Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

สิ่งที่ดีที่สุด?

ครั้งหนึ่ง ในที่ประชุ���ของเหล่าอัศวินโต๊ะกลม ได้มีการ Discussing กันว่า จะจัดหาของขวัญอะไร ที่ดีที่สุด ให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ได้ช่วยชีวิตอัศวินคนหนึ่ง มีการกล่าวนำเสนอ เป็นที่ดินบ้าง ของมีค่าต่างๆบ้าง เลยไปถึงตำแหน่งสำคัญในกองทัพก็มี แต่ทุกข้อเสนอ ล้วนแต่มีข้อโต้แย้งว่า ไม่เหมาะสม ไม่คู่ควร จวบจนท้ายสุดของการประชุมวันนั้น สรุปออกมาว่า ของขวัญที่เหมาะสม และควรจะมอบให้ผู้หญิงคนนั้นก็คือ ให้เธอได้เป็นตัวของตัวเอง จึงจะดีที่สุด

ถ้ามองย้อนกลับไปว่า ทำไมเหล่าอัศวินจึงลงความเห็นอย่างนั้น ก็อาจจะสันนิษฐานได้ว่า คงเป็นเพราะคนตะวันตกแต่ดั้งเดิม มีมุมมองว่า สิทธิส่วนบุคคล เป็นคุณค่าทางจิตใจที่สูงที่สุด

บางที คนตะวันออกอย่างเราๆ อาจจะเห็นว่า สิทธิส่วนบุคคล เป็นเพียงความว่างเปล่า ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วอะไรคือ สิ่งที่คนตะวันออกอย่างเราๆ อยากมี อยากได้ และคิดว่า เจ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจสูงสุดกันนะ

ยกตัวอย่างที่ชัดเจนกว่านี้ ถ้าคนในเขตเมืองหนาว อยู่ใกล้กับขั้วโลก อย่างชาวเอสกิโม จะบอกว่า แสงแดดอุ่นๆ คือ วิ่งที่วิเศษที่สุด ส่วนคนเมืองร้อน อย่างประเทศไทย จะบอกว่า อากาศในหน้าหนาว

อัปเดต:

นในเขตเมืองหนาว อยู่ใกล้กับขั้วโลก อย่างชาวเอสกิโม จะบอกว่า แสงแดดอุ่นๆ คือ วิ่งที่วิเศษที่สุด ส่วนคนเมืองร้อน อย่างประเทศไทย จะบอกว่า อากาศในหน้าหนาว จะทำให้คนส่วนใหญ่เย็นสบาย เสื้อหนาวสีสวยๆ แต่งแต้มให้บรรยากาศทั้งในเมืองและนอกเมืองดูดีไปหมด

อย่างนี้ ก็อาจจะสรุปได้ว่า ใครขาดอะไร ก็มองว่าสิ่งที่ตนไม่ค่อยได้พบ ไม่ค่อยได้เจอ คือ สิ่งที่ดีที่สุด

แฮร์รี่ พอเตอร์ กล่าวว่า สิ่งที่วิเศษที่สุด ก็คือ สิ่งที่ธรรมดาที่สุด เพียงแต่เจ้าสิ่งนั้น มันอยู่ต่างสถานที่ ต่างจากเวลาที่เราต้องการมัน เท่านั้นเอง

ถ้าสามารถรู้ล่วงหน้าได้ ว่าเรามีความจำเป็นต้องการอะไรบ้าง แล้วเราก็เตรียมจัดหาเจ้าสิ่งที่ว่าไว้สะก่อน เช่น ถ้าช่วงบ่ายของวันนี้จะมีฝนตก ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน เราก็พกร่มติดตัวเราไปด้วย เวลากลับจากทำธุระนอกบ้าน จะได้ไม่เปียกฝน

อย่างนี้ ก็อาจเกิดเป็นข้อสรุปข้อที่สองว่า บางครั้ง คนเราอาจจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเข้าใจมัน เราย่อมปรับตัวได้ เมื่อเราปรับตัวได้ กายหรือใจของเรา ย่อมไม่เป็นทุกข์กับความเปลี่ยนแปลงนั้น

ตำราทางการตลาดเล่มหนึ่ง เคยพยายามยกตัวอย่างว่า ถ้าพนักงานขายมีความเชื

อัปเดต 2:

ตำราทางการตลาดเล่มหนึ่ง เคยพยายามยกตัวอย่างว่า ถ้าพนักงานขายมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตนขายอยู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แล้วสามารถโน้มน้าวให้คนซื้อ เกิดความเชื่อได้ว่า สินค้าที่ตนกำลังจะซื้อ คือ สิ่งที่ดีที่สุด เขาว่า พนักงานขายตู้เย็น ย่อมขายสินค้าของตนเอง ให้กับชาวเอสกิโมได้

แต่ในความเป็นจริง ถ้าพนักงานขายตู้เย็นคนไหน มั่นใจมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะเป็นพนักงานขายที่ “น่าสงสาร”เอาการอยู่เหมือนกันนะ

พนักงานขายอีกคนหนึ่ง กล่าวเสริมในการขายของตนว่า ขอบยางประตูของตู้เย็นรุ่นนี้ ผลิตด้วยยางที่ทนทานเป็นพิเศษ ดังนั้น ระยะแรกๆของการใช้งาน เวลาปิดประตูตู้เย็น ต้องปิดค่อยๆนะ ไม่อย่างนั้น ประตูมันจะเผยอเด้งออกมา ทำให้ความเย็นรั่วไหลออกมาได้

ถ้าพูดออกมาสะอย่างนี้ คนซื้อก็จะได้ใช้ตู้เย็นนั้นอย่างคุ้มค่า ไม่เกิดความผิดหวังหลังจากตัดสินใจซื้อสินค้าไป

ตัวเขาเองก็จะถูกมองว่า เป็นพนักงานขายที่ “น่ารัก”

อัปเดต 3:

พระพะยอม เคยตั้งข้อสังเกตว่า พระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย เคยล่มสลายไปเพราะ ยึดติดกับหลัก “กรรม” คือ การกระทำมากจนเกินไป แล้วยังไปตัดความเชื่อในส่วนของการกราบไหว้ขอโน่นขอนี่ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ออกไปทั้งหมด เลยกลายเป็นศาสนาที่ “แห้ง” จนเกินไป

แต่พระพุทธศาสนาของคนไทย มีการผสมผสานพิธีกรรมทางพราหมณ์ ส่วนคนไทยเชื้อสายจีน มีการกราบไหว้ เทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉ่ซิ้ง ในบ้านมีการกราบไหว้เจ้าที่ตี่จู้ ทุกวันนี้ วัดไทยเกือบจะทุกวัด มีเจ้าแม่กวนอิม ตั้งอยู่อย่างไม่จำเป็นต้องสร้างกระแส “ความศรัทธา”

การกราบไหว้แบบผิดที่ ผิดเวลา ก็เคยมีให้เห็นเหมือนกัน อย่างการไปกราบไหว้ขอให้ตนเองไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร กับเจ้าพ่อกวนอู คิดได้ยังไงว่า แม่ทัพใหญ่อย่างท่านเจ้าพ่อ คงช่วยให้คนเลี่ยงหลีกการรับใช้ชาติได้นะ

หรือว่า ผู้ครองเรือนทั่วไปอย่างเราๆ ควรจะยึดหลัก “กรรม” ในระดับแบบ “เบาสบาย” ตามที่ควรจะเป็นไป จากหลักธรรมในหมวดของผู้ครองเรือน ก็พอสมควร แล้วถ้าจะดี ต้องมีศิลปะ ในการกราบไหว้ติดตัวบ้าง เป็นการปรุงแต่งชีวิตให้ดีขึ้น

อัปเดต 4:

หลวงวิจิตร วาทกร เคยกล่าวต่อ บัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ ม.จุฬาฯ ว่า ผู้คนจำนวนมาก มีความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ ประมาณโหราศาสตร์ หรือเวทมนต์คาถา แบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หรือบางคนไม่เชื่อ แต่ไม่ลบหลู่

ส่วนคนที่เชื่อไปเลย ก็เห็นจะมีคนสองกลุ่มน้อยๆ ที่เชื่อเรื่องพวกนี้ พวกแรกอาจจะมีการศึกษาน้อยหน่อย พอใครพูดอะไร ก็รีบเชื่อ แล้วท่องจำเป็นกฎตายตัว พวกที่สอง ก็อาจจะศึกษามากหน่อย แล้ว ศรัทธาปฏิบัติ แบบประยุกต์ให้เกิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับตนเองได้

ถ้าจะตั้งเป็นโจทย์ทิ้งท้ายกันว่า สิ่งที่วิเศษที่สุดของเมืองไทยในขณะนี้ คือ “ความสามัคคี” หรือในหน่วยสังคมที่เล็ก และใกล้ตัวให้มากกว่านี้ คือ ถ้าครอบครัวของเราเอง มีเรื่องไม่กินเส้น มีการปีนเกลียว อิจฉา แล้วทะเลาะมีปากเสียงกันบ่อยๆ

แล้วเราจะยึดหลักกรรมข้อไหน หรือไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน มาประสิทธิ ดลบันดาล ให้เราได้พบแต่ความปรองดองสมานฉันท์ อันเป็นสิ่งที่น่าจะวิเศษที่สุดในขณะนี้ ได้อย่างไร

5 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • e-nai
    Lv 6
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    สิ่งที่ดีที่สุดสำ��รับคน ๆ หนึ่ง คือ สิ่งที่คน ๆ นั้นต้องการมากที่สุด

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ไม่เห็นด้วยว่า ความสามัคคี คือสิ่งสุดท้ายที่ไทยเราต้องการแม้จะมีการโฆษณาทุกวันก็เถอะ

    เราบอกไม่ได้แน่ชัดหรอกว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะแต่ละกลุ่มก็มีสิ่งที่ดีที่ต้องการต่างกันไป แถมยังเปลี่ยนได้ตลอดเวลาอีกด้วย

    คำถามนี้จึงไม่มีข้อสรุป หรือมีก็หายากมากๆเลยทีเดียว

  • ?
    Lv 6
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ไม่ชัดเจนนักว่าคุณต้องการอะไร..

    ...สิ่งที่ดีที่สุดของไทย คือการมีพระมหากษัตริย์ที่รักยิ่ง การมีภาษาของเราเอง การมีศิลปวัฒนธรรมที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาได้อย่างไม่อายใคร รวมไปถึง ความเป็นตัวตนแท้ๆของคนไทย(ในขณะที่ยังไม่มีค่านิยมผิดๆ)

    ...แต่สิ่งที่คนไทยขาด คือ ความสามัคคีและความเป็นชาตินิยม สังเกตได้จาก สินค้า ชื่อบริษัท ร้านค้า หรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้า หากห้างไหนเป็นของฝรั่ง พี่ท่านหลานเธอแห่กันไปเต็มห้าง ที่จอดรถแทบหาไม่ได้ แต่ถ้าเป็นห้างไทยรึ..เมินซะเถอะ แล้วอย่างนี้เมื่อไรจะเจริญเป็นประเทศพัฒนาแล้วกับเค้าได้สักที ยกตัวอย่างง่าย ประเทศเพื่อบ้านไม่ไกลนัก ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เวียดนาม 4 ประเทศนี้มีความเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วมาก หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พัฒนาก็คือ ความเป็นชาตินิยม..

    ..ส่วนเรื่องศาสนา ยังค่ะ คนไทยยังไม่หลงไหล เชื่อใน กรรมดีกรรมชั่วเท่าไรนัก ที่พูดได้อย่างนี้เพราะ บางประเทศบางกลุ่ม ถึงขนาดยอมตายเพื่อพระเจ้า ยอมทิ้งคนข้างหลังเพื่อพระเจ้าก็มี ดังนั้น คนไทยยังไม่คลั่งไคล้ศาสนามากเกินไป...

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    สิ่งที่ดีที่สุดเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงๆ ถ้าคุณมั่วแต่หาสิ่งที่เป็นที่สุด คุณจะไม่รู้จักคำว่าพอ....................อย่าเพิ่งค้านค่ะ ถ้าวันนี้คุณได้สิ่งที่ว่าดีที่สุด คุณก็จะไม่รู้สึกว่ามันดีที่สุดอีกต่อไป เพราะความอยากมันไม่มีที่สิ้นสุด

    ถ้าคุณพอ..........คุณก็ไม่ต้องไขว่คว้าหาสิ่งใดอีก เพราะคุณได้รับมาทุกอย่างแล้ว

  • Kanes
    Lv 6
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ที่โพสต์มายืดยาวขนาดนี้ ถามแค่นี้เองหรือ

    เพราะเราคิดว่าคุณทักษิณ เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง ก็เลยคิดต่อไปว่า

    คุณสนธิ ลิ้มธรรมดา เป็นฝ่ายหนึ่ง ทักษิณเป็นฝ่ายหนึ่ง

    คุณสนธิ บุญก็แล้วกัน เป็นฝ่ายหนึ่ง ทักษิณเป็นฝ่ายหนึ่ง

    คุณมาร์ค เชษฐาสิวะ เป็นฝ่ายหนึ่ง ทักษิณเป็นฝ่ายหนึ่ง

    ใช่พวกเราคิดกันแบบนี้ แล้วก็เลยคิดต่อไปว่า

    สังคมของเรากำลัง "ขาดความสามัคคี" แต่เราก็ยังอยู่ดี

    กันอยู่ไม่ใช่หรือ เราเริ่มว่าเราขาดความสามัคคีกันตั้งแต่

    เมื่อไหร่ ทั้งๆที่ความขัดแย้งมันก็เริ่มของมันอยู่อย่างนั้น

    แต่ไหนแต่ไร เพียงแต่เราไม่ได้รู้สึกตัวเท่านั้น จนวัน

    หนึ่ง มีผู้นำทางความคิดมายืนทางหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามยืน

    อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วเราก็ไปต่อแถวในฝั่งที่เราชอบ คิด

    คล้อยตามไปกับคำพูดของเขา ผลที่สุดเลยออกเป็น

    สองฝั่งชัดเจน นั่นแน่ "สังคมไทยไม่สามัคคีกันแล้ว"

    นั่นคือข้อสรุป แต่ผมอยากทราบเหลือเกินว่า ตั้งแต่

    19 กันยายน 2549 ทั้งสองฝ่ายปะทะกันกี่ครั้ง มีเลือดตกยางออกกันบ้างหรือไม่ ปล่าวเลย

    สรุปของผมคือ ไม่ต้องใช้กรรมใด หรือธรรมะใด ๆ หรือของวิเศษใดๆ มาสมานความสามัคคีของปวงชนชาวไทย

    เพราะเราไม่ได้แตกความสามัคคี คุณสมานฉันท์ของผม

    ก็ยังดีอยู่ เพียงแต่มุมมองของคุณ กับมุมมองของผม มัน

    อยู่ต่างกันนิดหน่อย ไม่เห็นจะสำคัญเลย ไม่ใช่เหรอ

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้