ชีวิตครอบครัวในสังคมปัจจุบัน แยกกระเป๋าตังค์กันหรือไม่ เพราะอะไร?

แยกเพราะไม่มีความไว้ใจในอีกฝ่ายแต่ถ้าทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็ไว้ใจนะคร๊าบบบบบบบ

ส่วนใหญ่แล้ว จะต่างคนต่างหาแล้วช่วยๆกันจ่าย แบ่งความรับผิดชอบกันไปเป็นส่วนๆ มีน้อยนักที่จะทำเป็นบัญชีรับจ่ายชัดเจน

แต่สิ่งที่น่าทำคือ ต่างคนต่างหา แล้วมีหักเข้ากองกลางไว้เพื่อใช้จ่ายในครอบครัว เหลือก็เก็บไว้เป็นส่วนกองกลางไป...เงินส่วนตัวก็ใช้จ่ายส่วนตัวไปไม่ก้าวก่ายกัน จะดีที่สุด

อยู่ที่เงื่อนไข และการตกลงกันของแต่ละครอบครัว ไม่มีตายตัว สำหรับผม ตกลงกัน ให้แฟนเก็บคนเดี่ยว ( แต่ช่วยกันหา สองคน)

กระเป๋าแยก บ้านแตก นั่นเป็นสื่อบอก ว่าจะไม่อดทน ต่อกันและกัน ความรักน่าจะน้อยลง

วิธีแก้ เข้าวัดฟังธรรม ทั้งสองคนเริย

ครอบครัวเราไม่แยกนะ..เรามี"เงินส่วนตัว"ที่สามีให้เป็นรายเดือน(เขาไม่มายุ่งเงินนี้เลย)..

เงินที่ใช้จ่ายทั้งหลายแหล่ซะป่ะซะปันร้อยอันพันเก้า..ใช้เงิน"กองกลาง"..อิ อิ สามีมีรายได้คนเดียวจ้า..

ของเราแยกนะ เพราะทำงานกันทั้งคู่

แต่แบ่งกันรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่ก็ไม่ได้ฟิกซ์อะไร ใครสะดวกก็เป็นคนจ่าย ไม่ซีเรี��¸¢à¸ªà¸„่ะ

ในอดีตกระเป๋าตังค์มีใบเดียว เพราะทำงานมีคนเดียว แต่ปัจจุบันทำงานกันทั้งสองฝ่าย ประเป๋าตังค์จึงถูกแยกออกมาโดยปริยายไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

ปัญหาจริง ๆ อาจไม่ได้อยู่ที่การแยกหรือไม่แยกกระเป๋า เพราะถ้ามีการจัดสรรหน้าที่ใช้จ่ายแล้ว เช่น ค่าน้ำไฟเป็นของใคร ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นของใคร หรือแม้แต่เงินส่วนกลางที่จะกันไว้สำหรับทำอะไรบ้าง ปัญหาแท้จริงจะเกิดจากการไม่รักษาหน้าที่ของตน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอีกฝ่ายหนึ่งทั้งที่ไม่สมควรหรือถือว่าไม่ได้ตกลงกันมาก่อน

กระเป๋าตังค์จะเหลือใบเดียว ถ้าทั้งคู่ทำงานร่วมกันแล้วฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ควบคุมการใช้จ่าย และสังคมยุคไหนก็ตามที่ทำงานกันทั้งคู่แล้ว กระเป๋าตังค์ย่อมแยกกันเสมอ

เดี๋ยวนี้เขาลืมกันหมดแล้วว่าครอบครัวเป็นอะไรครอบครัวขยาย ครอบครัวเดี่ยว มีแต่เสี้ยวครอบครัวแค่รอว่าถึงเวลาเมื่อไหร่จะไปให้พ้นๆ ต่างคนต่างอยู่ ตัวใครตัวมัน มือขวากุมกระเป๋าตัวเองแต่มือซ้ายไปหากระเป๋าพี่น้อง เพราะไม่มีระบบครอบครัวที่ไปกันได้มีแต่ DNA เมื่อก่อนก็พึ่งพาหาข้อมูลในกลุ่มญาติ แต่ตอนนี้โลกกว้าง ง่ายๆแค่เข้ามาคุยกันที่นี่ก็ไม่มีทั้งครอบครัวและกระเป๋ากลาง..อนิจจัง.