คุณคิดอย่างไรที่รัฐบาลแทรกแซงสื่อ?http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJM01qRXdNemN3TVE9PQ=?

ไม่สมควรอยู่แล้วครับ....

แต่ทุกวันนี้..น้อยนักที่จะหาสื่อที่มีจรรยาบรรณ

เพราะ ทุกวันนี้ สื่อทำเพื่อปากท้องของตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่

ฉะนั้น ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็แล้วแต่ ก็จะมีสื่อพวกนี้รับใช้อยู่ตลอดเวลา

ลองไปดูว่าสนธิ เคยพูด ชมใครบ้าง ตอนที่เขามีประโยชน์

http://www.youtube.com/watch?v=174ZhaCORp8

ส่วนที่เห็นว่าบางท่านเปรียบเทียบระหว่าง ASTV กับ PTV สังเกตุจากการพิมพ์อธิบายนะครับ

ว่า PTV เสียดสี, ก่อให้เกิดความไม่มั่นคง แต่กับพูดว่า ASTV ได้คำสังศาลคุ้มครอง แต่กลับไม่ให้ความเห็น

ว่า ASTV ก็ไม่ต่างอะไร เลย ถ้ามองเป็นกลางกันจริงๆ

แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรเล่า กับสังคมที่เป็นแบบนี้อยู่ .......

วันนี้สุดยอดรัฐบาลในการจำกัดสิทธิทางสื่อ เผด็จการที่สุดเท่าที่เห็นมา

ท่าไม่แทรกแซงสื่อข้าก็ผิดเต็มประตูต้องปิดข่าวสารให้ประชาชนโง่ๆมองในแง่ดีข้าต้องถูกเสมอ

ผมว่านี่แหละหนาเข้าทำนองที่ว่า ภูมิของความรู้ในเรื่อง อันเกิดจากการไม่ได้ศึกษาเพื่อให้รู้

แจ้งเห็นจริงนั้น เมื่อเกิดปัญหาวงกว้างขึ้น ก็เลี่ยงไม่ได้ที่เอามาวิจารณ์กันโดยปราศจากภูมิ

หากคุณเองมองด้วยหลักของผู้ที่เรียน สาขาสื่อสารมวลชน เขาจะรู้และเข้าใจได้มากกว่าคุณ

เป็นแน่แท้ แต่คนที่เรียนสื่อสารมวลชน ในชุมชนแห่งนี้อาจมีน้อย ไม่มี หรือมีมากแต่ไม่ยอม

ออกมาแสดงความคิดความอ่าน

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจในเรื่องของการเรียกขานสื่อก่อนนะครับ คือสื่อจะมี4ชนิด คือ

1.สื่อที่ได้มาโดยใช้อำนาจบังคับให้ออกข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันอันเกิดจากรัฐ หรือที่วงการ

สื่อสารมวลชนเขาเรียกว่า สื่อคอมมิวนิตส์ที่รัฐเป็นผู้กำหนดการสื่อสารทุกอย่าง

2.สื่อที่ได้มาจากการใช้อำนาจ คือมีการบังคับให้สื่อมีการออกข่าวที่เป็นไปในทิศทางของรัฐ โดย

รัฐจะทำการตรวจสอบ หรือที่เรียกว่าเซนเซอร์ ซึ่งซื่อในลักษณะนี้ก็พบเห็นได้ในประเทศไทย

ของเรานี่แหละ

3.สื่อที่เป็นสื่อเสรี ที่สื่อทุกสื่อสามารถออกข่าวทุกอย่างได้อย่างใจนึก ผิดถูก คนที่อ่านจะเป็นผู้

ตัดสินใจข้อมูลข่าวสารนั้นเอง ซึ่งพบมากแถวแสกนดิเนเวียน ยุโรป

4.สื่อประเภทที่เรียกว่าเป็นสื่อที่เป็นการผสมผสาน นำเอาลักษณะของสื่อของแบบที่สองและ

แบบที่สามมาทกำรผสมผสานกัน โดยแนวคิดนี้เป็นเรื่องของการมองเห็นพิษภัยของการสื่อสาร

แบบสื่อเสรี โดยมีความเชื่อที่ว่า ประชาชนรู้ไม่เท่าทันสื่อที่แสดงออกอย่างเสรี ดังนั้นสื่อประเภท

นี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ เปลี่ยนแปลงข้อจำกัดบางอย่างของสื่อแบบที่สองและนำสื่อแบบที่

สามมาประยุกต์ใช้ อาทิ การปลดล๊อกการตรวจสอบหรือเซนเซอร์ แต่ให้หันมาใช้หลักของการ

ใช้จรรยาบรรณของสื่อและความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นในสังคมจากการสื่อสาร

โดยประเทศไทยนั้นได้พยายามที่จะนำกระบวนการของการสื่อสารแบบที่4มาใช้ ซึ่งก็มีการปรับ

เปลี่ยนในเรื่องของสื่อในแบบสองมาเป็นสี่ ซึ่งอยากให้เข้าใจว่าเ���ื่อใดมีเหตุการณ์ที่ไม่ปรกติและรัฐ

เป็นว่าการกระทำของสื่อที่ ป่วน ยุยงส่งเสริม รัฐเองก็มีหน้าที่ในการปิดสื่อเหล่านั้นได้ ซึ่งสังคมจะ

สามารถร้องเรียนสู่กระบวนการยุติธรรมได้ อาทิ กรณีของ ASTV ที่ครั้งนึงรัฐ ก็เคยสั่งปิดแต่พนัก

งาน ASTV เองก็ไปร้องต่อศาลเพื่อขอให้ทำการคุ้มครองฉุกเฉิน แล้วมีการต่อสู้ทางคดีกันจนกว่า

คดีจะสิ้นสุดเป็นต้น

สำหรับความเห็นที่แตกต่างของคนในเรื่องของ PTV ที่ถูกปิดไปอันนี้ก็ไม่ขอก้าวล่วงว่ามีความ

เหมาะสมหรือไม่ แต่สำหรับรัฐบาลเองเขาก็คิดว่าอยู่ในข่ายที่คราบตามเหตุและผล คือเป็นภัยต่อ

ความมั่นคงของรัฐ การให้ข่าวที่บิดเบือน พูดจาให้ร้าย เสียดสี ซึ่งไม่เป็นไปตามลักษณะของสื่อที่

ดี ซึ่งหากมองในมุมกว้าง มีสื่อที่เข้าข่ายปิดก็จะมีพวกวิทยุชุมชนที่เปิดเป็นดอกเห็ด โดยก่อนการ

ปิดรัฐบาลต้องมีการแจ้งให้มีการสื่อข่าวโดยระมัดระวังอยู่แล้วเป็นพื้นฐาน

ก็นี่แหละครับมันเห็นชัด..จะให้คิดน้อยไปกว่านี้ได้ไง (ปัจจุบันผู้ตอบก็ดูเฉพาะหนังสือพิมพ์ข่าวสดเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยแม้ชายตาแล แต่จากนี้จะเป็นสื่อในดวงใจข้าพเจ้า ถือเป็นฮีโร่โดยแท้)

ในยุคข้อมูลข่าวสารสื่อมีส่วนสำคัญในการให้ข้อเท็จจริงเเละเป็นกลาง..รัฐควรแค่กำกับดูแลให้เป็นไปอย่างเหมาะสม..หากเสื่อไหนเป็นไปเพื่อมอมเมาก็ควรมีบทลงโทษอย่างชัดเจน..และรัฐไม่ควรแทรกแซงสื่อที่เสนอข้อมูลข่าวสารเป็นกลางและเป็นจริงให้สารธารณะรับทราบ..ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนๆ..ผมเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับ���นึ่(ซึ่งขึ้นต้นด้วย ไ )คอลัมภ์การเมืองผมก็เห็นว่ารัฐบาลและเห็นว่าการกระทำของคนเสื้อสีอะไรสักอย่างและดูเหมือนจะให้การสนับสนุนอดีตนายกบางคน..ติอย่างเดียวแต่ไม่เคยช่วยหาทางออกหรือเสนอทางออกที่ยั่งยืนให้ทุกฝ่ายได้เจรจาหาข้อยุติไม่รู้มันจะเป็นทีมข่าวการเมืองของใครไม่ได้เชียร์รัฐบาลและกลุ่มเสื้อสีอะไร..แต่สื่อมวลชนควรหาทางออกให้บ้านเมื่องผมถามทีเถอะ..ยุบสภาทันทีทันใดแล้วไงควรต้องตกลงกติการ่วมกันก่อนแล้วค่อยยุบเพราะจะได้ไม่ต้องมีสีเสื้อขึ้นมาอีก..การยุบสภาโดยปราศจากได้แก้ไขเหล่านี้ก่อน..มันจะเป็นการสร้างปัญหาขึ้นมาใหม่จริงไหมท่าน..

มันไม่ดี ยกเว้นแต่วาสื่อที่ได้นำเสนอออกไปมันส่อในทางไม่สร้างสรรก็ควรจะใช้วิจารณ์กันเอาเองดีกว่าว่ามันสมควรหรือไม่กับการใช้คำพูดคำจา หรือยุยง

ก่อนจะพูดได้ว่ารัฐแทรกแทรงสื่อต้องดูก่อนว่าก่อนหน้านั้นสื่อได้ทำหน้าที่ตรงตามที่สื่อควรเป็น

หรือไม่

หากดูตามหน้าสื่อทั้งทีวีและสิ่งพิมพ์นับแต่ยุคคุณทักษิณสมัยสองเป็นต้นมาสื่อในไทยส่วนใหญ่

ก็กลายฐานเป็นฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อของคุณทักษิณ

เหตุหนึ่งมาจากชื่นชอบในวิธีการทำงานของคุณทักษิณ

แต่อีกเหตุก็มาจากผลประโยชน์ที่คุณทักษิณผ่านโฆษณาโครงการต่างๆของรัฐบาลและกลุ่มธุรกิจ

ที่เกี่ยวข้องที่มีผลกับโฆษณาในสื่อเหล่านั้นซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาล

สื่อเหล่านี้จะทำหน้าที่ของตัวเป็นกระบอกเสียงและข้อมูลตัดตอนเพื่อเอื้อประโยชน์ทางข้อมูลให้

กับคุณทักษิณและนี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ความขัดแย้งในไทยรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่

ที่ไม่เข้าใจบทบาทของสืื่อเหล่านี้เมื่ออ่านข้อมูลตัดตอนพวกนี้ทำให้ไม่มีความเข้าใจในข้อมูลรอบด้าน

ทำให้ง่ายต่อการชักจูงให้เชื่อในข้อมูลที่ฝ่ายคุณทักษิณชี้นำ

โดยเฉพาะสื่อทีวีดาวเทียมที่มักนำข้อมูลเท็จออกอากาศเห็นชัดก็คลิปเสียงคุณอภิสิทธิ์สั่งฆ่าประชาชน

รู้ทั้งรู้ว่าใครเป็นคนตัดต่อเสียง รู้ว่าเป็นการทำขึ้นเพื่อให้ร้ายนายกแต่พวกเขาก็นำมันมาออกอากาศ

หลอกให้คนไม่รู้เข้าใจผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อย่างนี้แล้วหากไม่มีการดำเนินการที่เรียกว่าแทรกแทรงสื่อนำข้อมูลที่ถูกต้องให้ผู้คนได้รับรู้แล้วบ้าน

เมืองเราจะผ่านวิกฤตปัจจุบันได้อย่างไร

แน่นอนการทำแบบนี้เป็นดาบ2คม หากฝ่ายรัฐนำข้อมูลเท็จมาบอกตลอดเวลานี่แหละจึงเรียกว่าแทรก

แทรงสื่อ

ตรงกันข้ามหากรัฐต้องพยายามเอาข้อมูลที่เป็นจริงให้ประชาชนฟังนี่แสดงว่าเป็นเพราะสื่อไม่ได้ทำหน้าท

ี่อย่างที่ควรจะทำ

ผมไม่ได้บอกให้เชียร์รัฐบาลแต่ข้อมูลควรมีการนำเสนอครบถ้วนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ปัจจุบันเริ่มสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีในการนำเสนอข่าวจากสื่อในทางที่ดีมากขึ้นนั่นน่าจะมาจาก

การที่ฝา่ยเสื้อแดงแสดงความรุนแรงและจงใจเอาหายนะทางเศรษฐกิจความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน

ทั่วไปมาทำให้เห็นบ่อยครั้ง สื่อบางแห่งจึงเริ่มเปลี่ยนแนวการนำเสนอข่าวแต่ไม่ใช่ทั้งหมด

เป็นรัฐบาลเด็จการ

สถานการณ์ที่คนในชาติแบ่งเป็นฝ่ายโดยมีความเชื่อแต่ข้อมูลด้านเดียวการแก้ไขที่ถูกควรจะต้องบังคับใช้กฎหมายให้เข้มแข็งเด็ดขาดบนพื้นฐานความเสมอภาคและสื่อควรเสนอข้อเท็จจริงทั้งสองด้านไม่เอนด้านใดด้านหนึ่งรัฐต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้กระทำผิดโดยยึดความถูกต้องของกฎหมายเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นใครเสื้อสีอะไรจะอยู่เหนือความถูกต้องไม่ได้โดยเด็ดขาดนายกซุกหุ้นหรือหนีทหารสื่อควรตามติดข้อมูลโดยละเอียดให้ประชาชนทราบ

สู้กันด้วยสื่อ ชนะอยู่แล้วนะ ยุคไหนสมัยไหนก็ยกสื่อมาจัดการทั้งนั้นล่ะ คิดมากทำไม ยังไม่ชิน อีกเหรอ ยิ่งเดี๋ยวนี้มี 3G ... I Pad ...We Pad ส่งข่าวสารด้วย รู้ทันกันหมดทั้งโลกอีกนะ

สัตว์ธาหรือดูซิแว้งกัดทีหลัง ตัวเองโรงหนัง ..ผ้าไหม..เจ๊ง ยังทำมือถือ ดาวเทียมแล้วมาคุมบุคลากรหน่วยต่าง ๆ ร่วมกันกินเค๊กรูปขวานทองของเราเกือบไปแล้วไหมล่ะ ดีที่สื่ออีกนั่นแหละไม่ปิดหูปิดตาคนไทยหมดนะ ระฆังดังหมดยกแล้วไปล่ะ อยู่ดูไบ ด้วยกันไหมคะ พอ ๆ ๆ เดี๋ยวรมณ์บ่จอยอีกนะคะ