มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างจากที่ค่ารถเมล์ขึ้นค่าบริการ (วันนี้)

ขึ้นๆ -_-' แต่ก่อนมี 3.50 หรือ 5 บาทก็ขึ้นรถได้แล้ว เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น 8 บาทเนื่องจากน้ำมันขึ้น แต่พอราคาน้ำมันลงทำไมค่ารถยังคงขึ้นอยู่อีก?

ขอพูดในฐานะคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องภายในรวมถึงเศรษฐกิจหรือความผันแปรของค่าน้ำมันและอื่นๆ

ถ้ารัฐวิสาหกิจบอกว่าขาดทุน

แต่ก่อนเขาเก็บ 3.50 เขาขาดทุนหรือไม่? แต่ก็อยู่ได้มาตั้งนาน

น้ำมันขึ้น เขาขึ้นมาอีก จาก 3.50 เป็น 6 , 7 บาท

จาก 5 บาทเป็น 8 บาท

อัตราต่างของค่ารถสมัยก่อนกับตอนนี้ที่กำลังจะเพิ่มขึ้นอีก

ไม่ช่วยให้เขาคงที่ค่าโดยสารได้เลยหรือ?

คิดแต่จะเพิ่มค่าโดยสาร แล้วภายในองค์กรบริหารดีแล้วหรือไม่?

ขึ้นค่าโดยสารก็สักแต่ขึ้น บริการพัฒนาหน่อยก็ดี

รถบางคนก็ยัดผู้โดยสารซะจนไม่มีรูให้หายใจ ของตกก็ไม่มีปัญญาเก็บกันละทีนี้ ยืนจะเหยียบหัวกันอยู่แล้ว ก็ยังคงยัดเข้ามาในรถอยู่ ประตูก็แทบจะปิดไม่ได้

แถมซิ่งกันบางทีก็ปาดซ้ายปาดขวาน่าตกใจแทนรถคันอื่นหรือผู้โดยสารเสียจริง

กระเป๋ารถเมล์ดีๆก็มี แต่ก็หาได้ยากเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็หน้าบึ้งๆ ทำงานแบบขอไปที

ก็เข้าใจว่าเครียดและเหนื่อย แต่นั่นก็หน้าที่คุณไม่ใช่หรือ?

เราทำงานกันมาก็เครียดและเหนื่อยเหมือนกัน ก็น่าจะดูแลและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

-_-'' บ่นๆ เพราะขึ้นรถเมล์บ่อยเหมือนกัน ไหนๆจะขึ้นค่ารถแล้วช่วยรบกวนปรับคุณภาพนิดนึงก็ยังดี

ก็น่าเห็นใจนะ ช่วงเศรษฐกิจไม่ได้ไหนจะน้ำมันจะขึ้น ข้าวของก็ออกจะแพง แต่อย่างหนึ่งก้คือค่ารถเนี่ยขึ้นแล้วขึ้นเลยไม่ขึ้นไม่ลงตามน้ำมัน ถึงจะผ่านช่วงนี้ไปแล้วต่อให้ราคาน้ำมันลงก้จะไม่ลงตามเท่าไหร่หรอกก้ต้องไปเห้นใจกับคนที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับตัวเองแค่บาทสองบาทคงไม่เท่าไหร่ แต่เราก้อยากได้อะไรที่มันดีขึ้นด้วยเพราะขึ้นทุกวันเลยทั้งขาไปและขากลับ เช่นความปลอดภัย การบริการที่ดี ความยิ่มแย้มแจ่มใส อะไรแบบนั้น คนที่ทำดีก้มีเยอะ คนที่ทำไม่ดีก้มีบ้างก็อยากให้ช่วยกันปรับปรุง อยากให้เป็นเหมือนมาตราฐานเดียวกันทั้งรถร่วมด้วย

บางทีเห็นเขียนมาได้รับมาตราฐาน ISO ไม่เข้าใจเหมือนกันได้แล้วยังไงบางทีก็เห็นเหมือนเดิม เลยไม่ค่อยจะรู้หรอกนะว่าไอ้ ISOมันมีไว้ทำไม

ผมไม่เห็นว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย นอกจากคนจน คนเดินดิน ต้องจ่ายมากขึ้น ต้องแบกรับภาระมากขึ้น ต้องคิดมากขึ้น

ส่วน ผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่เห็นจะได้คิดอะไรเลย ทำแต่สิ่งง่ายๆ คือ ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ก็คิดค่าบริการเพิ่ม

ผมว่าสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลงมากที่สุด คือ ผู้บริหาร ครับ

ขึ้นแล้วเหรอครับ ไหนว่าระงับไปก่อน 3 เดือนนี่นา ขึ้น.50 บาทไม่เป็นไรครับ ยังจ่ายไหว ยังไงก็บริการให้ดีขึ้นบ้างก็แล้วกัน

นั้นผมก็ต้องเสียค่ารถเมล์หนักกว่าเดิมสิครับ ---แงเงินลดไปอีก

แต่มันจำเป็นนิครับ ‘•’๛ยังไงก็ต้องยอม๛‘•’

ผมทำใจได้แล้วครับ และก็ควักเงินให้เขาไปโดยดี ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นความจำเป็น ไม่ใช่แต่น้ำมันขึ้นอย่างเดียว แต่ดูสภาพคนขับ และกระเป๋าซิครับว่าเขาทำงานหนักแค่ใหน แต่ได้เงินเดือนนิดเดียว ถ้ามัวแต่หวงค่าโดยสารกันอยู่อย่างนี้ บริการอาจจะเลวลงไปอีก จนไม่มีรถวิ่ง แล้วคนกินข้าวแกงอย่างเราจะทำอย่างไรดีเล่าครับ ถือเสียว่าเฉลี่ยความเดือดร้อนให้กันและกัน ก็ยังดีกว่าไล่เขาให้ไปกินฟักต้มกระดูกไก่ครับ

มันจำเป็นต้องขึ้น ก็เข้าใจครับ เพียงแต่ตอนนี้มันจะส่งผลต่อจิตวิทยาการใช้เงินของคนกรุงเทพเท่านั้นเอง เหมือนกับน้ำมันที่ขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ยังต้องใช้ หาทางออกอย่างอื่นไปเรื่อยๆ เช่นถ้ารถเมล์มันแย่ก็จำเป็นต้องหนีไปใช้รถตู้ หรือไม่ก็รีบออกจากบ้านแต่เช้า ไม่งั้นก็สาย ไปเรียนไม่ทัน เสียงานเสียการ

ตอนนี้เขาขาดทุนในไตรมาสสาม 4,300 ล้านบาทแล้วนะครับ

http://www.bmta.co.th/doc/CASFO504.pdf

แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่งก็คือ เขาขาดทุนมาตลอด แต่ทำไมไม่มีการบริหารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รัฐวิสาหกิจไม่จำเป็นต้องขาดทุนนี่นา หรือเป็นที่ตัวผู้บริหาร?

เช้านี้ขึ้นรถ ขสมก. ครับ ยังไม่ได้ขึ้นรถร่วมเลยไม่รู้ว่ามีอะไีรเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกครับ นอกจา่กเงินที่หายไปจากกระเป๋าเพิ่มขึ้น ซิ่งยังไงก็ยังซิ่งเหมือนเดิม โทรมยังไงก็ยังโทรมเหมือนเดิม ดูจากที่ขึ้นจาก 5 บาทมาเป็น 8 บาทแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยน ดังนั้น 50สต ก็ีคงไม่เปลี่ยนละครับ (บางทีอาจแย่ลง)

ขึ้นแล้วหรอครับ นั่งมาเมื่อเช้าลืมสังเกตุเงินทอน ไม่ค่อยได้ดูข่าวด้วย แต่นั่งรถเมย์ประจำอ่ะ แย่จัง ขึ้นเอา ๆ

มีแน่ครับจ่ายตังเพิ่มอัยบริการก้เช่นเคยครับยังคงเส้นคงว่าเหมือนเดิมครับไม่ต้องหวังอะไรมากครับแค่ขึ้นแล้วได้ลงที่จุดหมายปลายทางที่หวังไว้นี้ก็ถือว่าเป็นบุญคุณเหลือที่จะกล่าวจากใจครับ