จาก กม. ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ ขณะขับรถ?

ฟังเพลงในขณะขับรถไม่ผิดกฎหมายข้อนี้ครับ

มีการวิจัยพบว่าการขับรถและคุยโทรศัพท์ไปด้วยทำให้การควบคุมพวงมาลัยมีการส่ายมากกว่าแค่ฟังเพลงในขณะขับรถ และน่าจะรวมถึงระยะทางของการเบรคที่อาจจะตัดสินใจช้าลงกว่าเดิม

เข้าใจว่าการคุยโทรศัพท์นั้น สมองมีการรับรู้ในสิ่งที่ได้ยินและโต้ตอบกลับไปด้วย (สื่อสารสองทาง) ในขณะที่ฟังเพลงเป็นการรับรู้โดยไม่จำเป็นต้องโต้ตอบในการฟังกลับไป (สื่อสารทางเดียว) ทำให้สมองสามารถใช้ส่วนที่ต้องโต้ตอบในการขับรถได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องแบ่งส่วนที่ใช้ในการโต้ตอบให้กับการคุยโทรศัพท์ในขณะขับรถ การฮัมเพลงนั้นเป็นข้อมูลที่รู้อยู่ก่อนแล้วจึงฮัมได้ ถ้าฟังครั้งแรกเลยคงยังไม่ฮัม

ส่วนการให้ใช้อุปกรณ์เสริมโดยไม่ต้องจับโทรศัพท์นั้น เป็นการอนุโลมแต่ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย 100% หากแต่น่าจะดีกว่าถือโทรศัพท์มือหนึ่งอีกมือหนึ่งจับพวงมาลัย ในขณะที่บางประเทศห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถเช่น ญี่ปุ่น อิสราเอล โปรตุเกสและ สิงคโปร์ หากจะใช้ต้องจอดรถก่อน

สำคัญกว่านั้นก็คือกฎหมายข้อนี้จะใช้บังคับได้จริงหรือ และผู้ใช้รถจะรักและเคารพตัวเองจากกฎหมายข้อนี้หรือไม่

สาเหตุอันตรายของการคุยโทรศัพท์ขนาดขับรถยนต์เพราะมือนึงถือโทรศัพท์ ทำให้เราจับพวงมาลัยรถยนต์แค่ ข้างเดียว ซึ่งหากเกิดอันตรายต่อการขับขี่เราจะควบคุมรถยนต์ยาก...แต่ถ้าเราใช้แฮนฟรี ตำรวจเค้าไม่จับอะครับ สามารถคุยโทศัพท์ได้

ข่าวตอนนี้เค้าผ่านกฏหมายเรียบร้อยแล้วอะครับ ปรับ 500 บาท

ครม รัฐบาลนี้เขาเป็นคนทันสมัย เขาเห็นว่าต่างประเทศมีกฏหมาย

อย่างนี้ใช้กันแล้ว หากเราไม่ใช้บ้าง เราก็ไม่อารยะนะซีหนู

ยังไม่รู้เลยว่า กว่าจะสิ้นสุดรัฐบาลนี้ เรายังมีอะไรให้ตำรวจจราจร

เลียะพะเราได้อีก เมื่อสองเดือนก่อนวิ่งบนทางด่วน 120 กว่า

โดนคุณพ่อท่านเลียะพะไปซะ....... ถ้ารู้ว่าวิ่งได้ 80 ซื้อควายมาขี่

ดีกว่า ตัวละไม่กี่ตัง...เนอะ