ความคิดที่ว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้เผ่าพันธุ์ของตัวเองสูญสิ้นไปจริงแท้แค่ไหนครับ

เคยอ่านเจอมาว่า การที่ผู้ชายมักจะเจ้าชู้ เพราะตอบสนองต่อสัญชาตญาน การสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อไปไม่ให้สูญพันธุ์ จึงทำให้ผู้ชายมักมีพฤติกรรมในเรื่องเหล่านี้ คิดว่ามีทั้งรู้ตัว และไม่รู้ตัว แต่ถ้าจะแบ่งให้เป็นเรื่องของผู้ชายล้วนๆ ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว อาจเป็นเรื่องของยุคสมัยด้วย เพราะพฤติกรรม ของผู้หญิงสมัยนี้ ก็ค่อนข้างอิสระเพิ่มขึ้นมาก

ถ้าจะตอบว่า จริงหรือไม่ ก็คงตอบว่าจริง แต่น่าจะเป็นทั้งสองเพศ แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะน้อยหรือมาก คงมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยค่ะ

ผู้ชายทุกคนทุกชาติทุกภาษา คือชอบผสมพันธุ์ไปทั่วมากกว่าผู้หญิง แล้วผู้ชายไม่เอาถ่านนะชอบแอบอ้างว่า ชอบขยายเผ่าพันธุ์ของตนเองไปทั่วโดยชอบมั่วผู้หญิงหลายๆคน แล้วพูดจาแบบสุนัขไม่รับประทานนะว่ากลัวตัวเองจะสูญพันธุ์ ขอโทษทีมิได้เทงใจคุณนะ ใครอยากจะได้ไอ้พันธุ์ห้วย พันธุ์บ้องตื้นหรือพวก scam ข้างถนนของฝรั่งนะ ไม่ปรารถนาเลยสักนิด กลัวจะถูกยัดเยี้ยให้มาแบบไข่ชั่วสปืมเลวไงละ กลัวจะเป็นปัญหาแก่สังคมนะ

มันอยู่ที่ยุคสมัย...สังคม...และสภาพแวดล้อมครับ

-สมัยโบราณ(และสมัยนี้ในบางพื้นที่)..

คนยังมีความนึกคิดไม่ต่างจากสัตว์มากนัก..

มักเลียนพฤติกรรมจากสัตว์ ยกตัวอย่างเช่นสิงห์โต

ดังนั้นผู้ชายจะพยายามสืบพืชพันธุ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

และถ้าไม่มีกฏหมายคุ้มครองชีวิตเด็กเอาไว้

เด็กก็อาจจะโดนฆ่า

เหมือนที่สิงห์โตตัวผู้ฆ่าลูก ซึ่งไม่ได้เกิดจากตัวเอง

(เรื่องแบบนี้เกิดในแถบถิ่นประเทศที่มีสิงห์โตแยะ..เดี๋ยวนี้ผู้ชายในประเทศที่ว่าก็ยังเป็นแบบนี้อยู่

จะหยอดไข่..เสร็จแล้วก็ตีจากไปไม่เลี้ยงดู

ทำให้เกิดปัญหาสังคม-ปัญหาโรคเอดส์จนถึงทุกวันนี้)

-ประเทศที่ห่างไกลจากชีวิตสัตว์อิสระ

ไม่ถือการสืบชื่อสกุลต้องมาจากผู้ชาย..

เช่นประเทศที่ยินยอมให้ใช้นามสกุลผู้หญิง เป็นนามสกุลของครอบครัวได้

มักมีแนวคิดที่แตกต่าง..

เพราะเขาอาจจะมองลึกในแง่วิทยาศาสตร์ว่า "ยีน" เป็นจุดสำคัญ

ไม่ใช่นามสกุล เด็กผู้หญิงในประเทศเหล่านี้จะได้รับสิทธิ"เกือบ"ทัดเทียม กับเด็กผู้ชาย

( ที่ใช้คำว่า"เกือบ"..เพราะตามกฏหมายและการปฏิบัติของข้ารัฐการ

จะปฏิบัติเท่าเทียมกันทั้งสองเพศ แต่ในสังคมของครอบครัวแต่ละบ้าน

ของคนที่การศึกษาน้อย ลูกผู้หญิงยังต้องเรียนรู้เรื่องทำครัวและอาจจะไม่ยอมขวนขวายที่จะส่งให้เรียนสูงๆ ฯลฯ)

ประเทศที่ปกครองด้วยระบบเผด็จการ จะใช้กฏเหล็กห้ามมีลูกเกิน 2 คน เช่นประเทศจีน

แต่ถ้าพลาดพลั้งตั้งท้องขึ้นมา..ก็มีโรงพยาบาล เพื่อทำแท้งอย่างถูกกฏหมายได้

(อดีตประเทศเยอรมันตะวันออก-ส่วนที่เคยเป็นสังคมนิยมซ้าย-การทำแท้งไม่ผิดกฏหมาย)

- ไม่ จริ๊ง ไม่จริง . ท่านประธานที่เคารพ ขอค้าน เพราะถูกพาดพิง

- ไม่เจ้าชู้ ก็เข้าสังคมกับเขาไม่ได้ . ก็เลย ต้องแกล้งทำตัวเป็นคนเจ้าชู้ ตามๆเขาไปเท่านั้นแหละ . จริงๆแล้ว เปล่าเลย

- เรา รักลูกทุกคนเท่ากัน และ ให้ทุกอย่างเท่าๆกัน ทุกคนด้วย

- เรา อยู่กับคุณแม่ทุกวัน . และ ต้องพาออกไปกินข้าวเย็น นอกบ้าน ทุกวันด้วย ( เป็นคำสั่ง )

อารมณ์นี้ ไม่ต่างกับที่ในหลายๆบ้าน มักอยากได้"ลูกชาย"มากกว่า"ลูกสาว"

สมัยก่อน หนักกว่านี้ มีลูกสาวแทบจะไม่รัก ไม่สนใจ แถมใช้งานหนักๆด้วยซ้ำ

แต่สมัยนี้ดีขึ้นนิดนึง ก็รักลูกสาวเหมือนกัน แต่มีลูกชายจะดีใจมากกว่า และอาจจะเอียงมากกว่า

เพราะเห็นว่าลูกชายเป็นผู้สืบสกุล??

จะบอกว่า ไม่รู้คิดกันได้อย่างไร?

โดยเฉพาะสมัยนี้ เค้าให้เลือกใช้นามสกุลได้แล้วด้วย

มานึกอีกที สงสัยคนเป็นพ่อเป็นแม่สมัยนี้ อาจจะมีทะเลาะกันได้ เรื่องให้ลูกใช้นามสกุลใครก็ได้นะ?

ความจริงลูกชายหรือลูกสาว ยังไงก็มีเลือดพ่อเลือดแม่อย่างละครึ่งในตัวอยู่แล้ว ไม่รู้เค้าคิดได้ไงว่า ลูกชายต้องสืบสกุล(คนเดียวเท่านั้น)

เห็นไม่น้อย ผู้ชายยิ่งแต่งงานไปแล้ว กลับหลงภรรยา ไม่ค่อยสนใจคนเป็นพ่อแม่ตัวสักเท่าไหร่ มีแต่ลูกสาวนี่แหละที่คอยปรณนิบัติ ดูแลอยู่

อาจจะพูดอ้อมโลก แต่หวังว่าคงเข้าใจนะคะ : )