การทำนาปรังของเกษตรกรในทั่วทุกภาคทำให้ขาดแคลน้ำเป็นความเห็นแก่ได้หรือเพื่อการเลี้ยงชีพ?

ไม่ใช่หรอกครับ แบบมันเป็นโอกาศมากกว่า ชาวนาไทย เป็นอาชีพทางการเกษตรที่ยากจนที่สุด ช่วง 2 - 3 ปีมานี้ ราคาข้าว ถือว่าราคาดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ชาวนาจึงเร่งปลูกข้าว เพื่อพยุงฐานะตัวเองให้ดีขึ้น จึงขยันปลูกข้าว เพื่อให้ได้ผลผลิตปริมาณมาก ก็เหมือนกับคนที่ทำงานที่อื่น อาชีพอื่น เพื่อให้ได้เงินมากๆ ก็ต้องขยันทำ OTทำงานนอกเวลากัน เราโทษชาวนาไม่ได้หรอกครับ มันเป็นอาชีพของเขา และเผอิญช่วงนี้ ฝนก็ไม่ค่อยตก น้ำก็เลยขาดแคลน

สมัยก่อน ทำใมเราทำนาเพียงปีละครั้งได้ แต่พอรัฐบาลทำเขื่อนเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ปลูกข้าวและใช้จ่ายก็มีคนด่าว่าทำลายระบบนิเวศน์

พอไม่มีน้ำสำหรับปลูกเพราะทำลายป่าไม้กันจนแห้งแล้ว น้ำไม่พอใช้ก็มีคนด่าว่าห้ามชาวนาปลูกข้าว

เค้าเรียกว่าหยัก หยัก สักแต่ว่ามีปากไว้ด่าอย่างเดียว

ตอบได้เลยคะ...ว่าเพื่อการเลี้ยงชีพ...เพราะชาวนามีอาชีพทำนาเป็นหลักคะ..ถ้าไม่ทำนาก็อยู่อย่างลำบากคะ

ไม่มีกินมีใช้

บางพื้นที่เกษตรกรไม่ทราบหรอกครับว่าน้ำจะขาดแคลน เพราะการแจ้งข่าวมักประกาศทางทีวีหรือวิทยุ และอินเตอร์เน็ต แต่ไม่ได้ทำทั้งวัน เพื่อให้ผู้ที่ต้องการรับรู้ ได้รับทราบข่าวอย่างที่ควรจะได้รับ เกษตรกรเองหากทราบก็ไม่ได้อยากทำนาปรังแน่นอนครับ เพราะต้นข้าวแห้งตายก็ต้องขาดทุน ต้องลงทุนมากนะครับ ในการทำนาแต่ละครั้ง

ผมขอแสดงความเห็นว่า ไม่เป็นการเห็นแก่ตัวของเกษตรกรครับ

แต่ผมขอแสดงความเห็นว่า เป็นการทำงานที่ได้ผลของกรมชลประทานมากกว่า

หากมีการติดตามผลการแจ้งข่าว ก็จะทราบได้บ้างว่าการทำงานของพวกเขาได้ผลหรือไม่ และกรมชลประทานก็ทราบดีอยู่แล้วว่า หากไม่สามารถแจ้งข่าวให้ถึงตัวเกษตรกรได้ พวกเขาก็จะทำนาปรังกันอย่างเป็นปกติ เหมือนกับทุกปี และเมื่อน้ำขาดแคลนจริง ต้นข้าวก็จะแห้งตาย และเกษตรกรก็ต้องแบกรับภาระขาดทุนเอง นี่แหล่ะ

ก็เค้ามีอาชีพเดียว ถ้าไม่ทำแล้วจะเอาอะไรกิน

ไม่รู้..ซิ

ก็รู้ๆอยู่ว่าไม่มีน้ำยังจะทำนาปรังอยู่นั้นแหละ

แทนที่จะทำแค่ปีละครั้งก็น่าจะพอแล้วพอมีน้ำเยอะๆแล้วค่อยทำนาปีละ2ครั้งแบ่งน้ำกันใช้บ้างนะ