คิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะเปลี่ยนบทลงโทษสำหรับคดีข่มขืนให้รุนแรงขึ้น?

ผมอ่านหมายเหตุ แล้วคิดว่า หมายเหตุนั้นมีเหตุมีผล มากทีเดียวเลยครับกับโอกาสรอดตายของผู้หญิงหลังจากการข่มขืน หากว่าคุณลองคิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่จะข่มขืนแล้วปรากฏว่า กฏหมายได้กำหนดลงโทษเอาไว้หนักมากว่า การข่มขืนเมื่อเกิดแล้วผู้ข่มขืนจะต้องได้รับโทษตายเท่านั้น ลองนึกๆสิครับว่า คนที่ข่มขืนนั้นจะปล่อยให้ผู้หญิงทีเห็นหน้าเห็นตาแล้วอยู่รอดปลอดภัยหรือครับ ถ้ามองเชิงนี้การเพิ่มความรุนแรงต่อความผิดข่มขืนก็จะเป็นผลลบในนัยของการเพิ่มอัตราการถูกฆาตกรรมหลังการข่มขืนได้ครับ

การเพิ่มโทษนั้นอาจเป็นไปได้ว่า อาจจะลดอัตราการเกิดการข่มขืนได้อยู่ เพราะก่อนที่จะกระทำการข่มขืนนั้น ผู้ที่จะกระทำการจะรู้ถึงโทษที่ตัวเองจะได้รับ และอาจฉุกคิดและตัดสินใจไม่กระทำการข่มขืนได้ หรือกลับใจตั้งแต่แรกก่อนที่จะคิดว่าจะกระทำการข่มขืน

ดังนั้น โทษจะต้องพิจารณาให้สมดุลกันระหว่างการเพิ่มโอกาสการฆ่าหลังข่มขืน และ การลดโอกาสที่จะเริ่มกระทำการข่มขืนครับ คงยังสรุปบนโต้ะนี้ไม่ได้ว่าแบบไหนจะดีกว่า และโทษแบบไหนที่จะทำให้พฤติกรรมของมนุษย์อยู่ ณ จุดสมดุล และต้องพิจารณาต่ออีกว่า จะเอาอะไรเป็นหลักว่านี้คือจุดสมดุลครับ การพิจารณานี้จะเป็นเรื่องยากในระดับที่อาจจะต้องทำการศึกษาอย่างเป็นระบบต่อไป หากต้องมีการตัดสินใจว่าจะปรับเพิ่มหรือลดโทษของการกระทำความผิดข่มขืนครับ

กรณีคดีการข่มขืนเห็นว่า วิธีการทางด้านกฎหมายเป็นเพียงวิธีการหนึ่งทางสังคมเท่านั้น น่าจะมีวิธีการที่ดีอีกหลายๆวิธี เช่น การป้องกัน การป้องปราม และการปราบปราม โดยผมเองคิดว่าปัญหาการข่มขืนด้านหนึ่งนั้น เป็นปัญหาเรื่องความผิดปกติทางพฤติกรรมของคนด้วย การแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มบทลงโทษทางกฎหมายอย่างเดียวไม่น่าจะได้ผล

มนุษย์ที่จิตปกติแล้วการข่มขืนซึ่งหมายถึงการกระทำที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมหรือเต็มใจ จะไม่เป็นที่สมประสงค์ของมนุษย์จิตปกติเลยสรุปได้ว่า ผู้ชื่นชอบการข่มขืนคือผู้มีจิตผิดปกติ

เท่าที่ทราบมีกรณีน่าจะเรียกว่ากึ่งข่มขืนกรณีนี้เห็นมีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน

เห็นด้วยกัยคุณmanit_nและอีกสองท่านเพราะการที่สังคมเสื่อมทรามนั้น

เป็นพฤติกรรมที่ต้องแก้ที่"ระบบ"เพราะหากแม้จะให้เขาตายไปก็จะเกิดขึ้น

อีกกฏหมายมีไว้ปรามหรืออยากทำให้หลาบจำแต่หากพฤติกรรมที่เกิดจาก

การไม่รู้จักคิดถึงผลข้างหน้าย่อมนำมาถึงการกระทำที่เสื่อมถอยอยู่ทุกวัน

สำคัญที่สุดก็คือครอบครัวที่ดีมีการศึกษาหาความรู้สอนสู่บุตรหลานสร้างให้

เกิดความเอื้ออาทรต่อกันในพี่น้องลดความอิจฉาริษยาลงโดยพ่อแม่ต้อง

แสดงออกให้เห็นความเป็นธรรมครูอาจารย์เป็นสังคมถัดมาที่ต้องให้ความรู้

ต่อไปและต้องมีคุณธรรมจากใจตัดสินความให้เป็นธรรมสอนด้วยการให้และ

การยอมรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนให้เขาได้ร่วมแรงร่วมใจแบ่งปันนำ้ใจ

แรงกายรักใคร่กันจะทำให้เกิดชุมชุนสังคมเด็กที่ดีเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต

เมื่อเขาได้ความรู้และคุณธรรมก็จะได้มีความคิดก่อนที่จะกระทำใดๆและจะเกิด

เป็นความรู้ใหม่ที่จะสอนคนรุ่นต่อๆไปครับสังคมเสื่อมทรามเนื่องจากการขาด

ความรู้ที่ต้องสะสมนำมาประมวลรวบรวมด้วยการคิดแล้วพิจรณานำสิ่งที่ดีๆ

ออกเผยแพร่พ่อแม่คือครูที่สำคัญที่สุดจะหล่อหลอมกล่อมเกลาให้ลูกเป็น

คนหรือเป็นมนุษย์ก็อยู่ที่ความรู้การนำความรู้ที่ดีไปปฏิบัติเรามาช่วยกัน

ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ประกอบด้วยคุณธรรมที่สร้างความเป็นธรรม

ให้แก่ตนเองสังคมประเทศกันเถอะครับสังคมจะดีได้ต้องมีผู้ใหญ่ที่ดีเพื่อ

ให้ความรู้ลอกเลียนพฤติกรรมแล้วสอนให้รู้จักคิดพิจรณาก่อนนำไปปฏิบัติ

ด้วยปัญญาของเขาจงจำไว้ว่าเวลาเปลี่ยนไปจะให้เหมือนก่อนมาไม่ได้

ท่านเองก็ต้องเปลี่ยนให้ทันโลกช่วยกันแก้ไขสังคมไทยกันนะครับ

ควรใช้กฎหมายของพวกตะวันออกกลาง คือมีสอบสวนเสร็จคดีเรียบ ปรากฏว่าผู้กระทำความผิด กระทำความคิดจริง และทางฝ่ายผู้เสียหายต้องการดำเนินคดีถึงที่สุด นั้นก็หมายความว่า ประหารชีวิตอย่างเดียว ไม่มีโทษอย่างอื่นๆ ถ้าผู้เสียหายไม่เอาหรือก็จบกัน

เราว่าอยู่ที่การเลี้ยงดูของพ่อแม่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งอาจเลี้ยงดูมาดีแล้วแต่ไม่ใช่คนมาเกิดนะ ส่วนที่ดีดีเลยไม่เข้าไปซึมซับให้รู้จักดีชั่ว

เห็นด้วยที่กฎหมายต้องรุนแรงและเข้มงวดมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ใครกล้าฝ่าฝืนกฎหมาย