Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้
ข้าราชการไทยแค่ 5 ล้านคน ใช้ยามูลค่าเกือบเท่าคนกว่า 50 ล้านคน เป็นหัวข้อข่าววันนี้ ถามว่าคิดอย่างไรครับ?
ลองเข้าไปอ่านดู http://www.thairath.co.th/content/edu/119382 ผมจะมาเสนอความคิดผมอีกที ยอมรับว่าเกลียดการบิดเบือนข้อมูลแบบนี้มากครับ
ผมคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่มาเปิดประเด็น ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้คำตอบที่ผมคิดไม่ถึงจากคุณ toy แล้ว นี่ว่าจะไป post หลาย ๆ เวปหน่อย พวกหมอนอกคอก ชอบมั่วข้อมูลจะได้หลอกชาวบ้านไม่ได้อีก ^_^
เดี๋ยวจะปิดคำถามแล้ว ก่อนจะเลยไปกันใหญ่ ^_^
ผมอยากชี้ให้เห็นวิธีหลอกมนุษย์ของหมอนักบริหารพวกนี้เท่านั้นครับ
ลองวิเคราะห์บทความ ผมแบ่งเป็นสองแบบ
1. ถ้าข้อมูลที่ให้มาถูกต้อง ไม่โกง ข้าราชการรวมทั้งตระกูลมีแค่ 5 ล้านคนจริง ๆ
-พาดหัวข่าวใช้ข้อมูลปี 53 เทียบกับปี 51 คิดมาได้ไง
-ข้อมูลเปรียบเทียบกลุ่มคนสองกลุ่ม โดยไม่มีกลุ่มมาตรฐาน ถ้าผมเข้าข้างบริษัทยา ผมสามารถบอกว่าผู้ป่วย 30 บาท ได้รับยามาตรฐานต่ำ รักษาก็เหมือนไม่ได้รักษา แบบนี้ก็ได้จริงไหมครับ เพราะฉะนั้นผมสรุปว่าคนพูดถ้าไม่ฉลาดน้อยจริง ๆ (เพราะเป็นถึงผู้อำนวยการอะไรนั่น แต่แค่ระเบียบวิธีวิจัยทางสถิติง่าย ๆ ยังไม่รู้) ก็เลว (เพราะรู้ทั้งรู้ว่ากำลังหลอกลวงคนอ่านทั้งประเทศ ก็ยังพูดออกมาได้)
2. ตั้งใจโกง นอกจากเอาข้อมูลมั่ว ๆ มาพูดแล้ว ยังจงใจปกปิดว่าสิทธิราชการนั้น รวมคู่สมรส พ่อแม่ ลูกด้วย ถ้าครอบครัวหนึ่งมีสี่คน จากห้าล้านก็เป็นยี่สิบล้าน (ไม่รวมข้าราชการเกษียณ) เพราะฉะนั้นสรุปเหมือนเดิม คือไม่ฉลาดน้อยมาก ก็เลวครับ
ไอ้วิธีคิดมั่ว ๆ แบบนี้แหล่ะครับ ต้นกำเนิดของสามสิบบาทอันลือลั่น
เพิ่มอีก:
สุดท้ายครับ เรื่องยา original หรือ local made นี้ เถียงกันอย่างไรก็ไม่จบครับ
แต่ผมเชื่อประโยคหนึ่งสุดใจครับ คือว่า "ของดีราคาถูกไม่มีในโลก" ยาตัวเดียวกันยี่ห้อหนึ่งเจ็ดสิบบาท อีกยี่ห้อห้าบาท มันจะไปเท่ากันได้อย่างไร แต่ของคุณภาพพอใช้ ราคาปานกลางเนี่ย หาได้ครับ
วิธีที่น่าจะดีที่สุดคือระบบ copay ครับ ใครอยากใช้ของดีราคาแพง ต้องช่วยจ่าย จ่ายน้อยจ่ายมากมาว่ากันอีกที แต่ต้องจ่าย รับรองประหยัดไปเยอะครับ
8 คำตอบ
- T้OYLv 61 ทศวรรษ ที่ผ่านมาคำตอบที่โปรดปราน
มองครบทั้งหมดแล้ว หรือยัง . . แต่ละปีมีข้าราชการเกษียรอายุ กี่ฅน . . ดังนั้นจึงต้องคิดรวมทั้งข้าราชการประจำการ และข้าราชการบำนาญ ซึ่งจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี . แล้ว บิดา มารดา ภริยา บุตร อีกเท่าไหร่ . . น่าจะไม่ใช่ ๕ ล้านฅนแน่นอน
ข้าราชการบำนาญ ซึ่งนับวันก็จะมีมากขึ้นไปเรื่อยๆ . . ฅนแก่ ก็ย่อมเจ็บป่วยมากกว่า ฅนหนุ่ม ฅนสาว เป็นธรรมดา แถมบางฅนยังเป็นหลายโรคเสียอีกด้วย . . ประกอบกับปัจจุบันนี้มีการรักษาสุขภาพ และได้รับการรักษาพยาบาลที่ดี จึงทำให้อายุยืน(แก่แล้วแต่ยังไม่ตาย) ซึ่งหมายถึงงบประมาณค่ารักษาพยาบาล ก็จะต้องเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทุกๆปี
ผู้ป่วยนอก ก็มี(รับยาอย่างเดียว) . ผู้ป่วยใน ก็มี(นอน รพ.ใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการรักษา/ผ่าตัด + รับยากลับบ้าน) . . เฉพาะข้อเข่าเทียม ก็หลักแสนแล้วครับ . . ผู้ป่วยใน ที่รพ.เบิกไม่ครบอีกมากมาย บางรพ.ก็จ้างแพทย์ที่เกษียรอายุราชการแล้ว มาตรวจหลักฐาน แล้วทำเบิกเพิ่มเติมให้ครบตามสิทธิ์ที่รพ.ควรจะได้(ปีละหลายล้านบาท) . . แล้วรพ.ที่ไม่ได้ตรวจหลักฐานใหม่ ไม่ได้เบิกเพิ่มเติม มีอีกเท่าไหร่ . ซึ่งถ้าเบิกครบถ้วนตามสิทธิที่ควรจะเบิกได้ทุกๆรพ.แล้วจะมากกว่านี้เสียอีก
นโยบายของ รพ. . . รพ.จำเป็นต้องรับรักษาฟรีเป็นจำนวนมาก แล้วจะได้เงินมาจากไหน . . ก็จะได้มาจาก ผู้ที่เบิกได้ / เบิกตรง นั่นเอง . . ซึ่งบางราย มีรายได้เดือนละหลายแสนบาท ก็ยังใช้สิทธิ์ประกันสังคม และใช้สิทธิ์รักษาฟรี ก็มิใช่น้อย
ข้อได้เปรียบของรพ.ทหารตามค่ายฯต่างๆ ก็คือ ทหารเป็นฅนหนุ่ม ไม่เจ็บ ไม่ป่วยง่ายๆ จึงมีงบประมาณเหลือ(งบประมาณ.คิดเป็นรายหัว) พอที่จะนำไปใช้รักษาครอบครัวของทหารในค่ายฯได้อย่างสบาย รพ.ทหารจึงไ��่จำเป็นต้องหาเงิน เหมือนกับรพ.อื่นๆ
ปัจจุบันนี้ มียาออกใหม่มากมาย ซึ่งต้องนำเข้า(ราคาแพง) แต่ก็จำเป็นต้องใช้ จึงทำให้ค่ายามีราคาสูง . . สำหรับตัวผมเองรับยาครั้งหนึ่ง(ทุกๆวงรอบ ๓ เดือน) ก็เกือบๆ ๕ พันบาทแล้วครับ . . เดือนนี้ บอกหมอยายังเหลืออีกแย๊ะ พอที่จะกินได้อีก ๓ เดือน(เพราะลืมกินไปบ้าง) หมอก็เว้นไม่สั่งยาตัวนั้นให้ ไม่ได้สั่งยาแบบมั่วๆหรอกครับ
แหล่งข้อมูล: ฝอยไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์ - ?Lv 71 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
หมอนอกคอกหรือหมอในคอกทำเองหรือเปล่า ไล่ไปตั้งแต่ผู้อำนวยการรพ. หมอที่ชอบจ่ายยาแบบไม่สมเหตุผล เภสัชกร รู้สึกว่าเขาจะมีส่วนได้กันโดยถ้วนหน้านะคะ ดูง่ายๆก็พวกบริษัทยาชอบจัดสัมมนาบังหน้าให้คุณหมอทั้งหลายและผู้เกี่ยวข้อง พาครอบครัวไปเที่ยวชายทะเลกันอยู่บ่อยๆ ก็มาจากการใช้ยาของเขาทั้งนั้น ไหนจะพวกอุปกรณ์อื่นๆอีก ของเทียมทั้งหลายที่จัดซื้อกันมา(แพงไปหรือเปล่า) อย่าบอกนะว่าผอ.ไม่รู้ไม่เห็น เพราะเห็นสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปทั้งนั้น ไปนอกก็มี เมื่อไหร่ที่คุณหมอทั้งหลายที่ขาดจรรยาบรรณเหล่านั้นสำนึกได้ เรื่องนี้ก็คงแก้ไขได้ แต่พูดไปก็เท่านั้น รู้สึกมันจะฝังรากและกลายเป็นโรคติดต่อกันไปแล้ว หมอที่ดีก็คงมี แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะธุรกิจมันต้องการผลประโยชน์ตอบแทน เราไม่ทำคนอื่นก็ทำอยู่ดี แล้วตรูจะโง่อยู่คนเดียวหรือ คงไม่มีใครรู้หรอก อิอิ ประมาณนี้กระมัง คอรัปชั่นไม่เคยหมดไปจากทุกวงการ ก็เงินหลวงตรวจสอบยาก ชักช้า เลยช่วยกันเบิกจ่ายสำราญใจ
แต่เวรกรรมมีจริงนะจ๊ะ คนในครอบครัวท่านๆทั้งหลายนั่นแหละ ก็คงไม่สบาย ไปหาหมอ โดนสั่งให้กินยา จากหมออื่นอีกจนได้
ควรเปลี่ยนค่านิยมการใช้ยาเท่าที่จำเป็น สอนให้คนไข้ฉลาดรู้���ันหมอ ถามไปเลยว่ายาตัวนี้ที่จะจ่ายให้นี้คือยาอะไร กินเพื่ออะไร และมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
เรื่องกินยาแก้ปวดก็เหมือนกัน ชอบจ่ายกันจังยาแก้ปวด เอะอะอะไรก็กินยาหรือยัง ไม่รู้สาเหตุการปวดว่ามาจากไหน ไปกินยาไม่ให้ปวด แล้วมันแก้อะไรได้ หมอควรรักษาที่ต้นเหตุของโรค ไม่ใช่ไม่รู้ สันนิษฐานเอาแล้วก็จ่ายยาบรรเทาอาการ พูดแล้วเซ็ง คนไข้มากมายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมารับกรรม กินยาอะไรก็ไม่รู้ที่เขาส่งมาให้ เพชรฆาตผ่อนส่งก็มี คนจ่ายยามาไปเที่ยวแสนสบาย ได้เงินใต้โต๊ะ ทำเป้าทะลุ แหม ลงกระเป๋าใครบ้าง อยากรู้จัง ส่วนคนไข้กินยาเกินความจำเป็นก็รับกรรมไป (อันนี้หมายถึงคุณหมอที่ไร้จรรยาบรรณนะ)
เอาผิดกับหมอ หาคนรับผิดชอบทั้งรพ.ของรัฐและเอกชนทั่วประเทศที่จัดซื้อยาและสั่งยาเกินความจำเป็น เราจะรู้ไหมเพราะเราเป็นคนไข้ ที่ไม่เคยมีความรู้ด้านยาหรือโรคภัยไข้เจ็บเลย ใครทำบ้าง น่าจะมีฝ่ายตรวจสอบการให้ยาและการจัดซื้อ ทำให้มันจริงจังก็น่าจะแก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่ตัวหลักคนที่ทำคือ หมอ ทำไมต้องให้คนอื่นมาตรวจสอบ ความเป็นหมอไม่ได้ทำให้มีสำนึกที่ดีกว่าคนทั่วไปเลยหรือ แล้วคนไข้จะไปพึ่งใครได้ แต่เอ..เจ้าหน้าที่เองก็สามรถเบิกยาไปให้ญาติได้ด้วยไม่ใช่เหรอ บางทีเบิกไปเกินความจำเป็นก็มีค่ะ
อ้าว นึกว่าให้ตีแผ่การโกงยา อิอิ งั้นเขาคงลืมนับไปค่ะ เพื่อนบอกว่าไปรักษาสามสิบบาท ได้ยาไม่ดีมา ก็คงจริงอย่างที่คุณหมอบอก ส่วนข้าราชการเบิกได้ รพ.เลยเอาใจจัดยาอย่างดีและแพงให้ เลยทำให้มูลค่า(ที่ลืมจำนวนคนไป)จะเท่าคนทั้งประเทศ ก็เคยบอกไปทีหนึ่งว่า คนรวยยังมาขอรักษาฟรีเลย รัฐก็เลยเสียงบประมาณมาอุดตรงนี้เยอะเกินความเป็นจริงค่ะ
แหล่งข้อมูล: บ่นไปก็ยังรักหมออยู่ดี อิอิ รักแต่หมอดีๆนะจ๊ะ - ไม่ประสงค์ออกนาม1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
ข้าราขการ 5 ล้านคน พ่อแม่อีกคนละ 2 เมียอีก 1 ลูกอีกคนละ 2 รวมติดสอยห้อยตามก็ 5 คนนี่ก็ 30 ล้านคนแล้วค่ะ แล้วข้าราชการบำนาญอีกเท่าไร ซึ่งแต่ก่อนก็เป็นการช่วยเหลือช้าราชการเพราะเงินเดือนข้าราชการน้อยกว่าเอกชนค่ะ
บางครั้งต้องดูว่าไทยรัฐเปิดประเด็นนี้เพื่ออะไรนะคะ เพราะหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เรา ๆ ท่าน ๆ ก็รู้ว่าเป็นอย่างไร เชียร์ใคร โจมตีใคร มาตลอดค่ะ
- BrunelloLv 61 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
หากตัวเลขค่าใช้จ่ายนี้ถูกต้อง ผู้บริหารต้องทำอะไรมากกว่าจะปล่อยให้ตัวเลขทะลุออกไปจนเกือบแสนล้าน ถ้าไม่มองในเรื่องของการทุจริตว่าเบิกยาไปขายหรือใช้ในงานส่วนตัวแล้ว ยาที่สั่งซื้อก็น่าจะอยู่ในข่ายด้วย เช่น ใช้ยาต้นตำหรับที่ราคาสูงหรือยาที่หมดสิทธิบัตรแล้วและผลิตในประเทศหรือในประเทศที่มีศักยภาพทำได้
แล้วยาที่หมดอายุนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ต่อปี พอทราบไม๊ครับ
- kometLv 71 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
ก็แสดงว่า ข้าราชการไทยเหล่านั้น"ป่วย"แบบเจ็ดชั่วโคตรนะดิ.
เขา"แสดงสิทธิและใช้สิทธิ"เหล่านั้นอย่างที่ได้รับเป็นสวัสดิการไงจ้ะ.
- ไม่ประสงค์ออกนาม1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
อืม...ครับ ต้องรอดูกันต่อไปว่าเป็นอย่างไร
เพราะทุกสิ่งมีเบื้องหน้า และเบื้องหลังเสมอ
- 6 ปี ที่ผ่านมา
ข้าราชการมันเบิกทั้งโคตรครับ บิดา มารดา ลูกเต้า กี่คนมันเบิกหมด เงินภาษีที่ไหนจะพอ พวกเอกชนทำงานงกๆๆๆเพื่อจ่ายภาษีเลี้ยงพวกข้าราชการไปตลอดชีวิต เกษียณก็เบิกค่ารักษาพยาบาลได้จนตายทั้งโคตร ยังไม่รวมเงินเดือนที่พวกเราต้องหาเลี้ยงพวกข้าราชการอีก สรุปคือเราต้องเลี้ยงพวกนี้ทั้งโคตร ไปจนพวกมันจะตาย