เช้าวันที่สดใส ความหมายที่แท้จริงคืออะไร?

วันที่ปัญหาทุกอย่างผ่านพ้นไปก่อนหลับตานอน..หลับสบายแบบไม่เครียส..

ไม่กังวล..ตื่นเช้ามาก็จะรู้สึกสดชื่น ไม่เครียส ไม่กังวล อารมณ์ก็จะแจ่มใส อากาศก็ดูดี มีกระจิตกระใจ ที่อยากแต่งตัว ส่องกระจกดวงตาก็ยิ้มได้ เวลาที่เรามีความสุขงัย สุขจากการที่เราสมหวัง ไม่ว่าจะจากอะไร มันก็สดชื่น สดใส

สวัสดีเช้าวันอังคารค่ะ...

ดิฉันเชื่อว่าความหมายของ เช้าวันที่สดใส ของแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไป เป็นความสุขในหัวใจของเราแต่ละคน :)

สำหรับดิฉัน...ได้รับการปลูกฝังมาว่า การหมั่นฝึกตนเองให้เป็นคนมองโลกในแบบไหน เราก็จะได้อยู่ในโลกแบบนั้นๆ มองโลกรื่นรมย์ก็ได้อยู่ในโลกรื่นรมย์ มองโลกในแง่ร้ายและหวาดระแวงก็คงจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวงและไม่มีความสุข

ทุกเช้าจึงบอกกับตนเองว่า...วันนี้เป็นวัน��หม่สำหรับดิฉัน เมื่อวานที่ผ่านมาแม้ว่าจะเป็นวันที่ลำบาก ทุกข์ระทมใจ แต่มันได้จบไปแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันใหม่สำหรับดิฉัน เป็นของขวัญที่กำลังรอคอยดิฉันอยู่ ให้ดิฉันได้เลือกเติมวันของตัวเอง ด้วยการกระทำที่ดี สิ่งที่ดีๆ มีกัลยาณมิตรและเกื้อหนุนจุนเจือผู้อื่นเพื่อเราจะได้มีสังคมที่ดีอยู่ และยังมีอะไรดีๆอีกมากมายที่รอให้ดิฉันค้นพบ

อันนี้เป็นทางเลือกของดิฉันเอง เลือกเพื่อความสุขของหัวใจ และความสุขของคนรอบข้าง ดิฉันเลือกที่จะเชื่อว่าวันนี้จะเป็นวันที่สดใสอีกวันหนึ่งของดิฉัน

หากชีวิตพบปัญหาในตอนเช้า ก็จะตั้งใจมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะประเด็นนั้น ทำในหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และปล่อยวาง ปล่อยให้มันผ่านไป พร้อมกับย้ำเตือนตัวเองว่า วันนี้ยังมีอีกยาวไกล อย่าเพื่งให้ปัญหาชิ้นเดียวนี้ ทำร้ายและ ทำลายวันที่ดีๆของเรา และกลายเป็นคนอารมณ์ไม่ดีไม่มีความสุขไปตลอดวัน

การปลูกฝังให้ตัวเองมองโลกอย่างสดใสนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายและเป็นธรรมชาติสำหรับเราในตอนแรกๆ แต่เมื่อฝึกไปๆก็จะทำได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น เป็นธรรมชาติขึ้นค่ะ เมื่อตื่นขึ้นมาอย่างคนมีสติ-ปัญญาก็เกิด วันแต่ละวันของเราก็จะสดใส และกลายเป็นคนมีสุขภาพจิตดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เข้ากับคนง่าย เข้่าใจผู้อื่น ให้อภัย ไม่ถือโกรธใครและสิ่งใดนาน อยากเชิญชวนเพื่อนๆให้มองวันนี้เป็นวันทีสดใสค่ะ

ขอให้ทั้งผู้ถาม ผู้ตอบ และผู้อ่าน มีวันที่สดใสทุกวันตลอดอาทิตย์นะคะ ขอบคุณค่ะ

หากผิดพลาดมาบ่อยครั้ง

หากพลาดพลั้งมาหลายหน

แต่ถ้าสู้ด้วยใจที่อดทน

จะข้ามพ้นอุปสรรคที่มากมาย

จงเรียนรู้สิ่งที่พลาดในอดีต

นำมาคิดตริตรองยังไม่สาย

ใช้มันเป็นครูสั่งสอนใจกาย

แล้วจะได้สิ่งที่หวังที่ตั้งใจ

หากความหวังยังอยู่คู่ฟ้า

อนาคตยังแรงกล้าแสงสดใส

สองเท้ายังคงก้าวย่างต่อไป

ความสำเร็จคงไม่ไกลเกินฝ่าฟัน

ทำใจดีๆ เข้าไว้

วันพรุ่งนี้จะเป็นไงใครจะรู้

สิ่งใดพลั้งสิ่งใดผิดคิดเป็นครู

วันข้างหน้ายังรออยู่สู้ต่อไป

เดินผ่านไปแล้วมีรอยเท้า

ผิดมาแล้วเป็นทางยาวก้าวไม่ไหว

อย่ากลัวเดินอีกก้าวบนทางไกล

รอยเท้าเก่าสอนเราไว้เป็นบทเรียน

หนึ่งหยดน้ำร่วงหล่นบนพื้นหญ้า

ไหลรวมเป็นสาขาสู่แม่น้ำ

รวมทุกสายสู่ท้องทะเลคราม

เหมือนหนึ่งความพยายาม...จะก้าวไกล

"เช้าวัน"ที่สดใส ผมว่าหมายถึง ความสดใสของธรรมชาติ มากกว่าความสดใสของจิตใจนะ

หมายถึงเช้าวันที่ท้่องฟ้าแจ่มใสปลอดโปร่ง ไม่มีเมฆหมอกฝน อากาศเย็นสบายไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป อาจเป็นเช้าวันหนึ่งปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว หรือในฤดูใบไม้ผลิ ครับ

เป็นวันที่สดชื่น ฝนไม่ตก ฟ้าไม่ร้อง อารมรณ์ก็สดใส สมองปลอดโปร่ง นั่นหมายถึงวันที่สดใสจริงๆ ไม่ติงนัง

ไม่ต้องรีบไปทำงาน - อากาศเป็นใจ - เมื่อคืนได้พักผ่อนเด็มที่

และถ้าคุณท่านไม่อยู่จะเป็นวันที่สดใสกว่า..........

(พูดเล่น)

คิดว่าหน้าจะเป็นที่ตัวเองมีความสุขกับวันนั้นมังคะ ถ้าวันนี้เราอารมณ์ดีทุกอย่างก็คงดีและมีความสดชืนสดใสแต่ถ้าวันใหนที่เราหงุดหงิดก็คงหาวันที่สดใสไม่เจออย่างแน่นอนคะ

ส่วนตัว เช้าวันที่สดใส คือ เช้าที่สดใส อะไร อะไร ก็สดใส สดชื่น

วันที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นของตัวเรา อารมณ์แจ่มใส และต้องไม่หงุดหงิดแต่เช้าด้วย

เช้าวันที่สดใส..

ของแต่ละคนอาจจะต่างกันไป คนบางคนอาจจะตื่นขึ้นมามองดูอากาศแล้วก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า หากว่าวันนี้ฝนไม่ตก อากาศไม่มีขี้เขม่าเราก็ว่าเช้าวันที่สดใสครับ แต่หากฝนตกอากาศร้อนเราก็ว่าเช้านี้ไม่สดใส

กับอีกบางท่าน อาจจะมองในรูปแบบ positive thinking คือคิดบวก คือไม่ว่าตื่นเช้าขึ้นมาฝนฟ้าจะเป็นอย่างไร ความคิดและทัศนคติที่ถูกฝึกหัดและขัดเกลา ก็จะทำให้เค้ามองวันทุกเช้าเป็นวันที่สดใส

ทั้งสองมุมมองไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก แต่เป็นการเลือกที่จะมองต่างกัน

สำหรับผมเมื่อเช้านี้ก็สดใสต๊ะติ๊งหน่องดี แต่เจ้านายโทรมาชวนไปกินกาแฟแต่เช้ารับฟังความทุกข์ของเจ้านาย แล้วก็สลัดมันออกจากสมองและหัวใจ เพราะเจ้านายคงไม่อยากเห็นเราเป็นคนเซ็งเป็ดตั้งแต่เช้า เล่ามาผมก็รับฟังท่าน..แล้วก็วางลง เดินหน้าต่อไปครับท่าน ชีวิตมีอะไรให้ทำอีกเยอะ...