จะเป็นได้ไปได้ไหม ? จะดีหรือไม่อย่างไร ?

คุ้นๆๆค่ะพี่ tid

น้องจดลิขสิทธ์แล้วนะคะ

ต้นปีหน้าเปิดแล้วค่ะ"บริษัท..อยุธยาทัวร์"

อุ๊ย!!!ไม่ได้โฆษณานะคะ..

เหตุผลคือต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดค่ะ

แล้วแนวคิดมาจากปี 52 สาไปเชียงใหม่แล้วหลงเชียงใหม่ค่ะ

ไม่สามารถไปในสถานที่ที่เราต้องการได้

ก็เลยเกิดแนวคิดจัดทัวร์นี้ขึ้นมากค่ะแล้วก็ประสานงานกับอุตสาหกรรมจังหวัด

การท่องเที่ยวในจังหวัด

สถานศึกษาในจังหวัดและ

บริษัทรถเช่าตลอดจนโรงแรมและร้านอาหารในจังหวัด

การจัดทำpackage ทัวร์ขึ้น

โดยใช้มัคคุเทศน์เป็นนักศึกษาจะได้มีรายได้ค่ะ

สาว่าทุกจังหวัดทำได้ค่ะ

เอาเป็นว่าจะมาอยุธยา..ก็หลังไมค์ค่ะ

สนับสนุนครับ และเป็นสิ่งที่น่าจะทำอย่างยิ่ง

ที่ yosemite national park ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ช่วงเริ่มฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูร้อน คนจะนิยมไปเยี่ยมชมมากๆผลกระทบทางด้านมลภาวะ (คาร์บอนมอน๊อกไซด์) จากปริมาณรถแต่ละครอบครัวที่ขับเข้ามา (อเมริกันมีรถกันทุกบ้าน/ยกเว้นคนในเมืองใหญ่) ปริมาณขยะ มลพิษจากเสียง รถติดยาว ฯลฯ ทำให้สภาพป่าไม่น่าท่องเที่ยวและเสื่อมโทรมเร็ว

ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯจึงได้ปรับเปลี่ยนแผนการเข้าเยี่ยม ให้ทุกคนจอดรถที่สถานที่รวม และนั่งรถ Shuttle Bus ซึ่งเป็นรถให้บริการพาชมวนอุทยานพร้อมไก๊ด์บรรยาย หากจะขอลงตรงไหนก็ลงได้ จะอยู่นานหน่อยก็ทำได้ พอรถคันถัดไปมา(หากมีที่ว่าง)เราก็ขึ้นไปจุดถัดไปต่อ ผมว่าบ้านเราน่าจะทำได้นะครับ ประโยชน์ก็อย่างที่คุณว่า

ว่าแต่ว่า ถ้างั้น เราก็จะไม่มีการจัดฉิ่งฉาบทัวร์อีกอ่ะสิ ผมน่ะชอบมากเลยนะอยากà¹��ป็นมือกลองประจำทัวร์รู้รอบขอจองนั่งหลังรถเลยนะผมจะเอากลองโทนของผมด้วย เหอ เหอ

น้องว่าเป็นความคิดที่ดีมาก ๆ เลยค่ะพี่ tid ^^

เพราะเราต้องไม่ลืมว่าเราไปเที่ยว พักผ่อน เพื่อผ่อนคลาย

ไม่ใช่ไปเพื่อจะได้ไปแย่งกันเข้าไปเที่ยว แย่งกันซื้อของ แย่งกัน ๆๆๆๆ

ดูแล้วมันวุ่นวาย เบียดเสียด ทำให้บรรยากาศสวย ๆ รอบข้างหมดความหมายไปได้

เพราะต่างคนต่างรีบ แย่งกันเข้า แย่งกันออก

ถ้าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งไหนทำได้แบบนี้ก็จะดีมากเลยค่ะ

เป็นไปได้ น่าจะดี แต่เอาเข้าจริงๆก็เอาไปเองนั่นแหละ แล้วถ้าไม่ให้เอาไปก็บ่นด่ากันสนั่นเมือง ความจริงก็มีหลายแห่งนี่ แต่ความคุ้มค่า ลงตัว พอดี ก็มีอุปสรรตจนได้ แต่ถ้ามีก็ดีเห็นด้วย

เข้ามาดูคำตอบ เพื่อขอความรู้ครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องการทำธุรกิจจ้า...

ความคิดดีค่าคุณ tid

นี่ก้อเพิ่งกลับจากภูทับเบิก กับ เชียงคาน มาค่า

รอบนี้ทำสำเร็จไปเหนื่อย..โดนน้องสาวหักคอให้เป็นสารถีให้ค่า..

โหดสุด ๆ ถ้ามีแบบคุณ tid บอกคงดี แต่ก้อต้องระวังเรื่องที่รถแค่นั้น

เพราะเดี๋ยวขนาดจอด..ในที่ ๆ มียามเฝ้า รถยังหาย

ถ้าเป็นไปต่างจังหวัดไกล ๆ รุ่นตะเข็บชายแดน

คนส่วนใหญ่ที่เอารถไปคงมีน้อยคนที่จะใช้บริการนี้นะ

แต่ว่าคุณ tid บริการเองนี่เพื่อนตรึม..หายห่วง ^_^

เราว่า เราจะคิดประดิษฐ์ไมโครชิป ฝังหัวนักท่องเที่ยว แบบว่า เอาเป็นขั้นตอนบังคับเลยแหละ ที่ทุกทุกสถานที่ท่องเที่ยว จะต้องมีด่านตรวจนักท่องเที่ยวนะ แล้วจะผ่านด่านนี้ไปได้ ก็ต้องแสกนนิ้วมือ เสร็จก็ฝังชิปเข้าไป...ที่ไหนดี ยังคิดไม่ออก แต่เอาเป็นว่า ชิปที่ฝังเข้าไปเนี่ยะ จะคอยตรวจติดตามนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ให้ทิ้ง��¸‚ยะสะเปะสะปะ แบบว่า ถ้าเรด้าจับได้ว่าขยะถูกทิ้งลงจาก(น้ำ)มือของคนไหน คนนั้นจะมีโทษปรับทันที 500 บาท ต่อขยะหนึ่งชิ้นเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2 นิ้ว ค่าปรับก็จะสูงขึ้นตามขนาดของขยะ

แล้วโทษปรับนี่เด็ดขาด ไม่มีการต่อรองหรือประนีประนอมยอมความใด ๆ กฏเป็นกฏกันเลยทีเดียว

แล้วก็ ในช่วงแรกที่มีการใช้มาตรการนี้ หากมีนักท่องเที่ยวคนไหนเก็บขยะ(ของคนอื่น)ตามสถานที่ท่องเที่ยวลงถังขยะ ก็จะมีการได้แต้มสะสม เอาไว้ไปแลกตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯพัทยา (พักฟรีที่บ้านคุณพ่ออิฉัน)

พอจบทริ๊ป ก็คืนชิปที่ด่านตรวจนักท่องเที่ยวด่านเดิม พร้อมรายงานพฤติกรรมการทิ้งขยะของนักท่องเที่ยวแต่ละคน เก็บเป็นฐานข้อมูลพฤติกรรมการทิ้งขยะเพื่อใช้ในการวิจัยนิสัยนักท่องเที่ยวต่อไปในอนาคตอันใกล้

ดีมั๊ยคุณ

ดีคะเราจะได้เพื่อนร่วมเดินทางดีกว่าเที่ยวคนเดียว เดี๋ยวหง่าวววว

ที่พูดมาทั้งหมด..ถูกต้องแล้วคร๊าบ..

เพิ่มนิด อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง..นะคะ

ต้องระมัดระวังตัวด้วยเพราะเราไม่รู้จักเขามากพอกับคนสมัยนี้นะคะ