Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

เอดส์ ใครควรรับผิดชอบ?

ปัญหาโรคเอดส์เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของใคร

5 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    หน้าที่ของเราเองครับหน้าที่ของตัวเอง ต้องรู้จักป้องกัน อย่าหวังพึ่งหน่วยงานของรัฐเลย หน่วยงานของรัฐทำงานกันวันหนึ่งถึงสองชั่วโมงหรือเปล่าไม่รู้ น้องลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นวิ่งตามถามหาพ่อใต้จมูกของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นปีๆ ถึงจะมองเห็น

    เอดส์ ติดต่อได้เพศสัมพันธ แสดงว่าคนติดจะต้องมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่มีการป้องกัน ทั้งๆที่เอดส์มีมาหลายปีแล้วข่าวคราวทางราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาไห้ความรู้ สาธาณะสุขทุกแห่ง เกือบทุกแห่งมีเอกสารเผยแพร่และการป้องกัน

    เอดส์ ติดต่อทางการใช้ยาเสพย์ติดชนิดฉีดเข้าเส้นโลหิต ทางศูนย์บำบัดยาเสพย์ติดก็ไห้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันมีอาสาสมัครคอยแนะนำตามชุมชนแออัดที่คาดว่าจะเป็นแหล่งค้าขายยาเสพย์ติด เอาเข็มฉีดยาไปแจก เอาถุงยางอนามัยไปแจก กรณีผู้ที่ใช้ยาเสพย์ถ้าคิดจะเลิก www.na.org สังคมที่นี่ยอมรับคนเคยใช้ยาเสพย์ติด

    แหล่งข้อมูล: www.na.org
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ต้องค้นหาต้นตอของสาเหตุ คือ ตัวเรานั่นเอง ตัวเองต้องรู้รับผิดชอบตัวเองก่อนพร้อม ๆ กับการเหลียวมองผู้คนรอบข้าง เช่น ครอบครัว เพื่อน ฯลฯ เพื่อเป็นการป้องกันและเตือนสติ อย่าลืมคำว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ = ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วจะไม่เกินเหตุการณ์ที่เรียกว่า สายเกินแก้แน่นอน

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ..ด้านการให้ความรู้เพื่อป้องกัน ก็กระทรวงสาธารณะสุข กองควบคุมโรคติดต่อ กองเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร

    ..ด้านการป้องกัน ก็ตัวของเราเอง

    ..ด้านความอาย ไม่ศึกษาเพราะเห็นว่าเรื่องทางเพศเป็นเรื่องต่ำ เรื่องน่ารังเกียจ..ก็ต้องดูที่การอบรมทางบ้าน..ทางโรงเรียน

    คงฟันธงไม่ได้ว่าอะไรหรือใครเป็นตัวชูโรง ในการป้องกัน หรือให้ความรู็แก่ประชาชน..มันต้องเดินควบคู่กันไป รวมถึงสื่อด้วย..

    ที่ควรออกสปอร์ตบ่อยๆ เพื่อย้ำเตือนพวกเด็กๆที่ยังมองไม่เห็นหายนะของโรคเอดส์

    .

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เอดส์ ใครควรรับผิดชอบ...?

    ตอบ...

    โรคเอดส์..เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์แล้วไม่มีทางหายจากโรคนี้ แต่ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยต้องได้รับการดูแลอย่างดี ต้องไม่ได้รับเชื้อเพิ่มมาอีกจากที่มีอยู่แล้วเพราะจะทำให้เชื้อกลายพันธ์ทำให้การรักษาอยู่นั้นเกิดการดื้อยาได้

    เอดส์..แบ่งเป็นสองระยะคือ1.ระยะของการเริ่มติดเชื้อ ในระยะแรกนี้ผู้ที่ติดเชื้อจะยังไม่ปรากฏอาการให้เห็น ดูจากภายนอกจะไม่รู้ว่าเป็นเอดส์ รู้ได้โดยการเจาะเลือดโดยจะพบว่าในกระแสเลือดจะมีเชื้อเอดส์ จะเป็นพาหะสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้

    ระยะ2.ระยะป่วย..ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการป่วยจากโรคแทรกซ้อนต่างๆ โดยผู้ป่วยนั้นจะไม่มีโอกาศที่จะหายจากโรคได้ เนื่องจากเม็ดเลือดขาวถูกทำลายจากเชื้อเอดส์(เม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่รางกายเมื่อเม็ดเลือดขาวถูกทำลายเชื้อโรคต่างๆจึงแพร่เข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดาย)

    รายงานล่าสุด(31มกราคม2552)มีผู้ป่วยเอดส์ทั้งสิ้น จำนวน345,196 ราย เสียชีวิตแล้ว จำนวน93,034ราย แนวโน้มผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ลดลงเนื่องจากการรักษาด้วยยาต้านไวรัสทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทำให้มีผู้เสียชà��µà¸§à¸´à¸•à¸¥à¸”ลงกว่าในอดีต

    แต่มีข้อที่น่าสังเกตุคือหญิงวัยเจริญพันธุ์อายุระหว่าง30-34ปี เป็นมากที่สุด27.80%อายุ25-29ปีประมาณ25.67%กลุ่มวัยรุ่นอายุ15-19ปีประมาณ23.10% เพศหญิงมีสัดส่วนป่วยเอดส์สูงกว่าเพศชายเท่ากับ2:1 :ซึ่งพบว่าผู้ที่อายุ50ปีขึ้นไปมีอัตราป่วยเอดส์5.20%ในขณะที่กลุ่มเด็กอายุ0-14ปีป่วยในอัตรา3.97% ตามลำดับ

    ผู้ที่ป่วยเอดส์ส่วนใหญ่มีปัจจัยเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์สูงที่สุด84.01% เป็นเพศชายรักต่างเพศ56.78%และเป็นหญิงรักต่างเพศ27.23%เป็นผู้ที่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด4.60%ติดเชื้อจากแม่3.82%กลุ่มรับเลือด0.03%และกลุ่มปัจจัยเสี่ยงและอื่นๆ7.55%ตามลำดับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำและประกอบอาชีพใช้แรงงานกรรมกร ลูกจ้างรับจ้างทั่วไป47.03%อาชีพเกษตรกรรม20.14%ผู้ว่างงาน5.98%ค้าขาย4.48%แม่บ้าน4.21%เด็กต่ำกว่าวัยเรียน3.13%ข้าราชการทั้งหลาย3.06%ผู้ต้องขัง1.56%และผู้ที่ไม่ระบุอาชีพ10.39%ตามลำดับ

    โรคแทรกซ้อนจากภาวะของโรคติดเชื้อฉวยโอกาศที่พบมากที่สุด5อันดับแรกคือ1.เชื้อวัณโรค29.37% 2.ปอดบวมจากเชื้อ20.12% 3.เชื้อราขึ้นสมอง14.18% 4.เชื้อราเข้าหลอดอาหารและปอด4.97% 5.เชื้อแบคทีเรียมากกว่า1ครั้งใน1ปี3.38% ผู้ที่เป็นโรคแทรกซ้อนจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องนี้ส่วนใหญ่ก็จะเสียชีวิต จะช้าหรือเร็วก็อยู่ที่การดูแลเอาใจใส่ของผู้ป่วยและญาติที่ดูแลนั่นเอง

    ดังนั้นจะเห็นว่าโรคเอดส์นั้นเป็นโรคที่น่ากลัวและอันตรายมาก ถ้าถามว่าใครจะรับผิดชอบก็ต้องเป็นหน้าที่ของทุกคนทุกฝ่ายที่อยู่ในสังคมไม่บ่งว่าจะเป็นใครก็ตาม ยกตัวอย่างพ่อแม่ผู้ปกครองของลูกก็มีหน้าที่ต้องอบรมดูแลให้ลูกๆเข้าใจและเห็นภัยของโรค ครูอาจารย์ที่สอนลูกศิษย์ก็ต้องให้ความรู้และให้เด็กได้เห็นความร้ายกาจและความรุนแรงน่ากลัวให้เด็กรู้จักการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขให้การอบรมแก่ประชาชนทั่วไปถึงภัยที่จะได้รับจากการเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ ให้ประชาชนได้รู้และเข้าใจในการป้องกันจากการติดเชื้อเอดส์ รู้จักการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธุ์ และเมื่อเป็นแล้วต้องดูแลอย่างไรไม่ให้เป็นพาหะไปสู่ผู้อื่นต่อไป พระสงค์ที่วัดก็สามารถให้ความรู้แก่ญาติโยมที่ไปวัดให้เห็นถึงภัยอันตรายที่น่ากลัวที่สุด ไม่ผิดลูกผิดเมียคนอื่นจะทำให้ติดเชื้อเอดส์ได้ถ้าไม่รู้จักการป้องกัน

    สรุป,,,เป็นหน้าที่ของทุกๆคนไม่เว้นว่าจะเป็นใครก็ตาม ต่างมีหน้าที่ๆจะต้องให้ความรู้และป้องกันไม่ให้พี่น้องลูกหลานญาติมิตรและเพื่อนฝูงของตนเองติดเชื้อเอดส์ได้ โดยไม่เกี่ยงกันว่าจะต้องเป็นหน้าที่ของใคร ทุกคนมีหน้าที่ดูแลป้องกันให้ทุกๆคนปลอดจากการติดเชื้อเอดส์ได้ด้วยกันทุกๆคนครับ...!!!

    แหล่งข้อมูล: สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุข
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ควรร่วมกันรับผิดชอบ ทั้งผู้ที่เป็นโรคเอดส์ และผู้ที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ ด้วยการป้องกันตนเอง

    ซึ่งเอดส์ติดต่อกันได้หลายทาง คือ

    1. การร่วมเพศ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ไม่ว่าชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง ทั้งช่องทางธรรมชาติ หรือไม่ธรรมชาติ ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น ได้แก่ การมีแผลเปิด และจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา ประมาณร้อยละ 84 ของผู้ป่วยเอดส์ ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์

    2. การรับเชื้อทางเลือด

    - ใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ มักพบในกลุ่มผู้ฉีดยาเสพติด และหากคนกลุ่มนี้ติดเชื้อ ก็สามารถถ่ายทอดเชื้อเอดส์ ทางเพศสัมพันธ์ได้อีกทางหนึ่ง

    - รับเลือดในขณะผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิด ในปัจจุบันเลือดที่ได้รับบริจาคทุกขวด ต้องผ่านการตรวจหาการติดเชื้อเอดส์ และจะปลอดภัยเกือบ 100%

    3. ทารก ติดเชื้อจากแม่ที่ติดเชื้อเอดส์ การแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ หากตั้งครรภ์ และไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เชื้อเอช ไอ วี จะแพร่ไปยังลูกได้ ในอัตราร้อยละ 30 จากกรณีเกิดจากแม่ติดเชื้อ จึงมีโอกาสที่จะรับเชื้อเอช ไอ วี จากแม่ได้.....

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้