สำนวนว่าชายสามโบสถ์หมายถึงอะไร ใช้กับคนหรือสถานการณ์แบบไหนคะ?

คำถามนี้ ผู้ตอบได้แสดงความเห็นแตกต่างกัน จึงขอร่วมแสดงความเห็นเพิ่มเติม

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

ชายสามโบสถ์

ความหมาย

(สํา) น. ผู้ที่บวชแล้วสึกถึง ๓ หน, ใช้พูดเป็นเชิงตําหนิว่าเป็นคนที่ไม่น่าคบ

ในพระนิพนธ์ของหม่อมเจ้าอิศรญาณ ความว่า

สัตว์ผอมฤษีพีนี้สองสิ่ง สามผู้หญิงรูปดีไม่มีถัน

กับคนจนแต่งอินทรีย์นี้อีกอัน สี่ด้วยกันดูเป็นเห็นไม่งาม

บรรพชาสามปางนางสามผัว ข้าเก่าชั่วเมียชังเขายังห้าม

มักเกิดเงี่ยงเกี่ยงแง่แส่หาความ กาลีลามหยาบช้าอุลามก

*ตรงนี้ความหมายจะหมายถึง ชายที่บวชพระแล้วสึก3ครั้ง*

และมีข้อความกล่าวถึงสมเด็จพระสังฆราชได้ทรงตรัสถึงชายสามโบสถ์ว่า คำว่าชาย 3 โบสถ์ นั่นคือ บวชทางพุทธ แล้วอยากมีเมียก็บวชทางคริสต์ อยากมีเมีย 4 คนก็ไปนับถืออิสลาม คนแบบนี้ต่างหากจึงจะเรียกว่าชาย 3 โบสถ์

*ตรงนี้ความหมายจะหมายถึงคนที่เปลี่ยนศาสนาถึง3ครั้ง*

จึงคิดว่าชายสามโบสถ์ มีความหมายทั้งสองอย่าง

มีข้อสังเกตุนิดนึง คนที่เปลี่ยนศาสนามีทั้งหญิงและชาย แต่ทำไมถึงใช้คำว่าชายสามโบสถ์ ไม่มีหญิงสามโบสถ์

ความคิดของผู้ตอบจึงให้น้ำหนักไปที่ ชายที่บวช3ครั้งมากกว่า

มนุษย์ผู้ชายที่บวชๆสึกถึงสามครั้ง แต่จริงๆแล้วหมายถึงคนที่นับถืออะไรไม่จริงจังไม่ศึกษาให้ถ่องแท้เขาว่าดีก็แห่ตามเขา นับถือเผื่อจะรวยจะสมหวังดังคิด เช่นเป็นพุทธอยู่ดีๆ เมื่อเขามาโฆษณาเรื่องพระเจ้าช่วยท่านได้ ถ่ายบาปให้ทานได้ก็หันเข้าถือคริสต์ พอถือคริสต์ได้สักพักเขาบอกว่าไปเข้าแขกดีกว่า ก็ไปนับถือศาสนาอิสลามต่อพอใครแนะว่าโยเรดี นัมโมโงเล็งเงเคียวดี ก็ไปนับถือพุทธมหายานอีก วนเวียนอยู่เช่นนี้ค้นดีให้ตัวเองไม่ได้ ทุกศาสนาในโลกนี้ล้วนสอนให้ศาสนิกของตนเป็นคนดี ดำเนินชีวิตอยู่ในกรอบของขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีที่สังคมยอมรับตัวเองดูถูกตัวเองไม่เชื่อมั่นตนเองและศาสนาของตนเองต่างหากจึงเอาดีไม่ได้ บุคคลเช่นนี้ ทำงานที่ใดเป็นสมาชิกของสังคมใดก็จะทำให้ที่ๆ ตนอยู่ร่วมด้วยนั้นเสื่อมทรามหาความเจริญความสุขที่แท้จริงไม่ได้

มีหลายความหมาย

อย่างที่ 1

ชาย 3 โบสถ์ ไม่เกี่ยวว่าเคยได้บวชเป็นจำนวน 3 ครั้ง

แต่ ชาย 3 โบสถ์ มีความหมายถึง การเปลี่ยนความเชื่อ หรือสิ่งที่เป็นสรณคือสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่น หลายครั้ง

เพราะความหมายหรือเจตนา ของคำนี้ มีนัยว่า เป็นคนมีใจโลเล

คงต้องรอความเห็นจากผู้อื่นอีกนะครับ

อย่างที่ 2

ชายสามโบสถ์= ผู้ที่บวชแล้วสึกถึง 3 หน (ตำหนิว่าไม่น่าคบ) ...ลางตำราท่านหมายถึงคนที่เปลี่ยนศาสนาถึง ๓ ครั้ง ๓ คราก็มี หมายถึงเป็นไม้หลักปักเลน ไม่ซื่อตรงต่อความเชื่อ

ปัจจุบันเข้าใจผิดว่า ชายสามโบสถ์ หมายถึง มนุษย์ผู้ชายที่บวชๆสึกถึงสามครั้ง ความจริงมิได้หมายความเช่นนั้น แต่หมายถึงคนที่นับถืออะไรไม่จริงจังไม่ศึกษาให้ถ่องแท้เขาว่าดีก็แห่ตามเขา นับถือเผื่อจะรวยจะสมหวังดังคิด เช่นเป็นพุทธอยู่ดีๆ เมื่อเขามาโฆษณาเรื่องพระเจ้าช่วยท่านได้ ถ่ายบาปให้ทานไดà¹��ก็หันเข้าถือคริสต์ พอถือคริสต์ได้สักพักเขาบอกว่าไปเข้าแขกดีกว่า ก็ไปนับถือศาสนาอิสลามต่อพอใครแนะว่าโยเรดี นัมโมโงเล็งเงเคียวดี ก็ไปนับถือพุทธมหายานอีก วนเวียนอยู่เช่นนี้ค้นดีให้ตัวเองไม่ได้ ทุกศาสนาในโลกนี้ล้วนสอนให้ศาสนิกของตนเป็นคนดี ดำเนินชีวิตอยู่ในกรอบของขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีที่สังคมยอมรับตัวเองดู ถูกตัวเองไม่เชื่อมั่นตนเองและศาสนาของตนเองต่างหากจึงเอาดีไม่ได้ บุคคลเช่นนี้ ทำงานที่ใดเป็นสมาชิกของสังคมใดก็จะทำให้ที่ๆ ตนอยู่ร่วมด้วยนั้นเสื่อมทรามหาความเจริญความสุขที่แท้จริงไม่ได้

ในสมัยพุทธกาล นายจิตตหัตถ์ ผู้เลี้ยงโคบวชแล้วสึก บวชแล้วสึกถึง ๖ ครั้ง พอครั้งที่ ๗ ตัดสินใจบวชอีก และได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในการบวชครั้งที่ ๗ นั่นเอง

เรื่องพระอรหันต์จิตตหัตถ์ที่นำมาเล่าเป็นตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า การตั้งใจทำจริงย่อมสำเร็จประโยชน์ในทุกเรื่องแม้แต่เรื่องที่ยากยิ่งถึง เป็นพระอรหันต์ยังสามารถทำได้

เคยได้ยินครับ หญิงสามผัวชายสามโบสถ์ คบยาก

นั่นอาจหมายถึง คนที่ทำอะไรแล้วผิดในเรื่องเดิมๆถึงสามครั้ง คุณควรระวังในการตัดสินใจของเขา หากคุณต้องทำงานรวมกับเขา ก็ต้องไตร่ตรองเป็นพิเศษ

จริงๆแล้วไม่ได้เกี่ยวกับศาสนา หรือ ผู้หญิงหรอกครับ เป็นคำอุปมาเท่านั้นเอง

ที่คนในอดีตยกมาเปรียบเปรย

เข้าใจผิดมานานแล้วซีนึกว่าจะหมายถึงคนที่มีความมุ่งมั่นในศาสนาที่ต้องการจะเข้าไปบวชให้ได้แต่ต้องเจออุปสรรคจนบวชไม่ได้ต้องหนีไปครั้งที่สองก็คล้ายเดิมอีกก็ลี้ภัยไปอีก จนถึงครั้งที่สามจึงหมดอุปสรรคทั้งปวงสามารถบวขและศึกษาพระธรรมได้อย่างความตั้งใจจนเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

เพราะคิดว่าการบวชน่าจะหมายถึงตจ้องการที่จะเข้าไปทำความดีทีความสงบและต้องมีความพยายามเป็นอย่างมากว่ายังไงก็ต้องทำความดีให้ได้

ในโบสถ์ก็มีพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่น่าจะเอามาเปรียบเทียบกับความเหลวไหลของคนได้เลย

เปรียบเทียบกับคนที่มีหลายศาสนา หมายถึง ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งชัดเจน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเอาแน่นอนอะไรไม่ได้

เมื่อไม่นานมานี้เอง(น่าจะประมาณต้นสัปดาห์) ฟังรายการวิทยุ ลูกทุ่งมหานคร รัชนี-กำพู ให้ความหมายของชายสามโบสถ์ว่า ไม่ใช่บวชแล้วสึก บวชแล้วสึกสามครั้ง (ถ้าบวชในศาสนาเดิม จะบวชกี่ครั้งก็ได้) แต่หมายถึงการที่ผู้ชายคนนั้น บวชแล้วสึกเปลี่ยนศาสนาแล้วบวช แล้วสึกใหม่อีก แล้วก็เปลี่ยนศาสนาแล้วก็บวชใหม่อีก จนเป็นสามโบสถ์ ค่ะ...^_^