนรู้ที่จะอยู่กับลมหายใจปัจจุบันของตน ไม่ปล่อยใจให้ล่องลอยสู่อนาคตที่ไม่มีอยู่ในขณะจิต ไม่ครุ่นคิดเอาซากเน่าของอดีตมาทับถมปัจจุบันแห่งตนให้หมองมัว

    โดยใช้เพื่อนสองของตน คือสติและปัญญาเป็นเครื่องประคับประคองชีวิต

  • มีบทความมาแบ่งปัน อดีต ปัจจุบัน อนาคต?

    บทความนี้เขียนขึ้นจากบางส่วนของต้นฉบับบทความของฉัน ที่เขียนไว้ในวันปีใหม่2553ในชื่อว่า "ปีใหม่ อดีต ปัจจุบัน อนาคต"

    มนุษย์ที่เกิดมาบนโลกนี้มักมีสิ่งที่เขาคุ้นคิดถึงอยู่ทุกวันในเรื่องของเขาเอง นั่นคือ อดีต ปัจจุบันอนาคต

    หากจะลองพิจารณาถึง 3 สิ่งนี้ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่มนุษย์มีมากที่สุดคืออดีต อดีตซึ่งเกิดขึ้นทุกวินาทีที่ผ่าน ส่วนปัจจุบันนั้นก็มีเพียงชั่วลมหายใจเข้าออกของทุกชีวิต หากพิจารณาได้เช่นนี้สิ่งที่ทุกชีวิตล้วนไม่มีอยู่เลยคืออนาคต

    ดังมีสุภาษิตว่า "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"

    คนที่จะมีสุขอยู่ท่ามกลางความทุกข์ได้ คือคนที่รู้จักการเรียนรู้ที่จะอยู่กับลมหายใจปัจจุบันของตน ไม่ปล่อยใจให้ล่องลอยสู่อนาคตที่ไม่มีอยู่ในขณะจิต ไม่ครุ่นคิดเอาซากเน่าของอดีตมาทับถมปัจจุบันแห่งตนให้หมองมัว

    โดยใช้เพื่อนสองของตน คือสติและปัญญาเป็นเครื่องประคับประคองชีวิต

  • มีบทความมาแบ่งปัน....คุยกับตา?

    เมื่อวันก่อน ฉันได้รับบัตรผู้บริจาคดวงตาที่เคยไปทำเรื่องบริจาคไว้นานมากแล้ว สำหรับฉันอวัยวะทุกชิ้นในร่างกาย ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์และสุข ไม่ใช่สิ่งของหรือทรัพย์สินของฉัน

    เพราะหากเป็นของ ๆ ฉัน โดยแท้แล้วก็ต้องสามารถสั่งให้ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่เหี่ยวได้ มันคือหลักการณ์เดียวกับการพิจารณาปลงสังขารในพระพุทธศาสนานั่นเอง เมื่อมองบัตรที่ได้รับ แว๊ปหนึ่งใจถามว่า " ถ้าเกิดเธอตายแล้วฟื้น แต่ปรากฎว่าเขาเอาแก้วตาไปแล้วล่ะ" ฉันคิดอยู่นิดหนึ่งถึงความน่ากลัว แต่ก็ตอบใจไปว่า " ฉันยอมรับและมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างคนตาบอดได้ เพราะมันคือการตัดสินใจของฉันเอง"

    บทความนี้ ก็อีกเช่นเคย ฉันเขียนไว้นานมากแล้วก่อนการเลือกตั้งใหญ่มาถึง ในชื่อว่า คุยกับตา

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามา และฉันมีหมายเลขที่ออกในใจเรียบร้อยแล้ว คือ 10 กับ 17 เลือก 10 เพราะนักการเมืองคนนี้ในพื้นที่ฉันอยู่เขาทำงานจริง ๆเลือก 17 เพราะ ฉันอยากให้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและถูกต้องจากคนที่รู้และเข้าใจปัญหาจริง ๆ ส่วนเบอร์5 ที่มาแรงเหลือเกินในกลุ่มวัยรุ่น เมื่อมองย้อนไปในอดีตของเขาและคาดการณ์ในอนาคตแล้ว สำหรับฉันเขาคือข้าวผัดกระเพราะ โว้ ๆ ลืมไปว่าตอนนี้กกต.(แก่ใกล้ตาย) เขาห้ามชี้นำ ในฐานะ สว.(สูงวัย)อย่างฉันจึงต้องปฎิบัติตาม มาคุยกับตาแบบชิว ๆ ดีกว่า

    เรื่องมันเริ่มจากเย็นวันหนึ่งฉันส่องกระจก แล้วพบว่า หนังหน้าของตัวเองมันเ��ี่ยวย่นไปตามกาลเวลา แต่มีสิ่งที่แป๋วเหววอยู่ขัดกับหนังหน้าคือดวงตา

    เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของตัวเองทำให้ฉันคิดถึง เหตุการณ์หนึ่งเมื่อตอนฉันไปบริจาคโลหิตทีสภากาชาดไทย

    วันนั้น มีคนมากพอสมควร เมื่อเข้าไปถึงฉันได้ยินเสียงจากเครื่องขยายดังว่า ขอเชิญผู้พิการทางดวงตาตามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับท่านหัวหน้าก่อนค่ะ ฉันมองตามเสียงนั้นไปเห็นคนตาบอดกำลังถูกจัดให้ยืนถ่ายรูปข้างคนตาดี ตอนนั้น ฉันคิดว่า โอ้โห กาชาดให้คนตาบอดมารับบริจาคดวงตากันถึงที่นี่เลยเหรอ

    แต่เปล่า คนตาบอดเหล่านั้นมาจากสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และเขามาบริจาคโลหิต ในวันนั้นเพื่อนเตียงข้าง ๆ ของฉันจึงมีแต่คนตาบอดเขาบอดตาส่วนฉันบอดใจ พวกเขามีคนตาดีมาคอยถ่ายรูปตามเตียงตอนที่เขากำลังนอนบริจาคโลหิตให้ มันทำให้ฉันอดนึกสงสัยไม่ได้ว่า เขาจะเห็นรูปของตัวเองได้อย่างไร หรือเขาจะให้คนตาดีช่วยดูรูปนั้นและบรรยายรูปนั้นให้ฟังว่ามันน่าชื่นชมสักเพียงใด หรือทางสมาคมจะเอาไปติดบอร์ดโชว์คนที่มาเยี่ยมสมาคม ฉันก็ไม่อาจคาดเดาได้

    แต่ที่แน่นอนคือ คนตาบอดเหล่านั้น ถูกต้อนเข้าสู่วัฒนธรรมของคนตาดี ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างอะไรกับวิว ทิวทัศน์ในการถ่ายรูปของคนตาดี เพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นรูปถ่ายของเขาเลย แต่ฉันอยากให้เขามองเห็นได้เหลือเกินว่า รอยยิ้มของพวกเขาตอนที่ถ่ายรูปนัน มันมีค่ามากมายเพียงใด และช่วยทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นขนาดไหน

    ขากลับช่วงที่ฉันเดินอยู่ข้างถนนเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน รถของสมาคมคนตาบอดแล่นผ่านไป พวกเขานั่งอยู่บนเบะตอนยาวสองแถว ที่กระบะท้ายรถ ฉันมองตามและสดุดีในความดีของพวกเขาเหล่านั้น เพราะเลือดของพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือได้ทั้งคนตาบอดและตาดี

    เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้นแล้ว ฉันพบว่าฉันยังคงจ้องมองเขาไปในดวงตาสดใสสีดำสนิทของตนเอง แล้วฉันก็พูดกับดวงตาคู่นี้ว่า "เจ้าเพื่อนยาก เจ้าคือสิ่งหนึ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน วันข้างหน้าถ้าฉันไม่อยู่แล้ว ฉันอยากให้เจ้าช่วยอยู่ต่อ ช่วยให้ใครก็ได้อีกชิวิตหนึ่งได้มีโอกาสเห็นสีสันอันงดงามบนโลกใบนี้อย่างที่เจ้าทำให้ฉันได้เห็น ช่วยให้เขาได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มของตนเองว่ามันงดงามสักเพียงใด ฉันไม่ได้ขอเจ้ามากไปใช่ไหม"

    ดวงตาไม่ตอบว่าอะไร แต่ดวงใจมีคำตอบ

  • เรือน 3 น้ำ 4 คืออะไร?

    อุปนิสัยของผู้หญิงเช่นไร ที่จะนำความวิบัติมาสู่ครอบครัวของตนและวงศ์ตระกูล

  • มีบทความมาแบ่งปัน ขออุทิศแด่ นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์?

    เป็นบทความที่ฉันเขียนขึ้นนานมาก ๆ แล้ว โดยให้ชื่อว่า "คือแสงดาวอันพราวพราย"

    เมื่อประมาณสามสัปดาห์ที่ผ่านมาพ่อของฉันมีเหตุให้ต้องเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน

    คืนวันนั้นโครงการรถไฟฟ้ากำลังมาหาแล้วนะครับ เกือบที่ให้ฉันประทับใจไม่ลืมเลือน เพราะเวลา 20.20 นาที ของคืนวันพุธ บนถนนที่กำลังมีการก่อสร้างโครงการรถติดสาหัส

    ในขณะที่พ่อยังมีสติดีแต่มีอาการหายใจขัดและปวดหน้าอกอย่างหนัก เราจึงต้องตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและรถไม่ติด

    เมื่อไปถึงพ่อถูกนำเข้าห้องไอซียู และเป็นโชคดีที่พ่อมีสิทธหลักประกันสุขภาพทั่วหน้าที่โรงพยาบาลแห่งนี้ หมอบอกกับฉันว่า พ่ออาการหนักมาและอาจตายได้ตลอดเวลาและพ่ออาจเป็นโรคหัวใจ พ่อได้รับการย้ายจากห้องฉุกเฉินขึ้นสู่ห้องผู้ป่วยรวม หลังจากที่ได้รับยาเกี่ยวกับการรักษาโรคหัวใจอาการของพ่อยังไม่ดีขึ้น พ่อยังคงเจ็บหน้าอกอยู่ตลอดเวลา จนหมอให้มอร์ฟีนถึง 2 ครั้ง แต่อาการก็ดูเหมือนยังไม่ทุเลา

    คนที่ไม่มีความรู้ทางด้านแพทยศาสตร์อย่างฉันและน้องชาย เห็นพ่อเจ็บจนน้ำตาไหลแล้วก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าร้องขอให้สิ่งศักสิทธิ์คุ้มครองพ่อ ภาพน่าสมเพชของผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้มลงกราบรูปหล่อโลหะของอดีตพระมหากัษตริย์ธิราชเจ้าพระองค์หนึ่งท่ามกลางสายฝนเพื่อร้องขอชีวิตพ่อยังคงชัดเจนในใจฉัน เที่ยงคืนกว่า อาการเจ็บปวดของพ่อทุเลาลงฉันได้รับอนุญาติให้อยู่เฝ้าข้าง ๆ เตียงพ่อในขณะที่แม่กับน้องต้องกลับบ้าน

    ในคืนนั้นขณะที่พ่อยังเจ็บอยู่ผู้ป่วยที่หันหัวเตียงชนกับพ่อแต่มีผนังกั้นกลางสิ้นใจ และมีการนำศพไปเก็บประมาณตีหนึ่งกว่า แมลงสาปสีทองอ่อนเดินโยงโย่เหมือนกับไม่อยากเอาตีนเตะพื้น ผ่านไปมาบนพื้นห้อง ฉันเรียกมันว่าแมลงสาปไฮโซ

    เตียงที่พ่อนอนไม่สามารถปรับได้ทำให้ศรีษะต่ำกว่าเท้าพ่อจึงต้องหนุนหมอนสองใบ ที่จริงฉันว่าก็กลับเอาทางเท้าขึ้นและเอาหมอนไปหนุนเท้าสักใบหนึ่งก็สูงเท่ากันแล้วแค่นี้ก็คิดไม่ได้

    แต่ฉันไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เป็นเพราะฉันเห็นสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า นั่นคือชีวิตของพ่อและชีวิตของคนป่วยคนอื่น ๆ ที่เป็นคนยากจน

    เขาไม่สนใจหรอกว่าห้องจะสะอาดไหม เตียงจะเสียรึเปล่า ขอแค่มีที่พักรักษาตัวและได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา แค่นี้ประเทศของเราก็จะเป็นประเทศหนึ่งที่คนยากจนในประเทศมีความสุขที่สุด แต่ถ้าจะให้ดี ฉันว่าหลักประกันสุขถาพทั่วหน้าน่าจะครอบคลุมการตรวจร่างกายฟรีปีละหนึ่งครั้งด้วยจะดีมาก เพื่อที่เขาจะได้รู้ทันโรคและได้รับการรักษาทันท่วงที คนจนที่เจ็บป่วยไม่ใช่คนที่คอยแต่จะสูบเงินภาษีของคนรวยไปใช้ เพราะคนไทยทุกคนล้วนเสียภาษีให้รัฐอยู่ตลอดเวลาจากสิ่งที่เขากินและใช้

    หลังจากนอนห้องผู้ป่วยรวมสองวัน พ่อได้ย้ายขึ้นห้องพิเศษ อาการของพ่อดีขึ้นตามลำดับจนได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันที่ 5 ของการรักษาตัว

    เมื่อพ่อกลับถึงบ้าน เจ้าตุ๊กกี้ น้องตัวสุดท้องในบ้านของเราโดดขึ้นบนหน้าอกของพ่อเอาปลายจมูกของมันซุกใต้คางพ่อแล้วหลับตา ฉันบอกกับตัวเองว่าโชคดีของตุ๊กกี้ ที่วันนี้ยังมีพ่ออยู่

    ที่พ่อรอดมาได้อาจเป็นเพราะอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการรักษาของแพทย์ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ แต่บุคคลคนหนึ่งที่ฉันอดระลึกถึงไม่ได้ คือคุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ หรือหมอหงวน ผู้ที่พลักดันโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จนกลายเป็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างทุกวันนี้ แต่คนจนกว่าค่อนประเทศก็ยังเข้าใจว่ามันเป็นนโยบายของนักการเมืองคนหนึ่ง ทั้งที่ความจริงหมอหงวนได้เริ่มคิดและเริ่มปฎิบัติจริงมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว เมื่อคิดถึงคุณหมอสงวนฉันคิดถึง แสงดาว ถึงวันนี้คุณหมอจากไปแล้วแต่ความดีคุณหมอสร้างไว้นั้นดุจแสงดาวอันพราวพรายในใจของผู้คน

    ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากเป็นเช่นท่าน ไม่ต้องมีอนุเสาวรีย์ ไม่ต้องได้รับการยกย่อง แต่ขอให้ความดีที่ได้ทำเปรียบเสมือนแสงของดาวกฤษสักดวงแม้ไร้ชื่อ แต่เมื่อรวมกลุ่มกันมาก ๆ ก็ พร้อมจะก���ะพิบแสงสว่างให้เจิดจ้าสร้างความสุขใจให้คนที่มองดู

  • อีกบทความหนึ่ง.......พระมหาชนก?

    ฉันได้อ่านพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "พระมหาชนกฉบับการ์ตูน" ชอบคำพูดตอนที่ พระมหาชนกคุยกับนางมณีเมขลามาก จึงได้อ่าน บันทึกเสียงไว้ เปิดฟังครั้งใดก็รู้สึกว่าใจมันฮึกเหิม อยากจะแหวกว่ายให้ถึงฝั่งแห่งมหาสมุทรให้จงได้ แต่ลืมไปว่าตนเองไม่มีนางมณีเมขลา บางคนกล่าวว่า หากไม่มีนางมณีเมขลา พระมหาชนกที่อยู่ในสภาพหมดแรงแล้วก็ต้องจมน้ำตายในที่สุด แต่ฉันก็เชื่อว่าพระมหาชนกจะว่ายต่อไปแม้จะจนน้ำตายในที่สุดเช่นกัน

    “นี่ใคร เมื่อแลไม่เห็นฝั่งก็อุตส่าห์พยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร

    ท่านรู้อำนาจประโยชน์อะไร จึงพยายามว่ายอยู่ดังนี้หนักหนา”

    “เราว่ายข้ามมหาสมุทรมาได้ 7 วัน เช้าวันนี้ ไม่เคยเห็นเพื่อนสองของเราเลย

    นี่ใครหนอมาพูดกับเรา”

    “ดูก่อนเทวดา เราไตร่ตรองเห็นปฎิปทาแห่งโลก และอนิสงค์แห่งความเพียร ฉะนั้น ถึงจะมองไม่เห็นฝั่งเราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร”

    “ฝั่งมหาสมุทร ลึกจนประมาณมิได้ย่อมไม่ปรากฏแก่ท่าน ความเพียรอย่างลูกผู้ชายของท่านก็เปล่าประโยชน์ ท่านไม่ถึงฝั่งก็จักตาย”

    “ท่านพูดอะไรอย่างนั้น เราทำความพยายามแม้จักตายก็พ้นครหา”

    “บุรุษเมื่อกระทำความเพียรแม้จักตายก็ชื่อว่าไม่เป็นหนี้ ในระหว่างหมู่ญาติ เทวดา และบิดามารดา

    อนึ่งบุคคลเมื่อทำกิจอย่างลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง”

    “การงานอันใด ยังไม่ถึงที่สุดด้วยความพยายาม การงานอันนั้นก็ไร้ผล มีความลำบากเกิดขึ้น การทำความพยายามในฐานะอันไม่สมควรใด จนความตายปรากฏขึ้น ความพยายามในฐานะอันไม่สมควรนั้นจะมีประโยชน์อะไร”

    “ดูก่อนเทวดา ผู้ใดรู้แจ้งว่าการงานที่ทำจะไม่ลุล่วงไปได้จริง ๆ ชื่อว่าไม่รักษาชีวิตตนถ้าผู้นั้นละความเพียรในฐานะเช่นนั้นเสีย ก็จักพึงรู้ผลแห่งความเกียจคร้าน”

    “ดูก่อนเทวดา คนบางพวกในโลกนี้ เห็นผลแห่งความประสงค์ของตน จึงประกอบงานทั้งหลายการงานทั้งหลายจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม”

    “ดูก่อนเทวดา ท่านก็เห็นผลแห่งกรรมประจักษ์แก่ตนแล้วมิใช่หรือ คนอื่น ๆ จมในมหาสมุทรหมดเราคนเดียวยังว่ายข้ามอยู่ และได้เห็นท่านมาสถิตย์อยู่ใกล้ ๆ เรา”

    “เรานั้นจักพยายามตามสติ กำลัง จักทำความเพียรที่บุรุษควรทำ ไปให้ถึงฝั่งแห่งมหาสมุทร”

    “ท่านใด ถึงพร้อมด้วยความพยายามโดยธรรม แม้จมลงในห้วงมหรณพซึ่งประมาณมิได้ เห็นการใดด้วยกิจคือความเพียรของบุรุษ ท่านจักไปถึงสถานที่ ที่ใจของท่านยินดีนั้นเถิด”

    บางตอน จากบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก(ฉบับการ์ตูน)

    ในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

  • มีบทความมาแบ่งปัน..............อังคุลิมาละปะริตตัง?

    การเขียนบทความของฉัน มันเรื่องต้นจาการเขียนไดอารี่ ซึ่งตอนนี้ไดอารี่ก็กลายเป็นสมุดเกเซอร์ไปหมดแล้ว วันนี้เปิดคอม เจอกลอนธรรมะ ที่เขียนไว้นานมากแล้ว ขอนำมาแป่งบันหากเพื่อน จะให้เกียตริอ่านก็ขอบพระคุณอย่างสูง

    อังคุลิมาละปะริตตัง

    ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตา ฯ

    เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ ฯ

    ดูก่อนน้องหญิง ตั้งแต่อาตมาเกิดในอาริยชาติแล้ว มิได้มีเจตนาจะทำลายชีวิตสัตว์เลย

    ด้วยความสัตย์จริงนั้น ขอความสวัสดีจงมีเธอ ขอความสวัสดีจงมีแก่บุตรในครรภ์ของเธอด้วยฯ

    ในครั้งพุทธกาล

    อหิสกะ ศิษย์เอก สาขายุทธ *

    เก่งกาจสุด เหนือเพื่อนศิษย์ ร่วมสาขา

    แห่งสำนัก เรียนชื่อดัง ตักศิลา

    ท่านอาจารย์ ทิศาฯ เป็นผอออ

    ด้วยความเก่ง และโดดเด่น เป็นศิษย์รัก

    ผองเพื่อน อิจฉาหนัก จักหมายศอ

    แบ่งพวกเป็น สามกลุ่ม ไม่รั้งรอ

    ประจบจ้อ เข้ายุแหย่ ท่านอาจารย์

    วันแรกกลุ่มหนึ่ง เข้าพบ อาจารย์เฒ่า

    ว่าพวกศิษย์ แอบได้ยิน เขาเล่าขาน

    อหิสกะ หมายจะ ฆ่าอาจารย์

    ขอครูท่าน โปรดตรึกตรอง รีบป้องกัน

    แรกอาจารย์ นั้นรู้ ทันกลศิษย์

    มีสติ ยั้งคิด ไม่หุนหัน

    วันถัดมา อีกสองกลุ่ม พูดเหมือนกัน

    ใจของท่าน อาจารย์ ก็แกว่งไกว

    จึงหลงเชื่อ คำพูดที่ ศิษย์ลวงล่อ

    แต่เป็นครู หรือจักฆ่า ศิษย์ตนได้

    จำต้องคิด หาแผนการ ให้มันไป

    โดนคนอื่น เขาฆ่าตาย พ้นภัยเรา

    จึงกล่าวแก่ อหิงสกะ ว่าศิษย์รัก

    เธอนั้น สามารถนัก เกินเพื่อนเขา

    ครูจักสอน วิชชาเอก เมื่อเธอเอา

    ชีพผู้อื่น นั้นหนา มาหนึ่งพัน

    ผู้เป็นศิษย์ ตื่นตระหนก ด้วยกลัวบาป

    จึงทักท้วง อาจารย์ ว่าศิษย์นั้น

    เรียนวิชชา ศาสตรายุทธ สาระพัน

    เพื่อป้องกัน ตนใช่ว่า ไล่ฆ่าใคร

    อีกทั้งชื่อ ของศิษย์ ที่แม่ตั้ง

    ให้รำลึก ไว้ทุกครั้ง ยังจำได้

    อหิงสกะ คือ ผู้ไม่เบียดเบียนใคร

    ศิษย์จักฆ่า ผู้อื่นได้ อย่างไรกัน

    อาจารย์เฒ่า วอนเว้า เข้ากล่อมศิษย์

    เธอจงคิด เชื่อใน คำพูดฉัน

    วิชชาแพทย์ ยังใช้สัตว์ ทดลองกัน

    ส่วนคนนั้น คือเครื่องลอง ยุทธวิชชา

    การฆ่าคน หรือสัตว์ ก็ไม่บาป

    หากเรานั้น ฆ่าเพื่อ การศึกษา

    ต่อยอดองค์ ความรู้ ในวิชชา

    ให้เก่งกล้า จักได้ถ่ายทอด สืบไป

    อันที่จริง เธอก็เรียน มานานแล้ว

    ยังติดรอ จึงไม่จบ หลักสูตรได้

    หากสำเร็จ วิชชาเอก โดยเร็วไว

    จบหลักสูตร ทันใด ได้โกโฮม

    อหิงสกะ นั้นจากบ้าน มานานนัก

    คิดถึงพักต์ ของแม่ ยามมองโสม

    หากป่วยไข้ ใครเล่า จักเฝ้าโยง

    โอ้ดวงโคม ส่องชีวิต ของลูกยา

    จึงตัดใจ รับคำ อาจารย์เฒ่า

    เมื่อต้องการ ชีพคนพัน ศิษย์จักหา

    ฝ่ายอาจารย์ รื่นรม สมอุรา

    แผนการฆ่า จึงได้เริ่ม ดำเนินไป

    ศิษย์ผู้เขลา เดินทางออก นอกสำนัก

    ครุ่นคิดหนัก จักต้องฆ่า คนให้ได้

    ใจดั่งน้ำ กระทบหิน กระเพื่อมไป

    ปากพร่ำบ่น คาถาไว้ ว่าฆ่าคน

    ตลอดทางที่ ผ่านมา น่าแปลกนัก

    ไม่พบใคร จักผ่านมา เลยสักหน

    ถึงริมฝั่ง เนรัญชรา แลสายชล

    จึงพบ นางทาสีหนึ่ง ริมฝั่งน้ำ

    ดั่งกงเกวียน ตามรอยโค เช่นกงกรรม

    บาปเคราะห์ นำให้ประสบ พบนางนี้

    อหิสกะ กระชับดาบ ไม่ช้าที

    วิ่งเร็วรี่ กระชากนาง คว้าข้อมือ

    แล้วเงื้อดาบ วาบวับ หมายจักฆ่า

    ทั้งที่ใจ ยังสั่นพร่า หูตาอื้อ

    ฝ่ายนางนั้น งันงก ร้องไห้ฮือ

    ส่งเสียงยื้อ ขอชีวิต พัลวัน

    ได้โปรดเถิด ด้วยพ่อแม่ ฉันแก่นัก

    ทั้งเป็น หนี้สินหนัก จึงนำฉัน

    มาขัดดอก ท่านเศรษฐี เมื่อวันวาน

    ไว้ชีวิตฉัน เถิดท่าน จักได้บุญ

    แสงวาบวับ ของดาบ นั้นระริกไหว

    แต่ด้วยใจ มีกรรมมา เกื้อหนุน

    เสียงพร่ำบ่น มนต์คาถา เข้าค้ำคูณ

    ว่า ฆ่าคน ฆ่าคน จงฆ่าคน

    คมของ ศาสตรานั้น จึงฟันฟาด

    คอนาง ขาดเลือดสาด ไปทั่วสถล

    ฆาตกร เข้ารี่ริ่ว หิ้วหัวคน

    เดินพร่ำมนต์ พร้อมเก็บหัว ซ่อนไว้นับ

    จากรายหนึ่ง เป็นรายสอง สาม สี่ ห้า

    หัวคนกอง สุมเกลื่อนตา ในที่กัก

    นับวนเวียน ไปมา ตาลายนัก

    เปลี่ยนเป็นสับ ศพละนิ้ว ร้อยมาลัย

    เมื่อ ผู้ไม่เบียดเบียน เปลี่ยนนิสัย

    ชาวบ้านแคว้น แดนใด ก็เสียขวัญ

    หวาดเกรงโจร คล้องนิ้ว คนเกือบพัน

    เรียกขานกันว่า “โจรองคุลิมาล"

    * เขียนขึ้นจากบางตอนในหนังสือเรื่อง ศิษย์เอกแห่งสำนักตักศิลา

    เมื่อบิดามารดาของอหิงสกะ ทราบว่า บุตรของตนได้กลายเป็นโจรร้ายเที่ยวฆ่าคนได้เดินทางมาใกล้ถึงแคว้นที่ตนอยู่แล้วพระราชาก็สั่งเตรียมทหารที่จะไล่ล่าปลิดชีพของอหิงสะ มารดาของอหิงสะด้วยความเป็นห่วงบุตร ออกเดินทางตามหาโดยลำพัง ครั้งนั้นเองพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบด้วยทิพยญาณว่าอหิงสกะ จะทำมาตุฆาตด้วยความโฉดเขลา จึงเสด็จมาประทับอยู่ ณทางแยก ก่อนที่ อหิสกะและมารดาจะได้พบกัน

    เมื่อหิงสกะพบพระผู้มีพระภาคเจ้าก่อนมารดาตน จึงหมายจะฆ่าเพื่อตัดนิ้วสุดท้ายกลับไปส่งให้อาจารย์ แต่ยิ่งเดินเท่าไหร่ก็ไล่ล่าพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทัน จึงตะโกนว่า "หยุดก่อนสมณะ" มีพระสุรเสียงตรัสตอบมาว่า เราหยุดแล้ว แล้วเธอหยุดหรือยังเล่าอหิงสกะ" อหิงสกะ ยังคงวิ่งตามพระผู้มีพระภาคเจ้าและพูดว่า "ครองตนเป็นสมณะใยพูดจาสับปรับเรายังวิ่งตามท่านอยู่เช่นนี้ ท่านจะหยุดแล้วได้อย่างไร" มีพระสุรเสียงตอบว่า "ขึ้นชื่อว่าสมณะคือผู้ไม่เบียดเบียน เราหยุดจาการทำกรรมชั่วทั้งปวงแล้ว เราหยุดจากการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นแล้ว แล้วเธอเล่าหยุดหรือยัง" อหิงสกะ จึงคิดได้และทิ้งดาบลงร่ำไห้ต่อหน้าพระพักตร์ แล้วขอบวช พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตให้บวช(เอหิ ภิกขุอุปสัมปทา)

    ครั้งหนึ่ง พระภิกษุอหิงสกะออกบิณฑบาต พบสตรีท้องแก่นางหนึ่งนอนร้องครวญครางด้วยความทรมานอยู่หลายวันด้วยอาการเจ็บครรภ์ จึงเกิดความเวทนายิ่งนัก ได้เข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ทรงประทานคาถาอังคุลิมาปะริตแก่ภิกษุอหิงสกะให้ไปกล่าวแก่นาง ก็ปรากฎว่านางสามารถคลอดบ

  • คุณคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรายการไทยแลนด์ก๊อตทาแลนท์?

    ไทยแลนด์ก๊อตทาแลนท์ซีซั่น2 เป็นรายการที่ฉันจะไม่ชายตามองแม้เพียงนิสด์ ในซีซั่นแรก รอบตัดสิน ฉันและน้องนั่งจ้องหน้าจอเชียร์ทีมคิดบวกสิปส์ เมื่อทีมนั้นได้ที่สาม เราเชียร์คุณสมศักดิ์ เหมรัญ เมื่อผลการตัดสินออกมาเราต่างเงียบงัน ฉันลุกขึ้นปิดโทรทัศน์ทันทีโดยไม่รอรายการจบ พร้อมทั้งรำพึงรำพันในใจอย่างคนผิดหวังว่า "ทุนนิยมสามานย์"

  • มารำลึกช่วงเวลาดีๆ ตอนน้ำท่วมกันเถอะ?

    ตอนน้ำท่วมหน้าบ้านฉัน( หมายถึงที่กรุงเทพ ส่วนหลังที่ต่างจังหวัดจมน้ำไปครึ่งหลัง)กั้นกระสอบทรายแถวเดี่ยวแปดชั้น ด้วยความคิดและวิธีปฎิบัติตามหลักวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเราป้องกันที่มั่นสุดท้ายของเราไว้ได้(น้องชายฉันเป็นวิศวกรน่ะ) เราต่อแพ 2 แพไว้ถ่อเล่น แพเล็กมีธงประดับเขียนว่ารัฐไทยใหม่ ถุย! แต่ฉันชอบแพใหญ่มากกว่าเพราะถ่อง่าย แมวของฉันชอบนั่งแพเป็นชีวิตจิตใจ พอฉันเรียกมันจะโดดลงแพทันที ตอนน้ำลดฉันเริ่มยืนถ่อแพได้แล้ว หากน้ำลงช้ากว่านี้สักหน่อยฉันคงนอนถ่อแพได้แน่ นี่คือความทรงจำดี ๆตอนน้ำท่วมของฉันคะ

  • เช้าวันนี้คุณมองเห็นอะไรบ้าง?

    วันนี้ฉันออกจากบ้านแต่เช้า นั่งรถโดยสารขนาดเล็กที่เพื่อนฉันเรียกว่ารถกระป๋องที่นั่งท้ายสุด ในเวลาที่การจราจรยังไม่คับคั่ง และเป็นเช้าที่เหมือนจะมีหมอกลง รถหลายคันยังคนเปิดไฟหน้าวิ่ง ฉันเห็น รถCRV สีบอร์นทองคันหนึ่งวิ่งมาห่างๆ ฉันมองไปตามถนนและรางรถไฟฟ้าที่ทอดตัวยาวไปตามถนน ตึกสูงต่าง ๆ ในขณะที่กำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติแห่งทิวทัศน์ของกรุงเทพ ทุกสิ่งรอบตัวฉันเหมือนจะเคลื่อนที่ช้าลง ใจฉันบอกกรุงเทพนี่สวยเฮอะ ฉันละสายตาจากสิ่งที่มองเห็นแล้วตอบใจว่า ใช่ "สรรพธรรมา มโนพงคา" ธรรมทั้งหลายมีใจนำหน้า

  • คุณคิดอย่างไรกับทฤษีแรงโน้มถ่วงของไอน์ไสตน์ที่ว่า?

    "ความเร็วแสงมีขีดจำกัดคือ ประมาณ 3x10ยกกำลัง 8 เมตร ต่อวินาที ปรากฎการณ์บนท้องฟ้าจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต" ฉันเคยยกทฤษีนี้แล้วสรุปว่า "เพราะมนุษย์ถูกครอบไว้ด้วยอดีตฉันจึงรู้เรื่องของคุณได้" คนฟังถึงกับ อึ้ง ทึ่ง เสียว ในคำตอบของฉันไปเลย มาช่วยกันตอบแบบฮา ๆ คา

  • มาเปิดคำถามให้เข้ามาระบายความเครียดกันดีกว่า ใครเครียดเรื่องอะไรบรรยายกันไปเลย?

    "โอ๊ย วันนี้มันอะไรกันวะเนี่ย" ไปแล้วไปดูเวปไอแพด(จีน)แก้กลุ้มดีกว่า ดูเสร็จก็จะนอน พอกันทีวันนี้