Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

sudb
Lv 4
sudb ถามใน สังคมศาสตร์สังคมวิทยา · 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

ท่านคิดว่า ทำอย่างไร? "จึงจะสร้างวินัยให้กับคนในชาติได้?

อัปเดต:

สังคมไทยนั้นเป็นอยู่อย่างตามใจตัวเอง ตั้งในอดีตถึงปัจจุบัน เมื่อคนในชาติขาดวินัย ชาติก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างยุ่งเหยิง ท่านคิดว่าการปลูกฝังวินัยให้เยาวชนนั้นควรเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่? และอย่างไร? ที่สำคัญกระบวนการนั้นจะสำฤทธิ์ผลได้หรือไม่?

อัปเดต 2:

เป็นคำตอบที่ดีทั้งสองคำตอบเลยครับ แต่คิดยังไม่สามารถส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมประเทศชาติได้ครับ ที่คิดเช่นนี้เพราะว่า วิธีการอย่างคำตอบทั้งสองนั้นมีการปฏิบัติกันมานานแล้ว แต่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงมีวินัย เหมือนกับประเทศญี่ปุ่นครับ ประเทศนี้เขาทำกันอย่างไร? จะนำมาใช้กับประเทศไทยได้หรือไม่?

อัปเดต 3:

คำถามไม่เป็นที่สนใจสักเท่าใด ไม่เหมือนคำถามอื่นๆ ที่มีสีสัน

คำตอบของคุณ stitch เหมือนบ่นๆกับเรื่องที่เจอมา และสรุปได้แล้วว่าคงไม่มีทางอื่นแล้วสำหรับคนเชื้อชาติไทย ชนชาติไทยที่จะพัฒนาวินัยได้โดยไม่ต้องตั้งกฎ เพราะขนาดมีกฎก็ยังแหกแม้นกระทั้งผู้รักษากฎก็เพิกเฉยหรือแหกกฎเสียเอง

คำตอบของคุณ Q_jaguar ครับ คิดว่าไม่เฉพาะกับศาสนาพุทธเท่านั้น หากชนในชาติไม่ว่านับถือศาสนาใด ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนในพระศาสนาที่ตนเองนับถืออยู่กันอย่างน้อยสัก เจ็ดสิบเปอร์เซ็น ผมเชื่อว่า จะทำให้ตนเองมีวินัยและครอบครัวรวมทั้งสังคมนั้นก็จะมีวินัย จนในที่สุดคนทั้งประเทศส่วนใหญ่ก็จะมีวินัย ทำให้ประเทศพัฒนาไปในทางที่ดีและน่าอยู่อย่างมากครับ.

อัปเดต 4:

เอ.! ผมเพิ่มรายละเอียดเยอะ แต่ว่าทำไมเหลือแค่นี้เองหน่ะ?

7 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    การปลูกฝังวินัยให้เยาวชนนั้นควรเริ่มต้นที่ครอบครัวเล็กๆของเราเองสอนกันตั้งแต่เด็กน้อยเริ่มรู้ความ เห็นด้วยที่ว่าสังคมไทยนั้นเป็นอยู่อย่างตามใจตัวเอง ตั้งแต่ในอดีตจนถึงถึงปัจจุบันเราบันทึกลงในสูจิบัตรว่าเราเป็นศาสนาพุธแต่คนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นศาสนาพุธตามใบเกิดเท่านั้นแต่ในความเป็นจริงของชีวิตเขาเหล่านั้นมิได้ศึกษาหลักพุธศาสนาด้วยเห็นว่าเชยล้าสมัยจึงเป็นมูลเหตุ ทำให้คนในชาติขาดวินัย เราคงไม่ต้องถึงกับไปศึกษาพระไตรปิฏกขอเพียงแค่รักษาเบญจศีล คือศีล ๕ แบบไม่ต้องเต็มรูปแบบก็ได้

    คนที่อยู่ด้วยกันในสังคมบางคนอาจจะเป็นผู้มีอัธยาศัยหยาบมักเบียดเบียนเขาทางกายบ้าง เบียดเบียนทรัพย์สมบัติของเขาบ้าง เบียดเบียนเขาทางประเวณีบ้าง เบียดเบีย���เขาทางวาจาบ้าง เบียดเบียนตนเองด้วยการเสพสิ่งเสพติดให้โทษบ้าง ดังนั้น พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติเบญจศีลไว้เป็นวินัยของคฤหัสถ์ชายหญิงว่า

    ๑ ให้ตั้งเจตนางดเว้นการฆ่ากัน

    ๒ ให้ตั้งเจตนางดเว้นการลักของกัน

    ๓ ให้ตั้งเจตนางดเว้นการทำผิดประเวณี

    ๔ ให้ตั้งเจตนางดเว้นการโกหกหลอกลวงกัน

    ๕ ให้ตั้งเจตนางดเว้นการเสพสิ่งเสพติดให้โทษ

    พึงทราบว่า ผู้ฆ่าเขา ลักของเขา ทำผิดประเวณีต่อเขา โกหกหลอกลวงเขา ชื่อว่าทำแก่เขาในสิ่งที่ตนไม่อยากให้เขาทำแก่ตน นับเป็นคนก่อเวร ผู้ถูกเบียดเบียนก็ต้องจองเวรตอบ ส่วนผู้เสพสิ่งเสพติดให้โทษ ชื่อว่าทำลายตัวเอง จัดเป็นอัปมงคล ผู้งดเว้นกรรมเหล่านี้เสีย ชื่อว่าทำแก่คนอื่นในสิ่งที่ตนอยากให้เขาทำแก่ตน ย่อมห่างไกลจากเวรภัย นับเป็นมงคล

    เบญจศีลนี้เป็นวินัยประเภทข้อห้ามเบื้องต้นของชาวบ้าน และเป็นพื้นฐานของวินัยทุกประเภท ชาวบ้านแต่ละคนจะต้องระมัดระวังสังวรงดเว้นตลอดกาลไม่เกี่ยวกับการศึกษาสูงตำเพราะการศึกษาไม่ไช่เครืองมือวัดระด้บของความเป็นคน และผู้ที่ไม่อาจรักษาศีล ๕ ข้อนี้ได้แล้ว จะรักษาวินัยชั้นสูงขึ้นไปได้ยาก

    กระบวนการนั้นจะสำฤทธิ์ผลได้แน่นอนถ้าทุกคนในชาติพยายามรักษาศิล 5 ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่กันอย่าเต็มความสามารถ

    และคนเราทุกคนควรมีความละอายและความเกรงกลัวต่อบาป(ความช่วร้ายต่างๆ)

    แหล่งข้อมูล: สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ( พิมพ์ ธมฺมธโร) วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
  • ?
    Lv 5
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    โรงเรียนต้องเข้มงวดกับระเบียบวินัย และมารยาทในสังคมให้กับนักเรียน

    ผู้รักษากฎหมายไม่ว่าทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และนักการเมือง ต้องรักษากฎหมายและวินัยในการอยู่ร่วมกันในสังคม ให้เป็นตัวอย่างแก่เยาวชน ถ้าคุมกฎแล้วกลับทำเสียเองก็เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับคนอื่นได้ ทุกอย่างต้องเข้มงวดและไม่ทำแบบฉาบฉวย ฮึดกันเป็นพักๆ อย่างนี้กฎก็ไม่เป็นกฎ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    การอยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่สงบสุขได้ ต้องอาศัยสมาชิกที่เห็นแก่ตัวน้อยๆ นิยมความเป็นสังคมมากๆ หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว สมาชิกที่จะเห็นความสำคัญของสังคมส่วนรวมได้ ก็ต้องเป็นสมาชิกที่ เข้าใจแล้ว เห็นแล้วด้วยตัวเองว่าสังคมสำคัญ และมีคุณค่าอย่างไร สำหรับสมาชิกประเภทนี้ไม่ต้องใช้วินัยบังคับเขาก็ไม่ทำผิดหรอก เพราะเข้าใจ รู้ซึ้งเป็นอย่างดีแล้ว ปล่อยเป็นอิสระเลย เพราะไม่ควรบังคับเขาด้วยวินัยอีก เขาเป็นอิสระแล้ว สำหรับทุกสิ่ง เขาสามารถคิดเองได้ ตัดสินใจเองได้ เราต้องปฏิบัติต่อคนพวกนี้ด้วยการยกย่องบูชา

    การยกย่องบูชาคนดี จะสร้างสังคมดีอยู่แล้ว และเราควรส่งเสริมคนประเภทนี้ให้ได้ปกครองเมือง สร้างวินัยให้คนประเภทที่เหลือ

    ซึ่งก็คือสมาชิกที่ยังเด็ก หรือใหญ่โตแล้ว แต่ยังเข้าใจอะไรไม่ได้คงต้องใช้อาญาบังคับกัน ใช้คำขู่ การลงโทษจากพระเจ้าบังคับกันไป หรือต้องใช้ระเบียบกฏเกณฑ์ที่เข้มข้น เข้มงวดมาก หรืออาจต้องถึงกับขู่ฆ่ากันเลยในบางกรณี เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม เพื่อให้สมาชิกที่เหลืออยู่ด้วยกันได้ สำหรับสมาชิกประเภทนี้ การใช้วินัยจำเป็นมากๆ และอาจต้องเพิ่มความรุนแรงตามสถาณการณ์

    สรุปว่าวินัย ไม่ต้องสร้างอะไร แต่เขียนระเบียบ สั่งเอาเลย โดยผู้ปกครองที่ดีมีคุณธรรม ที่สังคมคัดเลือกแล้วเป็นอย่างดี จึงจะสร้าà¸��สังคมสงบสุขได้สำหรับทุกคน และคงไม่ต้องคิดเอาแบบของใคร เราต้องรู้และเข้าใจสังคมของเราดีกว่าใคร

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เอาวิชาที่พัฒนาจิตใจและความคิดกลับมาใหม่ พวก ศีลธรรม หน้าที่พลเมือง ฯลฯแล้วก็เป็นเด็กที่มีน้ำใจช่วยเหลือกัน เรียนรู้ตามความเหมาะสมของระดับวัยวุฒิ สรุปคือ หน้าที่ วินัย น้ำใจ ศีลธรรม อย่างอื่นตามมาเองแหละ แต่คงหลายรุ่นนะ พอโตขึ้นมาความดีที่ได้ซึมซับอาจมีโอกาสแล้วล่ะ

  • Kimmim
    Lv 7
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ลำบากค่ะ ถ้าจะเปลี่ยนคงต้องเริ่มบัญญัติตัวบทกฏหมายที่เคร่งครัดออกมาแล้วคนที่ควบคุม-กำกับกฏหมายก็ต้องเคร่งครัดด้วย

    เคยไปเรียนเมืองนอกมา(แถมเที่ยวยุโรปอีกหลายประเทศด้วย)ได้เห็นความกระตือรือร้นและความมีวินัย+เป็นระเบียบเรียบร้อยของเขาแล้วซึมซับกลับมาเมืองไทยด้วย

    พอมากทม.กลับรู้สึกว่าคนไทยอืดอาดชักช้า(ทั้งๆที่ใครๆก็บอกว่าชีวิตเร่งรีบแล้ว) ยิ่งเข้าทำงานในบริษัทยิ่งหงุดหงิด เพราะความเอ้อละเหยของคนไทย เช่นพักเที่ยงแทนที่บ่ายโมงตรงจะเริ่มต้นทำงาน ก็ขอจิบกาแฟซะหน่อยก่อน ฯลฯ, ขับรถก็ไร้เลน, จอดไม่เป็นที่ไม่เป็นทางแบบ"ขอแป๊บเดียว เปิดไฟกระพริบไว้"... เอาง่ายๆ เมืองนอกแค่คนเดินทางเท้าเหยียบเท้าลงไปบนทางม้าลายปุ๊บ รถจะมาเร็วแค่ไหนก็ต้องเบรคทันที....แต่เมืองไทย ต่อให้เป็นทางม้าลาย คนต้องดูรถเอาเองค่ะ(ฝรั่งงงเลย) ยิ่งขึ้นรถโดยสารนี่ ที่เมืองนอกไม่มีใครต้องบอก ต่างรู้กันเองว่าใครมาก่อนมาหลัง ค่อยๆขึ้นอย่างเป็นระเบียบไม่มีการแซงคิวด้วย...แต่เมืองไทย ลองสังเกตุดูที่รถไฟฟ้าก็ได้ ทีแรกก็เข้าคิวสายนึง แป๊บเดียวขยายเป็นสองแถว ยิ่งพอใกล้เวลารถมากลายเป็น3-4แถวไปซะงั้น แถมพอเวลารถมาถึงแทนที่จะมีน้ำใจให้คนข้างในออกมาก่อน กลับดันสวนพรวดเข้าไปเลย...เฮ้อ!!!!อะไรกันนักหนา

    ยิ่งกลับมาอยู่เชียงใหม่..คราวนี้กลายเป็นหนอนกระดึ๊บๆเลย ช้ามาก ไฟเขียวซัก3นาทีแล้วรถคันแรกเพิ่งขยับออกตัว(ถ้าเป็นกทม.ที่เราว่าช้าจะไปได้แล้วประมาณ15คัน) ไปที่ไหนก็เจอคำว่า"หยวนๆน่า" ... จนเราโดนว่าว่าเป็นคนใจร้อนไปซะได้

    ตอนนี้ก็เลย เลยตามเลยแล้วค่ะ ไม่รู้จะเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงได้ยังไง...ก็เป็นกันทุกระบบ ทุกชนชั้น ทุกสังคมเลย

    สงสัยต้องยืมวินัยของทหารมาใช้มั๊ง...เคยขับรถเข้าไปในเขตทหารค่ะ ป้ายกำกับว่าความเร็วห้ามเกิน60กม./ชม.ก็ขับกันตามนั้นจริงๆ(ใครแซงและขับเร็วเกินที่กำหนดจะโดนยึดป้ายขอผ่านในขาออก)

    หรือเวลา6โมงปุ๊บ รถทุกคันที่วิ่งอยู่ต้องจอดนิ่งข้างทาง คนที่เดินอยู่ที่ไหนก็ตามต้องหยุดกิจกรรมแล้วยืนเคารพธงชาติจนกว่าเพลงจะจบ...ใครที่ไม่รู้ ขับรถเข้าไปแล้ววิ่งฉิวๆไม่ยอมหยุดเหมือนคนอื่นจะมีทหารเข้ามาเตือนทันทีแล้วจดทะเบียนไว้ด้วย ถ้ายังมีอีกเค้าจะยึดบัตรอนุญาติผ่านเข้า-ออก อดใช้เลย1ปี...คุ้มแก่การทำค่ะ(ข้างนอกก็ยึดใบขับขี่เลยสิ)

  • Toy C
    Lv 6
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เมื่อคนในชาติทุกคนรู้จักหน้าที่ขอวงตัวเองดีแล้ว แล้วปฏิบัติตาม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นค่ะ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ทำเป็นตัวอย่างไงครับ อย่างเช่นเวลามีเพลงชาติบนสถานีรถไฟฟ้า ทุกๆคนจะหยุดเคสรพธงชาติ

    ยกเว้นไม่มีคนหยุด เราก็หยุดก่อนเลย คนอื่นๆก็จะหยุดเคารพธงชาติตามไปด้วย

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้