Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

คุณว่าคนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือจริงหรือเปล่า แล้วเราจะแก้ได้อย่างไร?

เคยมีผลการสำรวจออกมาหลายปีมาแล้วว่าคนไทยไม่ชอบการอ่านหนังสือ อ่านกันปีละ 6 บรรทัด คำถามก็คือ หลังจากประกาศกันมาแล้วหลายปีว่าคนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ เรามีความเคลื่อนไหวอะไรให้คนไทยหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้นหรือเปล่า หรือเรารู้แล้วเราก็บ่นๆ กันแล้วไม่ได้ทำอะไร

สาเหตุที่ถามก็เพราะไม่ชอบที่ว่าเราไม่ดีตรงไหน แล้วทำไมไม่ทำให้มันดีขึ้น เช่นปีนี้ 6 บรรทัด แล้วปีต่อไป 10 บรรทัดได้ไหม แล้วปีถัดๆ ไป กลายเป็น 1 หน้า 1 บท 1 เล่ม จะได้หรือเปล่า? เรามีโครงการติดตามสำรวจแบบนี้ไหม หรือว่าเราก็ยังคงจำต่อไปว่า อ๋อ คนไทยอ่านแค่ 6 บรรทัดต่อปีตลอดไป

9 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    เป็นเรื่องแปลกเหมือนกันครับ ถ้าดูตามผลสำรวจ

    อัตราการรู้หนังสือของประชากรผู้มีอายุเกิน 15 ปีในประเทศไทยคือ

    ชาย 95.9% หญิง 92.6%

    ที่มา: เลขประมาณการประจำปี 2551 จัดทำโดยองค์การ UNESCO

    http://www.bot.or.th/THAI/ECONOMICCONDITIONS/THAI/...

    เป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับหลายๆประเทศ

    จากข้อมูล แสดงว่าคนไทยรู้หนังสือ อ่านออก เขียนได้ ในระดับสูง

    ลองมาดูการสำรวจ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2551

    การสำรวจการอ่านหนังสือของประชากร (ใช้กลุ่มตัวอย่าง 52,000 ครัวเรือน) คนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป อ่านหนังสือลดลงจากร้อยละ 69.1 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 66.3 ในปี 2551 ซึ่งคนไทยมีอัตราการอ่านหนังสือลดลงเกือบทุกวัย คือทั้งวัยเด็ก วัยเยาวชน และวัยทำงาน ส่วนวัยสูงอายุ เป็นกลุ่มเดียวที่มีอัตราการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น

    สนง.สถิติใช้ตัวชี้วัดปริมาณการอ่าน ด้วย"จำนวนเวลา"ที่ใช้ในการอ่านหนังสือนอกเวลาเรียน/นอกเวลาทำงาน คือ เฉลี่ย 39นาทีต่อวัน (สำหรับผู้อ่านหนังสือที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป)

    น้อยลงจากปี 2548 ที่ใช้เวลาเฉลี่ย 51 นาทีต่อวัน โดยพบว่า

    คนทุกวัยใช้เวลาอ่านหนังสือฯ น้อยลง

    ที่มา http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/themes/the...

    "ถ้าดูตามนี้เราคงต้องตอบว่า คนไทยไม่ได้ไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่อ่านหนังสือน้อยลง"

    คำถามสำคัญในการสำรวจคือ

    1.เหตุผลในการอ่านหนังสือนอกเวลาเรียน/นอกเวลาทำงาน? เพราะความสนใจหรืออยากรู้มีสัดส่วนสูงที่สุด (ร้อยละ 61.4)

    รองลงมาคืออ่านเพื่อความบันเทิง (ร้อยละ 27.5) เพื่อการศึกษา (ร้อยละ 22.3) และเพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์/ฆ่าเวลาโดยการอ่านหนังสือ (ร้อยละ18.9)

    2.สาเหตุที่ไม่อ่านหนังสือนอกเวลาเรียน/นอกเวลาทำงาน?

    ครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 54.3) ไม่อ่านหนังสือเพราะดูโทรทัศน์ รองลงมา คือ ไม่มีเวลาอ่าน (ร้อยละ 28.4)

    3.วิธีการรณรงค์ให้คนรักการอ่านหนังสือ ที่ได้รับการเสนอแนะ?

    1) หนังสือควรมีราคาถูกลง (ร้อยละ 28.7)

    2) หนังสือควรมีเนื้อหาสาระน่าสนใจ (ร้อยละ 22.0)

    3) ควรมีห้องสมุดประจำหมู่บ้านหรือชุมชน (ร้อยละ19.8)

    4) ส่งเสริมให้พ่อแม่ปลูกฝังให้เด็กรักการอ่านหนังสือ (ร้อยละ 19.3)

    5) ภาษาที่ใช้ในหนังสือควรใช้ภาษาง่าย ๆ สื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจได้ (ร้อยละ 13.1)

    แล้วเราจะแก้ไขอย่างไร ?

    สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ ไม่อ่านหนังสือเพราะใช้เวลา ในการดูโทรทัศน์ และก็อ้างว่าไม่มีเวลา เราน่าจะใช้ตัวนี้ มาวิเคราะห์ปัญหา

    ข้อดีของโทรทัศน์คือ ฟรีและเข้าถึงได้ง่าย หนังสือฟรี ราคาถูกและเข้าถึงได้ง่ายหรือเปล่า? ไม่มีเวลา เพราะเวลาส่วนใหญ่หมดไปเพราะการจราจร, ความไม่ตรงต่อเวลาของคนไทยหรือเปล่า?

    วิธีแก้ปัญหา ในความคิดของผมคือ ต้องมีห้องสมุดชุมชน อย่าง TK Park ชั้น 8 Central World, ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์ฯ,

    TCDC อาคารEmporium ให้มากๆ ทั้งในกรุงเทพ รวมถึงต่างจังหวัดด้วย เพราะคุ้มค่ากว่าการทำให้หนังสือที่ขายในห้างถูกลง หนังสือที่รัฐลงทุนซื้อ 1 เล่ม อาจจะมีคนอ่านเป็นสิบ ร้อย หรือพันก็ได้ ดีกว่าทำให้หนังสือในตลาดถูกลงโดยหนังสือเล่มหนึ่งอาจถูกอ่านเพียงคนเดียวและเพียงครั้งเีดียวก็เป็นได้ ห้องสมุดที่กล่าวไปแล้วตอบโจทย์ที่ว่า เข้าถึงหรือใช้ับริการได้ในราคาถูกมากเมื่อเีทียบกับการซื้ออ่านเอง มีหนังสือหลากหลายสำหรับ TK Park (ค่าสมาชิกหลักร้อยต่อปี), เน้นเรื่องการลงทุนและธุรกิจ สำหรับห้องสมุดมารวย (ค่าสมาชิกหลักร้อยต่อปี), เน้นเรื่องดีไซน์และการออกแบบสำหรับ TCDC (ค่าสมาชิกหลักพัน ก็นับว่าถูกเมื่อเทียบกับซื้ออ่านเอง)

    ห้องสมุดเหล่านี้ตอบโจทย์เรื่อง ประหยัดเวลาด้วย เพราะทุกที่ใกล้รถไฟฟ้า สมาชิกสามารถแวะยืมหนังสือก่อนกลับบ้าน และก็เริ่มอ่านในรถไฟฟ้านั่นแหละครับ ไม่มีเวลา ก็ต้องใช้เวลาอย่างคุ้มค่าให้มากที่สุด ผมอยากให้ model ต้นแบบเหล่านี้กระจายไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศจริงๆ

    สิ่งที่อยากเสริมเพิ่มเติม อยากให้ห้องสมุดเหล่านี้ ลดพึ่งพาการอุดหนุนจากทางรัฐอย่างเดียว ท่ามกลางสภาวะของประเทศไทยซื่งประเทศที่ร่ำรวยนี้ ผมอยากใ้ห้ หน่วยงานเหล่านี้สามารถหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองได้หรือเพื่อสามารถขยายการเปิดสาขาในทำเลอื่นได้ เช่น การหาค่าโฆษณาทั้งจากห้องสมุด วารสารแจกฟรี หรือwebsite หรือหารายได้จากค่าเช่าหรือบริการอื่นๆ ที่มีให้กับสมาชิก หรืออาจจะเป็นในรูปแบบคิดเปอร์เซ็นต์กับผู้ร่วมลงทุนจากรายได้ของการขายสินค้าให้กับสมาชิกหรือประชาชนทั่วไปก็ได้คับ

    แหล่งข้อมูล: (ขออภัยที่ตอบยาวและขอบคุณที่อ่านจนจบคับ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในใจมานานแล้ัวคับ)
  • Nicky
    Lv 7
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ที่จริงคนไทยชอบอ่านหนังสือนะคะ แต่คนไทยไม่ชอบซื้อหนังสือมากกว่าเพราะมีราคาแพง

    ถ้าเทียบจากการขายหนังสือกับจำนวนประชากร คนไทยก็ต้องอ่านน้อยเป็นธรรมดา

    ที่เราพูดแบบนี้เพราะเห็นตัวอย่างที่บ้าน ตามร้านทำผม ร้านกาแฟ โรงพยาบาล สถานที่ธุรกิจต่างๆ อย่างเช่นที่บ้านหนังสือพิมพ์1ฉบับนี่อ่านทั้งบ้าน คนงานก็อ่าน คนมาซื้อของก็อ่าน เซลล์มาก็อ่าน

    ตามสภากาแฟ คนแก่ คนพัก คนว่างงานเข้ามาก็เห็นนั่งอ่านกันเกือบทั้งนั้น เป็นต้น

    คนไทยชอบอ่านจริงๆค่ะ แล้วสมัยนี้นอกจากอ่านจากหนังสือ ยังมีสื่ออื่นๆให้อ่านอีกเยอะแยะ ในอินเตอร์เนต ป้ายโฆษณา ท้ายรถ ถุงกล้วยแขกฯลฯ เราไม่เชื่อผลสำรวจหรอกค่ะ ที่ว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละไม่ถึงหน้า

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เพราะ หนังสือแพงเกินไป หนังสือเด็กแบบการ์ตูนแฝงความรู้ เล่มละ 170 ขนาดเท่าพ้อคเก็ตบุ๊ค หนังสือขนาดเดียวกัน เล่มละสองร้อยขึ้นไป ยิ่งหนังสือดีๆเล่มละเป็นพันทั้งนั้น คงมีแต่คนรวยๆซื้ออ่านได้บ่อยๆ คนทั่วไปก็อ่านหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร อาศัยดูทีวีก็พอได้ ไม่ต้องเสียตังค์ เขาก็คิดกันแบบนี้

    แก้ได้โดย เปิดให้มีห้องสมุดประชาชนให้มากๆ มีทุกเขต ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ หมู่บ้าน ไม่ใช่ให้บริจาคอย่างเดียว เพราะบริจาคไปก็กระจาย ไม่มีหมวดหมู่ ไม่มีหนังสือดีๆเพียงพอ ถ้ามีห้องสมุดกลางก็จะมีหนังสือดีๆมากมาย คนใช้เวียนอ่านกันได้ ให้ยืมกลับบ้านได้ มีค่าสมาชิกไม่แพงนัก มีหนังสือดีๆมากมายทั่วทุกมุมโลก คนก็อยากมาอ่าน อยากมาใช้

    นี่บ้านนอกก็ไม่มี มีแต่ห้องสมุดประชาชนแบบลำเค็ญมากกว่า กทม ก็หายาก แทบไม่มี มีแต่ในสถานศึกษา คนทั่วไปก็เลยต้องซื้อหนังสืออ่านเอง จะกินจะใช้ยังไม่พอเลย ถ้าซื้อหนังสืออ่านบ่อยๆก็ไม่พอใช้อยู่แล้ว

    อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเศรษฐกิจของประเทศดี คนในชาติก็ไม่เครียด มีเงินทองคล่องมือ ก็ย่อมจะมีกำลัง มีอารมณ์อยากอ่านหนังสือมากขึ้น แต่ทุกวันนี้คนจนมากกว่าคนรวย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมานั่งอ่านหนังสือแบบใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพราะทำงานเสร็จก็เหนื่อย นอนพัก หาเช้ากินค่ำ อ่านหนังสือพิมพ์ ดูทีวีเอา ก็พอแล้ว เศรษฐกิจมันบีบบังคับมากกว่า

    เคยดูทีวี ประเทศไรไม่รู้ เขามีห้องสมุดประชาชนใหญ่โตมาก ให้คนใช้ เพราะเขาเห็นความสำคัญของการอ่านหนังสือ มีทั้งหนังสือแบบไม่ใช่หนังสือ เป็นคอมพ์พิวเตอร์ก็มี เก็บข้อมูลไว้มากมาย ของเราเมื่อไหร่จะมี มัวแต่สร้างถนน ขุดท่อ ซ่อมทางเท้า ทั้งปีทั้งชาติ พวกนักการเมืองก็โกงมหาศาล แล้วจะมีงบอะไรไปทำ มันก็วังวนอยู่แบบนี้

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เดี๊ยนเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซนต์ แล้วก็ช๊อบชอบ ชอบอ่านหนังสือ ถึงจะอ่าน น้อยกว่าซื้อก็เหอะ นะ

    ไม่ทราบว่า ผลสำรวจเนี่ยะ เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปนสำนักพิมพ์อยากเพิ่มยอดขายรึปล่าว

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสำรวจยังไงว่าคนไทยอ่านหนังสือกันปีละ 6 บรรทัด แล้วบรรทัดนึงมันยาวแค่ไหนเหรอครับ ?

    มาตรฐานที่ใช้วัดคืออะไรผมก็ไม่รู้

    สมมุติผมบอกว่า นาย A อ่านหนังสือได้แค่วันละบทเท่ากับนาย B

    แต่บทหนึ่งของนาย A มันคือ 700 กว่าหน้า ส่วนของนาย B แค่ 20 กว่าหน้า

    จะมาบอกว่านาย A กับนาย B อ่านหนังสือได้บทนึงเท่ากัน มันไม่ใช่อ่ะครับ

    หรืออาจจะจริงอยู่คนในเมืองอาจจะชอบอ่านหนังสือกัน

    แต่พอเฉลี่ยออกมารวมกับคนชนบทด้วย ก็เลยออกมาเป็นงั้นไป

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ไม่ชอบกับอ่านไม่ออก คุณว่าต่างกันไหมต้องคิดถึงเด็กต่างจังหวัดด้วยอย่าวัดกันแต่เฉพาะในกรุงเทพ และจากการที่มีหลานซึ่งเป็นเด็กเล็กอยู่ในบ้านประมาณ 5 คนเราพบว่าวิธีการสอนหนังสือแบบใหม่ไม่ได้สอนให้เด็กอ่านหนังสือสะกดคำแบบที่เราเรียน แต่เขาให้ท่องเป็นตัวอักษร ประมาณว่าจำเอา ทำให้เวลาเจอคำที่ไม่เคยเห็นก็อ่านไม่ออก เพราะสะกดไม่เป็น หลานเราเอาหนังสือให้อ่าน ๆ ไม่คล่องลองให้สะกดคำเห็นเขาท่องออกมาเป็นคำ เช่น เขียน เขาท่อง เ-ขี-ย-น เขาไม่ได้สะกด สระเอ ขอ เอีย นอ เราต้องไปหาหนังสือตัวสะกดแบบที่เคยเรียนตอนป 1 มานั่งสอนใหม่ เดี๋ยวนี้เขาเริ่มหาหนังสืออ่านเองเป็นเล่มแล้วแต่อ่านช้าหน่อย ก็ไม่เป็นไรค่อย ๆ ฝึกไป ถามว่าทำไมแต่ก่อนไม่ค่อยอ่านเขาบอกสะกดไม่ถูกบางคำเดาเอาว่าอ่านแบบนี้

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    จริง และอีกอย่างคนไทยไม่นิยมจดบัทึกอีกด้วย

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    คาดว่าค่าเฉลี่ยจะต้องสูงขึ้นมากเเล้วล่ะ

    ถ้ามีมือถือ, ต่อnet, ขึ้นศาล เอกสารสัญญามากมายจำเป็นที่จะต้องอ่าน โดนเอาเปรียบมาฟ้องร้องก็โดนบังคับให้อ่าน

    ไม่อยากโดนบังคับอ่านก็ศึกษารายละเอียด เเละเริ่มอ่านตั้งเเต่ตอนเปิดใฃ้บริการครับ

    แหล่งข้อมูล: กระตุ้นการอ่านกันเเบบเเปลกๆนะ เเต่ก็ได้ผลดี
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ผมว่าเด็กรุ่นใหม่ๆอ่านหนังสือเยอะนะครับ 6 บรรทัดต่อปีนี่ถือว่าน้อยมากเลย เวลามีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติทีนึงนี่คนเยอะมากเลย โดยส่วนตัวแล้ววันนึงก็อ่านเป็นเล่มแล้ว ผมว่าประเทศเราจะพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆครับเพราะคนรุ่นใหม่จะมีความรู้มากขึ้นกว่าเดิมมากเลย ผลสำรวจเป็นแค่เพียงตัวเลขครับสำหรับผม

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้