Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

noija ถามใน สังคมศาสตร์เศรษฐศาสตร์ · 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

เคยคิดบ้างหรือเปล่าทำไมเงินเดือนมากขึ้นแต่ไม่พอใช้

เมื่อก่อนตอนจบใหม่เงินเดือนนิดเดียวรู้สึกรวยมากอยากใช้จ่ายอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้เงินเดือนมากขึ้นก่วาเดิมเกือบ 7 เท่าแต่ไม่พอใช้

10 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    เราก็เคยคิดอยู่เหมือนกันค่ะ

    เงินเดือนเราอาจจะมากขึ้นตามกาลเวลา

    แต่สินค้า ข้าวของเครื่องใช้ รายจ่ายเรา มันก็เพิ่มขึ้นตามกาลเวลาเหมือนกัน

    อย่างเมื่อก่อน 3-4ปีที่แล้ว เราเคยคิดว่าปกติราคาบ้านอยู่ที่ล้านต้นๆเราก็พอจะซื้อได้แล้ว แต่ผ่านมา 3-4ปี เราอาจจะพอมีเงินเฉียดๆล้าน ก็ยังไม่สามารถซื้อบ้านได้ นั่นก็เพราะราคาบ้านและที่ดินเองก็ขึ้นมาอีก

    ในฐานะคนชั้นกลางของสังคม เรารู้เราเข้าใจเลยค่ะ ยังไงสังคมไทยก็ยังมีคนจนอยู่อีกเยอะ เราเก็บได้เท่านี้ แต่ค่าเงินมันก็ขึ้นๆมาอีก เรายังไม่รู้เลย เมื่อไหร่ เราถึงจะรวยได้อย่างเค้าบ้างนะ ฮาฮา

    สู้กันต่อไปค่ะ อย่างน้อย มีเก็บดีกว่าไม่มีเลยนะ

    และก็มีเงินก็ดีกว่าไม่มีเงินในกระเป๋าเลย

    พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ มีฝันได้ค่ะ และพยายามไต่กันต่อไป อย่าท้อแท้ ; )

  • Tum B.
    Lv 4
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    โอ้...เป็นคำถามที่โดนใจผมจริงๆ ครับ แบบว่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ไปไม่นานนี้เอง

    ผมเห็นว่าส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้ออะไรต่างๆ อีกส่วนหนึ่งมาจากความรับผิดชอบจากวัยที่สูงขึ้น

    แต่ส่วนสำคัญที่ผมคิดว่าผมเป็นประเด็นใหญ่สำหรับผมเลยก็คือความเคยตัวครับ พอเรามีรายได้มากขึ้น อะไรๆ ก็ซื้อหาง่ายขึ้น สมัยก่อนแบงค์ร้อยใหญ่มาก พอมีเงินเดือนมากขึ้น เราก็มองเห็นคุณค่าของเงินหนึ่งร้อยบาทน้อยลง อาจจะพอๆ กับแบงค์พันตอนนี้เลยก็ได้ ยิ่งพอมีบัตรเครดิตยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เงินพันเงินหมื่นนี่เป็นเรื่องเล็กมากๆ

    สำหรับตัวผมที่โดยนิสัยไม่ได้เป็นคนชอบซื้อของ แต่ส่วนมากจะหมดไปกับการกินซะเป็นส่วนใหญ่ หลังๆ ผมเลยลองมาสำรวจตัวเองดูครับ ทำให้มองเห็นความเคยชินหรือความเคยตัวของตัวเอง (ที่ไม่ดี) ว่าผมติดนิสัยการออกไปหาอะไรอร่อยๆ กิน อย่างต่ำๆ มื้อละสี่ห้าร้อยนี่เป็นเรื่องปกติ บางทีเคยตัวจนทั้งอาทิตย์ตระเวนหาร้านนู้นร้านนี้กินทุกวัน หลังๆ พอมาเà¸��็นแบบนี้เข้าก็เสียดายเงิน ทำให้ตอนนี้พยายามลดๆ ครับ อาทิตย์นึงจะออกไปกินสักครั้งนึง ใช้ซื้อของมาทำกินเองบ้าง กินข้าวธรรมดาๆ บ้าง ก็อร่อยดีครับ เพราะบางทีเรากินแต่อาหารญี่ปุ่นจนเคยตัว พอมากินข้าวแกงแบบบ้านๆ บ้าง ก็อร่อยไม่แพ้อาหารแพงๆ เหมือนกันครับ

    สำหรรับตอนนี้ผมเลยทำบัญชีใช้จ่ายครับ แยกเป็นหมวดหมู่ จะใช้จดเอาหรือใช้โปรแกรมต่างๆ ช่วยก็ได้ครับ อย่างของผมใช้โปรแกรมที่ลงไว้บนคอมพิวเตอร์ มันสามารถสรุปให้เราได้เลยว่าเราใช้เงินไปกับเรื่องอะไรเยอะสุด สรุปออกมาเป็นกราฟให้เราเห็นได้เลย ช่วยเตือนสติเราได้ดีเหมือนกันครับ

    เพราะฉะนั้นสำหรับคุณ ผมว่าลองจดรายจ่ายดูสักอาทิตย์ก่อนก็ได้ครับ น่าจะพอมองเห็นว่ารายจ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับเรื่องไหน จากนั้นก็จะสามารถวางแผนการใช้เงินได้ดีขึ้นครับ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    1 ค่าครองชีพสูงขึ้น

    อันนี้เราเลือกไม่ได้แล้วก็ทำอะไรกับมันไม่ได้มากถ้าเป็นของที่จำเป็นต้องใช้

    2 รสนิยมสูงขึ้น

    อันนี้ก็เป็นผลมาจากความรู้สึกว่า"อำนาจในการจับจ่าย"มากขึ้น อะไรที่เคยเลือกซื้อแบบยี่ห้อไหนก็ได้จะกลายเป็นแพงอีกนิดนึงแต่คุณภาพดีกว่า

    ของที่เคยรู้สึกว่าแพง พอเงินมากขึ้นก็รู้สึกว่าไม่แพงเท่าไหร่

    3 สินค้าต่างๆ มีการโฆษณา โปรโมตมากขึ้น ทำให้มีคนใช้มากขึ้น

    ร้านอาหารบางร้านราคาอาหารค่อนข้างแพง แต่พอเราเห็นว่ามีตั้งหลายสาขาแล้วแต่ละสาขามีคนกินตั้งเยอะก็เลยรู้สึกว่าราคามันไม่แพงมากเพราะใครๆก็กินกัน

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ลองคิดดูว่านะคะพี่ noijaว่าที่เงินไม่พอใช้อาจมีต้นเหตุเพราะมีการดำเนินชีวิต

    ประจำวันแบบซ้ำๆ เดิมๆ จนกลายเป็นความ "คุ้นเคย" อาจทำให้พี่นึกไม่ถึงว่ามีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้เงินบางอย่าง เป็นเรื่องไม่จำเป็นเอาซะเลย แต่ที่คุณยังทำอยู่เป็นกิจวัตร ก็เพราะความเคยชินนั่นเองเมื่อตัวแปรทางเศรษฐกิจไม่เอื้อ

    ให้พี่ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ได้ เงินเดือนที่บริษัทเพิ่งปรับเพิ่มให้ เมื่อคิดเป็นสัดส่วนยังน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อเสียอีก

    พี่noijaลองนั่งทบทวนพฤติกรรมการใช้เงินในแบบของพี่ีnoija

    ว่ามีอะไรบ้างที่พอจะปรับเปลี่ยน เพื่อลดค่าใช้จ่าย

    --โทรศัพท์มือถือปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นดู ให้เหมาะกับการใช้งานจริง หรือให้เข้ากับโปรโมชั่นในปัจจุบัน ที่มักลดราคาจนน่าใจหาย

    --โละของเก่าออกมาขาย......แบบนี้อาจจะช่วยให้มีเงินออมขึ้นมา

    อีกไม่น้อย ลองดูสิ แล้วพี่noijaจะรู้ว่านอกจากได้เงินออมเพิ่มแล้ว พี่ยังได้ความสนุกและความภูมิใจเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้าน ไม่แน่นะ พี่อาจจะมีอาชีพที่ 2 คือ ขายของเป็นงานอดิเรกเลยก็ได้้

    ---ถ้าพี่มีีไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยด้วยการไปฟิตเนสก่อนหรือหลังเลิกงาน โดยต้องจ่ายเงินเป็นหลักหมื่นต่อปีแล้วไปบ้างไม่ไปบ้าง ลักษณะนี้ให้พี่เปลี่ยนมาเป็นไปวิ่งหรือเอ็กเซอร์ไซส

    ์ตามสวนสาธารณะใกล้บ้านดีกว่า หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นจ่ายรายวัน

    การออกกำลังกายเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพกาย และใจของพี่ แต่ถ้าต้องแบกค่าใช้จ่ายแพงๆ เอาไว้สุขภาพทางการเงินของ คุณนั่นแหละจะแย่

    ---เปลี่ยนบรรยากาศมาใช้ระบบขนส่งมวลชน..เดี๋ยวนี้ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน ต่างก็ให้ความสะดวกสบายไม่น้อยแต่ถ้าหากยังยืนยันที่

    จะใช้รถยนต์ต่อไป คงต้องหันมาใช้ระบบคาร์พูลหรือไม่

    ก็ลองเปลี่ยนมาใช้แก๊สโซฮอล์ อาจจะช่วยพี่ประหยัดขึ้นได้บ้าง.

    ----มองหาช่องทางสร้างรายได้พิเศษยามที่ค่าใช้จ่ายพร้อมใจกันขึ้น จนต้นทุนการจับจ่ายใช้สอยของพี่บานปลายหนักขึ้นทุกวัน การหารายได้พิเศษเพิ่มเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วย พี่ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้ง มาถึงตอนนพี่ลองสำรวจตัวเอง

    ี้ ดูซิว่าพี่มีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง

    ---เป็นสมาชิกหนังสือ-เคเบิลทีวีพี่รึเปล่าที่เป็นสมาชิกแมกกาซีนแฟชั่น เดือนละ 3 ฉบับ หนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ คิดเป็นเงินรวมๆ แล้วทีเดียว อ่านทันบ้างไม่ทันบ้างเดือนละหลายตังค์จนบางครั้งพี่เองก็ยอมรับ ว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ไม่ลองลดการเป็นสมาชิกลงเหลือเล่มเดียวก็พอ

    ---ซื้อของช่วงเซลล์ลดใช้บัตรเครดิต....ในยามสถานการณ์ปกติ

    ---ปาร์ตี้สังสรรค์ให้น้อยลงถ้าเดือนหนึ่งพี่ปาร์ตี้สัปดาห์ละ 2 วัน เท่ากับเดือนละ8วันจำนวนเงินใช้สำหรับปรนเปรอความสนุกสนาน

    อาจไม่เท่ากัน แต่แน่นอนว่าถ้าพี่noijaยังขืนไปสังสรรค์เดือนละ 8 วันเหมือนเดิม แทบไม่มีทางลดค่าใช้ได้เลย

    ---ลองหันมาทำอาหารกินเองภายในครอบครัวดีกว่า นอกจากช่วยพี่ประหยัดเงินแล้ว ยังเป็นโอกาสที่พี่จะได้มีชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น

    แหล่งข้อมูล: *-*
  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เจอบทความหนึ่งน่าสนใจ ลองอ่านดูนะคะ

    ใช้เงินเป็น

    ที่ผ่านมามีการแนะนำให้เก็บเงิน ออมเงิน มาตลอด วันนี้เรามาดูกันเรื่อง การใช้เงิน กัน

    เพราะตั้งแต่ลืมตาตื่นมาทุกวัน เราก็ต้องใช้เงินกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าผ่านทาง ค่าอาหาร ฯลฯ ไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านและนอน

    จะเห็นได้ว่า ในชีวิตเราทุกวัน ความอยาก เป็นตัวกระตุ้นให้เราใช้เงินทั้งนั้น เพราะอยากดูดี อยากเดินทางเร็วไม่อยากเสียเวลา อยากทานอาหารที่ต้องการในราคาแพง และความอยากอีกสารพัดอยาก หรือบางทีแม้ไม่อยากก็ต้องใช้เงินเพื่อภาษีสังคม

    ดังนั้นสรุปได้ว่า เรามีความจำเป็นต้องใช้เงินอยู่ตลอดเวลา และถ้าเป็นเช่นนั้นเรามีเงินใช้ไม่พอจะทำอย่างไร ก็ต้องกลับมาที่เดิมว่า เราจะใช้เงินอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวเรา และยังมีเงินใช้ไปตลอดแม้กระทั่งหลังเกษียณอายุไปแล้ว

    เรื่องนี้....น่าคิด

    จึงลองนำทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในเรื่องการใช้เงินว่า จะทำอย่างไร

    ประการแรก การใช้จ่ายเงินในแต่ละครั้งต้องให้คุ้มค่ากับความพอใจที่เพิ่มขึ้น ในทางเศรษฐศาสตร์จะเรียกความพอใจที่ได้รับเพิ่มขึ้นนี้ว่า ความพึงพอใจส่วนเพิ่มหรือ อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (Marginal Utility) ซึ่งการเลือกซื้อหรือบริโภคสินค้าหนึ่งๆ ก็ควรได้รับความพึงพอใจมากกว่าเงินที่เสียไปเสมอ

    ดังนั้น ก่อนควักเงินออกจากกระเป๋าไปทำอะไรก็ตามต้องพิจารณาให้ดีว่าได้ประโยชน์คุ้มค่าแล้วจึงจะจ่ายเงินออกไปทุกครั้ง

    ประการที่สอง เลือกใช้ สินค้าทดแทน

    เช่น การเลือกใช้ของใช้ประจำวันต่างๆ ในบางครั้งควรเลือกใช้สินค้าประเภทเดียวกันแต่มีราคาถูกกว่า หรือการไม่ยึดติดกับยี่ห้อสินค้า รวมทั้งเลือกใช้สินค้าตามความจำเป็นและความเหมาะสม จะเกิดประโยชน์ต่อเราในระยะยาวได้มากกว่าเพราะเราจะมีเงินเหลือจากการใช้มาเก็บออมได้

    ประการที่สาม อย่าใช้เงินเกินรายได้

    การใช้จ่ายเงินมากกว่ารายได้ที่ได้มานั้นหมายถึงการ เป็นหนี้ เพราะต้องกู้เงินเพื่อนำมาใช้จ่าย เป็นเหตุให้รายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายได้ในอนาคตลดลง เพราะตอนนี้เราเอาเงินในอนาคตมาใช้ไปแล้ว

    แถมอีกว่า รายได้ในปัจจุบันยังต้องชำระหนี้เงินต้นรวมทั้งดอกเบี้ยด้วย แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าการเป็นหนี้จะไม่มีข้อดี แต่การเป็นหนี้ต้องพิจารณาว่า หากสร้างหนี้โดยเอาเงินอนาคตมาใช้ในปัจจุบันแล้ว

    เงินนั้นจะส่งผลตอบแทนในอนาคตได้สูงคุ้มค่า เช่น การกู้เงินไปซื้อที่อยู่อาศัย การกู้เพื่อการศึกษา เป็นต้น ที่เป็นหนี้ในวันนี้ แต่ในอนาคตจะตอบแทนได้สูง หรือการกู้เงินมาลงทุนในเครื่องมือ เครื่องจักร เพื่อจะผลิตสิ่งของให้ดีขึ้นและเพียงพอต่อการจำหน่ายเพื่อนำรายได้กลับสู่ตนเองต่อไป

    ไม่ใช่ไปเป็นหนี้เพื่อนำเงินอนาคตมา ตอบสนองความต้องการความพึงพอใจในด้านวัตถุหรือบริโภคนิยมในวันนี้เท่านั้น เพราะรายได้ที่เราจะได้รับในอนาคตนั้น เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน บางครั้งรายได้ก็อาจไม่เกิดขึ้นในอนาคตก็ได้ เมื่อไม่มีเงินพอเพื่อจ่ายหนี้ก็จะเป็นทุกข์แสนสาหัสที่จะต้องถูกเจ้าหนี้ทวงเงินอยู่ทุกวัน

    สำหรับประการสุดท้าย คือ ใช้เงินให้เหลือ เพื่อเก็บออมไว้สำหรับอนาคตจะได้มีเงินไว้ใช้อย่างชาญฉลาดทุกวันไปจนวันตาย

    เพียงเรื่องง่ายๆ ข้างต้นนี้ สามารถปลูกฝังให้อยู่ในความคิด ประกอบกับความตั้งใจ และ การมีวินัยในการใช้เงินของเราได้

    เท่านี้ก็จะได้ชื่อว่า ใช้เงินเป็น แล้ว

    เรื่อง : อมฤดา สุวรรณจินดา

    สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

    บริษัท เนชั่น��¸¡à¸±à¸¥à¸•ิมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2543

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับความรู้สึกมันบอกครับ ว่ายิ่งน่าที่การงานดีการใช้จ่ายก็มักตามมาแบบเงาตามตัวครับแบบว่า เรื่อลำเล็กก้เจอคลื้นเล็กมังครับผมว่ายิ่งถานะทางสังคมด้วยแล้วนี้ต้องบอกว่ารับเกิบทุกรายการเลยครับแล้วไหนเรื่องครอบครัวอีกครับนีหละครับชีวิตอย่าแท้จริงละครับถึงมีมากก็ต้องใช้มากอยู่ดีครับ

    แหล่งข้อมูล: จากความรู้สึกที่บอกจากใจจริงส่วนลึกครับ
  • ?
    Lv 6
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ...ยิ่งเงินเดือนเยอะ ก็หมายความว่า ตำแหน่งหน้าที่การงานของคุณก็สูงตาม ความรับผิดชอบต่างๆ ก็เยอะขึ้น ในเมื่อการงานก้าวไกล มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นตามลำดับ ไม่ว่าจะค่าดูแลตัวเอง ค่าเครื่องประดับ ค่าเสื้อผ้า ค่าอาหาร ค่าดูแลลูกน้องเล็กๆน้อยๆ(ที่ไม่เปย์เดี๋ยวจะหาว่างก) และอื่นๆอีกเยอะแยะ

    ..อีกอย่าง คนเราเมื่อได้มามาก แล้วมีรายจ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เหตุเพราะความไม่พอดี...เป็นกันทุกคนค่ะ ไม่ต้องหวั่นใจ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เงินเดือนขึนตามสถาวะการเงินในบ้านเราครับ เราเคยคิดว่าถ้าเรามีเงินเดือนอยู่ในระดับนีน่าจะพอกลับไม่พอเพราะอะไร

    1.ดูรายจ่ายว่าเราจ่ายไปกับสิ่งใดเยอะ

    2.การควบคุมค่าใช่จ่ายโดยจ่ายตามความจำเป็น

    3.สำคัญหลักการพอเพียนครับ

    แหล่งข้อมูล: http://investments-tawat./ blogspot. com บล็อกผมครับบทความเกี่ยวกับการเงินการลงทุน
  • NooaoM
    Lv 4
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เงินมากก้อยากได้มาก มีบัตรเครดิตรูดก้คิดแต่ว่าเดี๋ยวเงินออกมาก้จ่ายหมด แต่เคยคิดไหมว่าแล้วมีเก็บอยุ่เท่าไหร่

  • RoSie
    Lv 4
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เหมี่ยวคิดว่า รายรับเพิ่ม รายจ่ายก็เพิ่มตามมั้ง

    ไม่ว่าจะเป็น ความอยากที่มากขึ้น หรือการที่ต้องซื้อ

    ของใช้จำเป็นมากขึ้นกว่าเดิม

    แต่ตอนนี้รายรับเหมี่ยวยังไม่เพิ่มแต่ รายจ่ายมากมาย อิอิ

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้