การปลูกต้นยูคาลิปตัสจำนวนมากจะทำให้พื้นดินกลาย่ป็นทะเลทรายหรือไม่

- ขอเล่าเรื่อง แปลก แต่ จริง

- เราได้ปลูกยูคาลิป พันธุ์ คามาลดูแลนซิส(ถ้าจำไม่ผิดนะ) เอาไว้ในสวนสัก โดยปลูกไปพร้อมๆกัน

- 3 ปีต่อมา ยูคาลิป ส่วนใหญ่ ตาย . ที่เหลือก็เลี้ยงไม่ค่อยจะโต . เหตุเพราะ มันหากินสู้ต้นสักไม่ได้ . ประกอบ��ับ ต้นสัก มีใบที่ใหญ่กว่ามาก จึงโตเอา โตเอา บังแดด . ยูคา. โตไม่ทัน และไม่ได้รับแสงแดดเท่าที่ควร จึงไม่โต

- ขณะนี้ สี่สิบปีแล้ว . ต้นสัก ก็ยังโตกว่า ยูคา ที่มีเหลืออยู่ ตั้งแย๊ะ

ผมขอบอกว่านี้เป็นการ แบ่งเส้นระหว่างความคิดของเราครับ

ข้าพเจ้าขอนำเสนอความคิดของข้าน้อย ที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขีย

อย่างยิ่งนี้ว่าไม้ยูคาเป็นไม้ที่โตไว้ และสามารถดูดน้ำได้อย่าง

ที่น่ามหัสจรรย์จริงๆครับ และความสามารถนี้ยังสงผล

ให้นักวิชาการบ้านเราได้นำไม้ชนิดนี้เข้าไปปลูกในพื้นที่

ที่มีดินขาดธาตุอาหารสูงหรือมีน้อยและ พื้นที่ขาดแคนน้ำ

เพื่อให้ไม้ชนิดนี้ขึ้นมาก่อน และปรับสภาพของดิน

เพื่อให้เอื้อต่อไม้ชนิดอื่น เพื่อมาปลูกทดแทนครับ

และยังมีอีกอย่างครับ ไม้ยูคาเมื่อโตเต็มที่สามารถนำมาใช้

ได้อย่างหลากหลายครับ ทั้งก่อสร้างตอกเสาคำยัน

และมีขนาดที่เขาต้องการอยู่ เพราะฉะนั้นไม้ยูคา

จะภูกตัดออกมาใช่ในงานเหล่านี้ครับ และเราจะเห็นว่าใบ

และส่วนที่เหลื่อของต้นยูคา จะเป็นปุ๋ยให้กับพืช

และต้นไม้ที่เราปลูกใหม่ครับ ดังนั้น ขอสรุปว่านี้ไม่ใช่สาเหตุ

ของการเกิดทะเลทรายขอรับกระผม

ต้องทำความเข้าใจเบื้องต้น 2 ประเด็น

1) ไม้ยูคาลิปตัส เป็นต้นไม้ที่ใช้ "ปลูกเบิกนำ" ในพื้นที่แห้งแล้ง-เสื่อมโทรม .

2) ไม้ยูคาลิปตัส เป็นต้นไม้ที่มีความสามารถในการแย่งน้ำสูงกว่าไม้พันธ์อื่น

กรมป่าไม้ต้องการเพิ่มพื้นที่ป่า จึงนำมาปลูกเบิกนำ ในพื้นที่แห้งแล้งกันดาร

ที่ซึ่งไม้อื่นไม่สามารถปลูกขึ้นได้ จากนั้นจึงปลูกไม้อื่นๆ เช่น กระถินณรงค์

มัยราบยักษ์แซม เพื่อเป็นการฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพดิน

ดังนั้น การปลูกไม้ยูคาฯ จึงไม่ควรปลูกในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เพราะมันจะไป

แย่งน้ำจากพืชอื่นๆ...นอกจากจะปลูกเพื่อธุรกิจหรือปลูกนำมาเป็นไม้ใช้สอย

เลืà¸��กใช้ให้ถูกครับ....ไม้ยูคาฯ ไม่ใช่ผู้ร้าย....โปรดเข้าใจ

ใช่ เพราะจะทำให้ดินขาดความสมดุล

คิดเองว่าไม่เพราะภูมิประเทศของเราไม่ได้เอื้อต่อภาวะทะเลทราย