เคยอกหักเพราะเจ้านายไหม?

เผ่นซิครับจะอยู่เป็นกระบือให้เขาจิกหัวอยู่ทำไมคนเราต้องมีศักดิ์ศรีครับ

ฆ่าไม่ได้ หยามก็ไม่ได้จริงปะ

1. คุณหวังอะไรกับอาชีพมนุษย์เงินเดือนคะ? ชื่อเสียง เงินทอง และการได้รับการยอมรับจากเจ้านายและเพื่อนร่วมงานหรือคะ?

สุดท้ายสัจธรรมของชีวิตลูกจ้าง ก็ต้องโดนสถานการณ์เช่นนี้ค่ะ

นายทุนมักจะเลือกคนที่เขาถูกใจมากกว่าการมีคุณธรรมในการรักษาหรือให้อาชีพให้เงินเดือนที่มากขึ้นในอัตราก้าวหน้า

ถ้าเขาคิดว่าคนๆนั้นไม่เหมาะที่จะอยู่ในบริษัทเขาอีกต่อไป ทางใดที่เขาจะบีบเราออกไปให้พ้นจากบริษัทโดยไม่ต้องจ่ายสักสตางค์แดงเดียว เขาก็จะลองทำก่อน เช่นให้นั่งเฉยๆ ลดตำแหน่ง ย้ายแผนกหรือเพิ่มงานจนทำไม่ทันแล้วด่าโขกสับไปถึงบุพการี

ทางที่ดี ให้ถามตัวเองเช็คสภาพเศรษฐกิจส่วนตัวและครอบครัวดูนะคะว่า

หนึ่ง)หากลาออกสมัครงานใหม่ที่อื่น ทำใจได้มั๊ยที่จะต้องเจอสถานการณ์แบบเดิม คือบรรยากาศที่เขาคาดหวังให้คุณทำงานดังที่เขาหวังไประยะเวลาหนึ่ง เหมือนหลอกใช้ คั้นน้ำกะทิจนเหลือแต่กากในสายตาเขา จากนั้นพยายามย้ายคุณให้เกิดอาการทางใจว่าเสียหน้า และหมดอำนาจทางหน้าที่การงานเพื่อลองดูว่าคุณจะยอมลาออกไปเองหรือไม่ เพื่อคั่วกากมะพร้าวที่คั้นน้ำกะทิไปแล้วระยะเวลาหนึ่งให้สามารถนำมาทำเป็นอาหารว่างคือเมี่ยงคำได้อีก ถ้าได้ก็อยู่ได้ต่อ แต่ถ้าไม่เหลือคุณประโยชน์ใดๆในสายตาหรือหัวคิดของเขา แน่นอนสุดท้ายเขาย่อมเขี่ยคุณลงถังขยะ

สอง)หลังดูสภาพเงินสะสมในบัญชี เปรียบเทียบกับรายรับรายจ่ายที่หากลาออกแล้ว คุณอยากจะเปลี่ยนอาชีพใหม่จากลูกจ้างมนุษย์เงินเดือนมาเป็นเจ้าของกิจการเอง เพราะคุณทำมาหลายหน้าที่จนน่าจะมีความสามารถพอที่จะดำเนินกิจการของตนเองและคงจะไม่มีนิสัยหรือสันดานแบบที่เจ้านายคุณกระทำกับคุณ เวลาคุณเป็นเจ้านายคนอื่น คุณนั่งบนบังเหียน ปัญหาทางธุรกิจ ปัญหาด้านคุณภาพบุคคลากรที่คุณคาดหวังจะได้รับ ปัญหาการจัดการระบบการทำงาน ระเบียบปฏิบัติที่ตีกรอบให้พนักงานอยู่ในระเบียบที่คุณสามารถจะดูแลและประเมินความสามารถให้เขามีรายได้ที่เพิ่มขึ้น หากผลประกอบการดีขึ้นตามลำดับ หรือคุณอยากจะกดเงินเดือนพนักงานไว้จนเขารู้สึกอยากเปลี่ยนงานแล้วค่อยเพิ่มให้นิดหน่อย?

ถ้าคุณคิดว่าคุณอกหักกับเจ้านาย อยากให้คุณลองเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆดูสิคะ มีลูกน้องที่ดีแบบคุณแล้วคุณจะตอบแทนต่อเขาได้สูงสุดนานกี่ปี? สุดท้ายคุณก็จะนึกถึงผลกำไรที่ไม่อยากจะเพิ่มเงินเดือนให้เขามากจนคุณมีกำไรนิดเดียว มันเป็นธรรมชาติของการดำเนินกิจการ เพียงแต่คุณธรรมในการปกครองลูกน้อง หากคุณใจดีมากเกินไป หรือให้อำนาจคนๆเดียว(ซึ่งก็คือคุณตอนเป็นลูกจ้าง) มากเกินไป คุณอาจจะต้องระแวงว่าคนๆนั้นจะซื่อสัตย์และทำงานเต็มความสามารถจนอาจจะคิดทรยศไปแอบตั้งกิจการแข่งกับคุณก็ได้ในอนาคต

ฉะนั้น ปลงซะหากคุณเลือกที่จะทำงานที่นั่นต่อ หากเงินเดือนไม่ลด(ถ้าลดก็ฟ้องกรมแรงงานได้ค่ะ) ก็ทำไปเถอะค่ะหากใจคุณไม่กล้าพอที่จะออกมาเผชิญโลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจที่เขาอยากย้ายคุณไปทำหน้าที่อื่นๆให้คุณรู้ครบวงจรของการทำงานรูปบริษัท

ตอนนี้ทางที่ดี มองระบบกิจการของบริษัทนี้แบบครบวงจรแล้วอาสาเขารับตำแหน่งในส่วนที่คุณยังไม่เคยทำ แล้วศึกษาผลกำไรขาดทุน ตลาดการแข่งขัน ฯลฯ ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณแน่ คุณสามารถแข่งขันเขาได้ คุณก็ต้องศึกษà��²à¸à¸¥à¹„กทางการตลาด เงินทุนหมุนเวียน ปัญหา อุปสรรคและวิธีแก้ไขในแต่ละฝ่ายที่คุณบอกว่าคุณทำมาหมดแล้ว...เมื่อนั้นคุณจะนึกขอบคุณการกระทำของเจ้านายเขา ไอ้หัวโขน อิมเมจภายนอกไม่สำคัญเท่าความรู้ประสบการณ์ในการทำงานที่ครบวงจรเสมือนเราเป็นเจ้าของธุรกิจค่ะ

คุณลองทบทวนดูนะคะ..ดิฉันเองเคยผ่านจุดที่เรียกว่าผิดหวัง อกหักมาแล้ว แต่ตอนนี้ดิฉันหลุดพ้นจากบ่วงกรรมของการเป็นลูกจ้างบริษัท มาทำงานอิสระ แล้วก็ไม่พ้นต้องยอมก้มหัวให้ลูกค้าที่มาทุกรูปแบบ แต่นั่นคือแหล่งรายได้ ลูกค้าย่อมเป็นพระเจ้าในธุรกิจของเรา ขอให้โชคดีและค้นพบทางออกของชีวิตนะคะ

เคยแต่ไม่สนใจเพราะเราต้องสู้ยังมีอีกหลายที่หลายคนที่เขาเห็นคุณค่าของเรา

อยากจะสู้อยู่ต่อหรืออยากแสวงหาความสุขด้วยตัวคุณเอง

ที่จริงคุณคงเสียใจและเสียความรู้สึกมากเลยแต่คิดในแง่ดีก็มีส่วนดีของคุณ ที่คุณอาจเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสที่จะได้พิสูจน์ฝีมือและแสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาให้ทุกคนรวมถึงเจ้านายและคนอื่นได้เห็น ท้าทายมากเลยสำหรับการที่จะอยู่ต่อแต่ต้องแน่ใจว่าเขายังต้องการคุณอยู่ไม่ใช่หลอกใช้ไปวันๆ

แต่เมื่อคุณคิดตกและเข้าใจหลักของธรรมชาติกับการเปลี่ยนแปลง

ขอแนะนำให้คุณก้าวออกมาค้นหาตัวเองและให้โอกาสตัวเองได้พบเจอสิ่งใหม่ๆยังมีที่อื่นและคนอื่นสังคมอื่นที่ยังต้องการและเห็นคุณค่าของคุณ ถ้าคุณพร้อมและรักที่จะทำมันด้วยใจและตั้งใจสู้

อย่ากังวลจนเครียดอาจทำให้ไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วย อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิด ทำดีไว้และผลแห่งการทำดีจะตอบสนองคุณ

คุณก็รู้ทุกอย่างดี จะทนอยู่กับเจ้านายประเภทนี้ทำไม อยู่ไปก็ไม่มีความเจริญก้าวหน้า ถ้าเป็นการทำธุรกิจ ก็ถือว่าไม่ซื่อสัตย์ เกือบจะเรียกว่า ทรยศ ด้วยซ้ำไป เมื่��¸­à¸„ุณเป็นคนที่มีความสามารถ ถึงแม้ปัจจุบัน งานหายาก แต่สำหรับคุณไม่น่าจะยาก คุณลองสมัครงานใหม่ จากที่บริษัทฯ จัดหางาน สิคะ อย่างน้อย คุณเองก็จะไม่ต้องรู้สึกว่า ตัวเองด้อยค่า ทั้งๆที่ มีความสามารถมาก ลองพิจารณาดูนะคะ

ขอให้ตั้งสติให้ได้นะคะ

เหตุการณ์นี้ก็เหมือนบททดสอบในชีวิตคุณ

คุณต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน

คุณต้องพบเจอกับคนที่แสดงธาตุแท้

ของความเป็นคนออกมาอย่างชัดเจน

และสถานการณ์มันก็บีบให้คุณรู้สึกอึดอัด คับข้องใจ และเครียด

คงต้องพยายามยอมรับและทำใจแหละค่ะ

ถ้าคุณปล่อยวาง และ ให้อภัยเค้าได้.....

(คนแบบนี้เป็นคนน่าสงสารมากค่ะ ต้องแผ่เมตตาให้

ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแผ่เมตตาให้

แต่ถ้าคุณทำใด้ คุณจะกลายเป็นผู้ชนะค่ะ

เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มากด้วยเพราะเป็นการชนะใจตนเอง)

เชื่อว่าคนที่มีความสามารà��–และรับผิดชอบอย่างคุณ

น่าจะมีทางเลือกอื่นๆที่น่าสนใจกว่านี้

ก็ขึ้นกับตัวคุณเองว่าจะตัดสินใจยังไง

(ไม่ได้แนะนำให้หนีปัญหานะคะ

แต่อยากให้คุณได้ค้นพบสิ่งท้าทายใหม่ๆ

ในชีวิตการทำงานบ้าง....เพื่อการพัฒนาและเรียนรู้)

เขาไม่เห็นคุณค่าของคุณ ก็ไม่ควรไปทำงานให้เขาแล้ว ออกดีกว่าค่ะ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้านายแบบนี้ไม่ไหวค่ะ ไปหาที่ใหม่ดีกว่า อย่าลืมดูเจ้านายใหม่ดีๆด้วยนะคะ

ถ้าคุณทุ่มเทใจอย่างจริงใจ คุณมีใจกับงานและองค์กรเต็มร้อยแล้ว แต่ลองหันกลับมาดูตัวเรากับการทำ"งาน"ที่เราทำและที่องค์กรเขาตั้งเป้าหมายดูซิ ว่าได้งานไหม? ถ้าไม่ใช!!่เราก็เรียนรู้เรื่อง"'งาน"ให้รู้อย่างถ่องแท้ซะก่อน

ถ้าใช่!!! แปลว่าโชคร้ายของเจ้านายคุณที่มองคนไม่ออก แต่ยังไงซะ ถ้าตัวเราเองมีใจซื่อสัตย์ คุณธรรม จริงใจ ผมว่าคุณไม่อกหักแน่นอน คนประเภทนี้ที่ไหนๆก็ต้องการ คนที่จะอกคือเจ้านายน่ะ

ผู้รู้จริงขอตอบแบบฟันธง! ผมไม่เคย,คำตอบแรก จริงๆควรมองแบบบวกครับคุณ แบบว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนครับ น้ำร้อนก็มีประโยชน์ นำเย็นก็มีประโยชน์ ไม่โดนไล่ออกก็มีประโยชน์ โดนไล่ออกก็มีประโยชน์ งานหนักก็มีประโยชน์ งานไม่หนัก็มีประโยชน์

ทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ ลองมองให้เห็นประโยชน์ คุณจงอยู่ในที่ที่คุณอยู่ได้ไปก่อน ทำใจกว้างเข้าไว้ อย่ามาน้อยใจ เพราะว่าตอนนี้คุณยังไม่ออก สาอะไรกับลดตำแหน่ง เพื่อนผมเขาขับรถถูกระเบียบขนาดนั้น รถพ่วงเบรกแตกยังไม่เห็นความดีของมันเลย

ตอบ2 :ก็ถามเขาตรง ๆว่าต้องการอย่างไร ?ด้วยความเป็นมิตร หากเขาต้องการให้ออก คุณก็ขอเวลาให้หางานใหม่ก่อน อย่าใจรอ้น อย่าเอาอย่างเขา อย่าไปคิดถึงอะไรถึงอดีต คิดช้า ๆ ถึงอนาคตแล้วตัดสินใจทำ...มันอาจเป็นโอกาสใหม่ก็ได้