Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

ทำอย่างไรให้เมืองไทยน่าอยู่ตลอดกาล?

ปัจจุบันมีหลายคนมองว่าเมืองไทยเรากำลังแย่ลงในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นต้นแบบของความเป็นไทย ถ้ามันขาดหายไปจากสังคมไทยแล้วเมืองไทยจะน่าอยู่ได้อย่างไร

8 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    ไม่มีนักการเมืองไทย ประเทศไทยจะน่าอยู่ขึ้นอีก 80%

    ทุกวันนี้คนถามเรื่องการเมืองไทย ผมอายจะแย่อยู่แล้วครับ ...

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    นอกจากธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม แล้ว สิ่งที่เคยทำให้เมืองไทยน่าอยู่ คือ "คนไทย"

    คนไทยเคยยิ้มแย้มแจ่มใส จนเมืองไทยได้ชื่อว่า สยามเมืองยิ้ม

    วิธีทำให้เมืองไทยน่าอยู่ ที่สำคัญคือ

    พวกราคนไทยทุกคนต้องพยายามช่วยกันดำเนินชีวิตเหมือนเมื่อก่อน คือ มีน้ำใจ ให้อภัย รักสงบ

    ( สถาบันต่าง ๆ ต้องช่วยกันปลูกฝังความ มีน้ำใจ ให้อภัย รักสงบ ให้กลับมาสู่ชาวไทยเหมือนเดิม )

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ประหารเดี๊ยน,สามี วงศาค��¸“าญาติ 9 ชั่วโคตรเค๊อะ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เริ่มจากตัวเราซืครับ เราทำอะไรให้ที่บ้านดีขึ้นหรือยังแล้วก็เพื่อนๆ ล่ะ เมื่อเราทำดีเราก็มีคนดีๆเข้ามา ความน่าอยู่มันอยู่ที่ใจเราด้วย ไม่ใช่วัตถุอย่างเดียว เราทำแล้วเผื่อคนอื่น เรามองทุกอย่างให้ดี อย่าเอาเปรียบ ความมีสำนึกเหล่านี้ ให้ทุกคนที่เรารักและใกล้ชิด สังคมของเราก็น่าอยู่ขึ้นอีกหน่อยเราจะรู้สึกว่าเมืองไทยน่าอยู่มากขึ้น ถึงผมจะเห็นเหมือนคุณ แต่ผมก็พยายามจะทำด้วยเหมือนกันให้มันน่าอยู่ขึ้น เช่น ทำบุญ ไม่จุดธูปเพื่อลดโลกร้อนแค่คิดว่าอธิฐานก็ทำให้สบายได้เหมือนกัน บริจาคเงินช่วยพระบาทน้ำพุ ทุกครั้งที่มีโอกาส เสียสละยืนขึ้นเวลามีเด็ก สตรีหรือคนชรา มาขึ้นรถ พยายามทำอะไรก็ได้เพื่อให้สังคมดีขึ้น เพื่อนๆทุกคนก็เริ่มทำดู แล้วเราก็ได้ความสบายใจกับมา หลายคนมากขึ้นๆๆๆ เมืองไทยมันจะเริ่มน่าอยู่แหละ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ทำให้เหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วครับ

    พ่อแม่เลี้ยงดูอบรมลูกตามอย่างไทยเรา

    ถ้าว่าง พาลูกไปวัด เข้าโบสถ์ ตามแต่ละศาสนา ไม่ใช่ไปห้างสรรพสินค้า

    สอนให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ จะได้สำนึกในความรักชาติอย่างถูกต้อง

    พ่อแม่เลิกบ้าฝรั่ง บ้าเกาหลี สนใจศิลปวัฒธรรมไทยที่ต่างชาติสนใจทั่วโลกบ้าง

    สอนให้ลูกรู้จักเทิดทูนยกย่องคนที่ถูกต้อง

  • Kimmim
    Lv 7
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    แค่ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดก็พอ(ทุกคนนะ) เช่น

    -เด็กมีหน้าที่เรียนก็เรียน, เป็นลูกที่ดี เป็นเด็กที่ดีของสังคม

    -วัยรุ่นก็เรียน ทำงานในหน้าที่ให้ดี เป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กรุ่นน้อง

    -คนทำงานก็ทำงานในตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

    -หัวหน้างานก็บริหารงาน ดูแลลูกน้องให้ดีที่สุด

    -ตำรวจก็ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราชให้ดีที่สุด

    -ทหารก็ทำหน้าที่รั้วของชาติให้ดีที่สุด

    -นักการเมือง เมื่อได้รับเลือกเข้ามาแล้วก็พยายามช่วยกันพัฒนาประเทศให้ดีที่สุด(อย่าคิดโกงกิน)

    -พระสงฆ์ก็ทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนาให้ดีที่สุด อะไรที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ก็ไม่ควรไปยุ่ง

    ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ของตน และไม่ก้าวก่าย ใช้เส้นสายเพื่อหวังเจริญทางลัด(เริ่มตั้งแต่เด็กโกงข้อสอบกันเลย)....สังคมก็จะสงบสุข ประเทศก็จะก้าวหน้าได้เต็มที่..จริงไหม????!!

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    จะว่าไป เมืองไทย เคยน่าอยู่ ก็กับคนบางกลุ่มเท่านั้น

    กับคนไทยหลายคนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวง วิถีชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด อาจไม่เคยมีโอกาสได้คิดว่าเมืองไทยน่าอยู่ เพราะในแต่ละวันต้องใช้เวลาและแรงกายทุ่มเทไปกับความอยู่รอดของวันนี้

    หากธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม เป็นสัญญลักษณ์แห่งความน่าอยู่ของเมืองไทย ความน่าอยู่คงถูกกระจายไปอย่างไม่เท่าเทียม หรือ อาจมีอยู่เพียงในสายตาของผู้ที่ผ่านมาชื่นชมเพียงชั่วคราว หรือผู้ที่มีทรัพยากรและปัจจัยในชีวิตที่เพรียบพร้อมเท่านั้น

    หนทางแห่งความเท่าเทียม ยังทอดไปอีกยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม เช่นเดียวกับความห่างของช่องว่างระหว่างความน่าอยู่ของเมืองไทยกับความอยู่รอดของชาวไทยอีกมากมายบนแผ่นดินนี้

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    อารยธรรมที่เจริญมา ฟ้องตัวเองว่า

    เป็นอารยธรรมที่ก่อไม่ใช่แก้ปัญหา

    เวลานี้โลกเป็นปัญหากันอย่างหนัก ในเรื่องที่ว่า ถ้าไม่ขัดใจกัน ก็

    เอาใจกัน และไม่เปิดใจ ซึ่งกลายเป็นว่ามนุษย์มีอารยธรรมเจริญมาเท่า

    ไรก็ไม่ดีขึ้น อารยธรรมเจริญมาจนป่านนี้ ปัญหาพื้นฐานของมนุษย์ไม่ได้

    แก้สักอย่าง ปัญหาของมนุษย์มีอะไรบ้าง

    ๑. ปัญหาชีวิต ซึ่งแยกเป็น ๒ ส่วน คือ ปัญหาสุขภาพร่างกาย

    โรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งความหิวโหยอดอยาก แล้วก็ปัญหาจิตใจ

    ความเครียด ความทุกข์ ความเหงา ความว้าเหว่ ความแปลก

    แยกอะไรต่างๆ รวม ๒ อย่างนี้ กายกับใจ

    ๒. ปัญหาสังคม คือ ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ ตั้งแต่การ

    ทะเลาะเบาะแว้งระหว่างบุคคล ระหว่างกลุ่มชน ไปจนถึง

    สงครามระหว่างประเทศ สงครามโลก สงครามระหว่างค่าย

    ระหว่างฝ่าย ระหว่างศาสนา

    ๓. ปัญหาสิ่งแวดล้อม คือ ธรรมชาติเสีย เสื่อมโทรม ซึ่งเป็น

    ปัญหาสุดท้าย และเป็นปัญหาที่ถือว่าใหญ่ที่สุด

    อารยธรรมเจริญขึ้นมาถึงขนาดนี้ แต่ปัญหาพื้นฐานข้างต้นนั้นไม่

    ได้แก้สักอย่าง ปัญหาชีวิตมนุษย์ก็ยังอยู่อย่างเดิม ปัญหาสุขภาพกายดี

    ขึ้นมาบ้าง กำ จัดโรคร้ายเก่าๆ ได้มาก แต่ก็เกิดโรคภัยใหม่ๆ อีกไม่น้อย

    ส่วนปัญหาจิตใจยิ่งหนักลงไป ปัญหาสังคมก็ไม่ลดลง ยังแถมปัญหาสิ่ง

    แวดล้อมซึ่งเป็นตัวใหญ่ที่สุด และกลายเป็นว่าอารยธรรมปัจจุบันนี่แหละ

    ที่นำ มาสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อมนี้

    ฉะนั้นจึงพูดได้เต็มปากว่า อารยธรรมปัจจุบันที่เจริญมานี้คืออารย

    ธรรมที่ได้นำ ปัญหามาให้แก่มนุษย์จนครบทั้ง ๓ ประการ เป็นอารยธรรม

    ที่เก่งกาจมาก สามารถพัฒนามนุษย์ให้สร้างปัญหาได้จนครบทั้ง ๓ อย่าง

    เดี๋ยวนี้มนุษย์มีทั้ง ปัญหาชีวิตกาย-ใจ ปัญหาสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม

    แล้วปรากฏว่าแก้ไม่ได้สักอย่าง นำ มาให้ได้ แต่แก้ไม่ได้

    นี่ก็เป็นการแสดงชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่า วิธีแก้ปัญหาที่มนุษย์ใช้

    กันมานั้นไม่ได้ผลจริง หรือยังไม่เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่แท้

    ใครจะมาแก้ปัญหาพื้นฐานเหล่านี้ ก็บอกว่าธรรมะ ธรรมะที่พระ

    พุทธเจ้าค้นพบจากความจริงของธรรมชาติแล้วทรงนำ มาสอนนั้น แก้ได้

    หมด เรามั่นใจว่าได้แน่ แล้วระบบประนีประนอมจะเปลี่ยนเป็นระบบ

    ประสานกลมกลืนได้ หรือจะเรียกว่าระบบสามัคคี เอกภาพ หรือเอกีภาพ

    ก็แล้วแต่

    อย่างที่ว่าแล้ว เวลานี้ปัญหามีมาก ก็อาจจะต้องฝากถึงแม้แต่รัฐ

    บาล แม้แต่ใน ครม. ว่าต้องพูดกันอย่างเปิดใจ และมีความจริงใจเป็นพื้น

    ฐาน โดยมีเจตนาซึ่งมุ่งจุดหมายที่แท้ร่วมกันคือ ความดีงาม และสันติสุข

    ของประเทศชาติบ้านเมืองและโลกทั้งหมด

    ถ้า้ มีเจตนานี้อยู่ ก็ได้ความจริงใจต่อ กัน ทั้งจริงใจต่อ หลักการด้ว ย

    และจริงใจต่อประเทศชาติสังคม และจริงใจต่อกันระหว่างคนที่มาทำ งาน

    ร่วมกัน แล้วก็เปิดใจพูดจากัน มันก็มีทางที่จะแก้ปัญหา และ harmony

    ก็เกิดได้ แต่ถ้าไม่เปิดใจกัน harmony ก็ยังมาไม่ได้ มันก็จะได้แค่

    compromise เพราะเอาใจกันก็เพื่อ compromise นั่นแหละ แต่

    compromise แบบเอาใจนี้ ฝ่ายที่เอาใจอาจจะหมดตัวไปในที่สุด

    จากจริงใจและเปิดใจ ก็ทำ ให้เกิดความเข้าใจ แล้วก็เห็นใจ และไป

    ลงตัวที่ร่วมใจ ก็แก้ปัญหา สลายความขัดแย้งได้

    ไม่ใช่มัวเอาใจหรือตามใจ ซึ่งเป็นการเขวออกไปจากการแก้ปัญหา

    และวนเวียนอยู่ในความเขลา ที่ทำ ให้ปมของปัญหาค้างคารอเวลาขยาย

    ตัวได้เรื่อยไป

    ทั้งนี้ ก็ต้องเตือนสำ ทับอีกว่า ในการแก้ปัญหา ต้องใช้ปัญญาที่คม

    ชัด เริ่มตั้งแต่เข้าถึงข้อมูลที่แท้จริง และรู้ตัวจริงของปัญหา อย่าพรางตา

    ตัวเอง อย่างที่เป็นกันอยู่มากในสังคมที่มีกระแสแห่งการชอบแสดงความ

    เห็น แต่ไม่ใฝ่หาความรู้

    เด็กๆ อาจจะถามด้วย เด็กอาจจะมองเห็นปัญหาที่พวกผู้ใหญ่มอง

    ไม่เห็นบ้างก็ได้

    จริงใจและเปิดใจที่เมตตา แต่ต้องดำเนินการด้วยปัญญา

    แหล่งข้อมูล: สลายความขัดแย้ง พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตโต)
ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้