Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

ลูคีเมียและทาลัสซีเมีย?

อยากทราบว่า ลูคิเมีย กับ ทาลัสซีเมีย คืออะไร

3 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือที่เรียกกันว่า ลูคีเมีย

    มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือที่มักเรียกกันว่า ลิวคีเมีย แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน ซึ่งเป็นชนิดที่พบมากที่สุด

    มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน เป็นโรคมะเร็งทางโลหิตวิทยา ที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ทำให้มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์ตัวอ่อนของเม็ดโลหิตขาวเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เซลล์เหล่านั้นไม่สามารถเจริญเป็นตัวแก่ได้ตามปกติ

    เซลล์ตัวอ่อนของเม็ดโลหิตขาวในไขกระดูกจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เซลล์มะเร็งเหล่านี้ จะแทนที่และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ซึ่งสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือด จนเกิดอาการ

    และอาการแสดงในผู้ป่วยในระยะเวลาอันสั้น เช่น มีอาการซีด อ่อนเพลีย มีเลือดออกผิดปกติ หรือจุดเลือดออก

    ีเนื่องจากเกร็ดเลือดต่ำ ติดเชื้อง่ายมีไข้สูง นอกจากนี้ยังอาจเกิดอาการผิดปกติจากการที่เซลล์มะเร็งแทรกตัวเข้าไปในเนื้อเยื่ออื่นๆ อีกด้วย เช่นต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม ผิวหนัง หรือเยื่อหุ้มสมอง เป็นต้น

    มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน เป็นโรคที่มีพยาธิกำเนิดในระดับเซลล์หลายรูปแบบทำให้แบ่งเป็นชนิดย่อยได้หลายชนิด แต่ละชนิดมีการดำเนินโรคและพยากรณ์โรคที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การพิจารณาเลือกการรักษาต้องคำนึงถึงชนิดย่อยของโรคด้วย การแยกชนิดย่อยทำได้หลายระบบทั้งการจัดแบ่งตามลักษณะรูปร่างของเซลล์ จัดแบ่งกลุ่มตามความผิดปกติของโครโมโซม และความผิดปกติระดับยีน

    การวินิจฉัยโรค

    การวินิจฉัยมะเร็งเม็ดโลหิตขาวชนิดเฉียบพลัน อาศัยการตรวจเลือด และการตรวจไขกระดูกเป็นหลัก ผู้ป่วยมักมีประวัติการเกิดโรคค่อนข้างเร็ว อาการและอาการแสดงที่ปรากฏ มักเกี่ยวเนื่องกับภาวะไขกระดูกล้มเหลว และเซลล์มะเร็งที่แทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อต่างๆ รบกวนการทำงานตามปกติของอวัยวะนั้นๆ ร่วมกับความผิดปกติที่เกิดจากการมีเซลล์มะเร็งจำนวนมากในร่างกาย

    อาการและอาการแสดงที่พบบ่อยได้แก่

    ไข้ ซีด เลือดออกผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองโต ตับโต ม้ามโต น้ำหนักลด ผู้ป่วยบางรายอาจมาพบแพทย์ด��วยผื่นหรือปื้นที่ผิวหนัง อัณฑะบวมโต หรือ ปวดกระดูก ปวดข้อ ก็ได้ นอกจากนั้นยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งเม็ดโลหิตขาวชนิดเฉียบพลันบางรายอาจมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท โดยอาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนพุ่ง เนื่องจากมีเซลล์มะเร็ง แทรกตัวในเยื่อหุ้มสมองทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นได้

    ค้นเพิ่มเติมได้ที่

    http://www.utdtobe1.th.gs/web-u/tdtobe1/file/healt...

    โรคเลือดจางทาลัสซีเมีย คืออะไร ?

    ในเลือดเพียงหนึ่งหยดจะมีเม็ดเลือดแดงเป็นจำนวนนับแสนเม็ดและในเม็ดเลือดแดง แต่ละเม็ดจะมีสารโปรตีนสำคัญซึ่งมีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วยที่เรียกชื่อว่า เฮโมโกลบิน เป็นจำนวนนับล้านหน่วย เจ้าเฮโมโกลบินที่ว่านี้แหละมีหน้าที่สำคัญในการจับออกซิเจน เพื่อนำไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย

    คนที่เป็นโรคเลือดจางทาลัสซีเมียก็คือ คนที่ร่างกายมีการสร้างสารเฮโมโกลบินได้น้อยกว่าปกติหรือไม่ได้เลย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคที่เป็น ซึ่งจะทำให้เม็ดเลือดแดงของคนคนนั้นมีเฮโมโกลบินน้อยกว่าปกติหรือไม่มี

    เม็ดเลือดแดงของคนที่มีเฮโมโกลบินน้อยกว่าปกติจะมีรูปร่างผิดปกติไป จากเดิมที่มีรูปร่างกลมๆ คล้ายขนมโดนัต ก็จะกลายเป็นมีรูปร่างบิดเบี้ยว เม็ดเล็กลง แตกง่าย และทำหน้าที่ในการนำแก๊สออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง

    อ่านเพิ่มเติมได้ที่

    http://www.elib-online.com/doctors49/lady_preg009....

  • ?
    Lv 5
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ขอเพิ่มเติมจาก2คำตอบข้างบนค่ะเนื่องจากโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียเป็นโรคซีดชนิดหนึ่งที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่ทางกรรมพันธ์ ผู้ทà��µà¹ˆà¸¡à¸µà¸¢à¸µà¸™à¸˜à¸²à¸£à¸±à¸ªà¸‹à¸µà¹€à¸¡à¸µà¸¢à¸¡à¸µà¸—ั้งผู้ที่เป็นโรคและไม่เป็นโรค

    ผู้ที่เป็นโรคจะมีอาการแตกต่างกันตั้งแต่มีโลหิตจางเล็กน้อย โลหิตจางมากไปจนถึงอาการรุนแรงจนถึงเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือหลังคลอดไม่นาน ส่วนผู้ที่ไม่เป็นโรคหรือพาหะ(carrier,trait) จะมีสุขภาพดีเหมือนคนทั่วไป แต่จะถ่ายทอดยีนทางพันธุกรรมที่ผิดปกติไปให้ลูกได้

    ผู้ป่วยที่เป็นโรคโลหิตจางธารัสซีเมีย จะซีด อ่อนเพลีย ท้องป่อง ม้ามและตับมีการเจริญเติบโตไม่สมกับอายุ ตัวเล็กผิดปกติ แคระแกร็น มีอาการเปลี่ยนแปลงกระดูกหน้า กระดูกหน้าผากนูนสูง โหนกแก้มขึ้นชัด ดั้งจมูกแฟบ ฟันยื่น กระดูกบางเปราะง่าย ผิวหนังดำคล้ำเพราะมีธาตุเหล็กมากในร่างกาย

    การแก้ไข ผู้ป่วยธารัสซีเมียจะต้องใช้ยาขับธาตุเหล็กที่มีราคาแพงมาก ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและภาวะเหล็กเกินและต้องให้เกือบทุกวันตลอดชีวิตผู้ที่ป่วยและเป็นพาหะของโรคต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

    ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ก่อให้เกิดผลกระทบด้านจิตใจ อารมณ์ เศรษฐกิจสังคมของตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติเป็นอันมาก

    นอกจากนี้ในบ้านเรายังประสบกับปัญหาการขาดแคลนเลือดที่จะใช้ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทั่วประเทศอีกจำนวนมาก

    ดังนั้นการควบคุมจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันประชาชนทั่วไปยังมีความรู้เกี่ยวกับโรคโลหิตจางธารัสซีเมียน้อยมาก

    โรคโลหิตจางธารัสซีเมียเปรียบเหมือนเพชฌฆาตเหงียบเพราะมีประชาชนที่เป็นพาหะ(carrier)ของโรคนี้อยู่จำนวนมากไม่ว่าท่นจะทำอาชีพใดมีฐานะร่ำรวยแค่ไหนก็ตาม ในตัวของท่านก็อาจจะมียีนธารัสซีเมียแฝงเร้นอยู่โดยท่านไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพาหะที่จะถ่ายทอดยีนธารัสซีเมียไปสู่บุตรหลานของตนเองทำให้เป็นโรคโลหิตจางธารัสซีเมีย

    วิธีตัดวงจรของโรคนี้คือให้ความรู้กับประชากรในวัยเจริญพันธ์ให้ตรวจเลือดก่อนแต่งงานเพื่อจะได้รู้ว่าตนและคู่สมรสมีผู้ใดเป็นพาหะของโรคนี้หรือไม่เพราะเมื่อพาหะแต่งงานกันและคู่สมรสเป็นพาหะพวกเดียวกันโอกาสที่ลูกจะเป็นโรคเท่ากับ1ใน4 โอกาสที่จะเป็นพาหะเท่ากับ2ใน4 ปกติเท่ากับ1ใน4

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    คุณ Kan ตอบได้ละเอียดมาก ๆ เลยครับ ขอสรุปให้

    ลูคีเมีย (leukemia) คือ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

    ส่วน ธาลัซซีเมีย (Thalassemia) คือ โรคโลหิตจาง

    ลูคีเมีย ถ้าเป็น "บางชนิด" สามารถรักษาหายได้ (แต่อาจกลับเป็นซ้ำ) และ "ส่วนใหญ่" เป็นเหตุให้เสียชีวิต

    ธาลัซซีเมีย ถ้าเป็น "บางชนิด" ต้องรักษาด้วยยา หรือ เติมเลือด และ "ส่วนใหญ่" ไม่เป็นเหตุให้เสียชีวิต แต่ทุกชนิดไม่หาย รวมทั้งพาหะ

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้