"ธุรกิจ กับคุณธรรม"ไปด้วยกันได้ไหม? และในธุรกิจมีคุณธรรมหรือไม่?

ผมว่าต้องแยกแยะให้ออกก่อนนะครับว่า คำพูดกับการคิดนั้นมันคนละเรื่องเดียวกัน

โดยสิ่งที่คุณได้ยินมาว่า ทำธุรกิจนะไม่ใช่ทำการกุศล นั้นที่มามันมาจากคำว่า ธุรกิจ

ที่มีคำจำกัดความอยู่สองอย่างคือ

1.องค์กรที่มุ่งเน้นแสวงหากำไร (ผลจากการดำเนินธุรกิจ) อาทิ องค์กร ห้างร้าน ต่างๆ

2.องค์กรที่ไม่ได้มุ่งเน้นแสวงหากำไร (ผลจากการดำเนินธุรกิจ) อาทิ มูลนิธิ ชมรมต่างๆ

ซึ่งหากเปิดธุรกิจให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์แล้ว การทำธุรกิจในประเภทที1 คือต้อง

มุ่งเน้นแสวงหากำไร ซึ่ง คำพูดนี้ก็สนับสนุนในสิ่งที่คุณได้ยินมา

เอาหละคราวนี้มาพูดเรื่ององค์กรที่แสวงหากำไรนั้น จะต้องมีหลักธรรมาภิบาลเข้ามา

ควบคุมในเรื่อง คุณธรรม และจริยธรรม ขององค์กร โดยองค์กรยิ่งมีหรือเข้าใกล้หลัก

ธรรมาภิบาลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้องค์กรนั้นมีความโปร่งใสในระบบการจัดการมากยิ่ง

ขึ้น เรื่องจากระบบการตรวจสอบได้นั่นเอง ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่า คนที่อาศัยอยู่ในองค์กรนั้น

ได้ถูกยกระดับทางด้านความคิดขึ้นมาอยู่แล้ว ดังนั้นการคิดอ่านดี ไงก็ถือว่าเป็นกุศลของ

ผู้ปฎิบัติอยู่แล้วครับ ดังนั้นหากคุณอยู่ในองค์กรที่แสวงหากำไร คุณเองต้องพัฒนาตัวตน

ของคุณให้เป็นคนที่มี คุณธรรมและจริยธรรมและสอนคนในองค์กรให้มีหลักการคิดเดียว

กับคุณ จนนำไปสู่การมีหลักธรรมาภิบาลในองค์กรนั่นเอง

ไปกันได้คุณติ๊ด ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

แต่ไม่ใช่ในรูปแบบ CSR นะ เพราะนั่นคือการกอบโกยก่อนที่จะให้

โดยเห็นได้จากความหมายตรงตัวของมัน CSR หมายความรับผิดชอบ ไม่ใช่การอาสาทำดี

แต่หากดำเนินตามแนว Biz ethics โดยใช้แนวคิด Sufficiancy econcmics มาเป็นตัวควบคุม

ในการดำเนินการได้อย่างจริงใจ และจริงใจ น่ะทำได้แน่นอน...

ก่อเกิดผลกำไร โดยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และแบ่งปันแด่สังคมไปพร้อมๆกัน

อาจจะฟังดูเป็นแนวคิดที่เป็น ปรัชญา หรือนามธรรมนะ แต่หากลองทำอย่างจริงใจ และตั้งใจ

ดำเนินไปเรื่อยๆน่ะ ย่อมบังเกิดผลที่เป็นไปได้จริงขึ้นมาอย่างแน่นอน

คิดว่า"มีได้"นะ คือ ไม่เอาเปรียบลูกค้า+การบริการทั้งก่อนซื้อและหลังการขาย+ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมได้+ไม่ค้ากำไรเกินควรและคืนกำไรช่วยเหลือคนในสังคมที่อ่อนแอและเจ็บป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้บ้าง.

รอให้เพื่อนๆที่มีรายละเอียดดีและชัดเจนกว่านี้มาตอบจะดีกว่า ที่เราคิดว่า.

ไปได้แน่นอนครับ

เราไม่จำเป็นต้อง เอาเปรียบใครเพื่อที่จะร่ำรวยเลย

ตัวอย่างที่ดีมีให้เห็นเยอะพอสมควร.

ต้องมี 100% เลยค่ะ ไม่ต้องคิดอะไรให้ไกลมากนัก ในการทำงานทุกอย่างต้องมีจรรยาบรรณ หรือว่ากันง่ายๆ ต้องทำศีลธรรมจรรยามาใช้ แค่นี้ก็เห็นแล้วใช้มั๊ย ว่าหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่งตัวเราเนี่ย เป็นผู้ร่วมงานที่มีคุณภาพมาแค่ไหน

เพื่อนๆ ยังนึกไม่ออกล่ะสิ ว่าแล้วตกลงจะให้คิดยังไง พอดี Lak เคยมีประสบการณ์จากสมัยเป็นนักศึกษานะคะ ที่บังเอิญปีหนึ่งโชคดี มีครูประจำชั้นเป็นครูสอนวิชาพุทธศาสนา ทำให้ได้มีโอกาสดีกว่าห้องอื่นๆ ตรงที่หลังจากเคารพธงชาติตอนเช้า ก่อนเริ่มเรียนในแต่ละวัน ครูท่านจะกำหนดให้มีกิจกรรมๆ หนึ่ง คือ "โปรดใช้จิตมองตน" โดยให้แต่ละคนคิดทบทวนการประพฤติปฏิบัติของตนเอง ว่าในแต่ละวัน แต่ละคนได้เป็นบุคคลที่มีคุณธรรมมากแค่ไหน โดยคิดดูง่ายๆ ว่า วันหนึ่งๆ ที่ผ่านมาเราได้ทำอะไรผิดศีลห้าหรือเปล่า ไม่เชื่อลองเอาไปทำดูสิคะ แล้วจะรู้จักตัวเองขึ้นเยอะเลย ว่าเราเป็นคนดี มีคุณธรรมมากแค่ไหน ในการอยู่บ้าน หรือปฏิบัติงานในที่ทำงาน

ไม่แน่นะ..บางทีจากเดิมที่คิดอยู่ตลอดเวลาว่าบุคคลรอบๆ ตัวเราเนี่ย ไม่มีอะไรดีเลย พอ "ใช้จิตมองตน" แล้ว อาจจะได้รู้เห็นความจริง ว่าเราเนี่ยนะ เอาเปรียบคนอื่นเค้ามาตั้งนาน ทีมัวนั่งคอยคิดอยู่ว่าคนอื่นเค้าเอาเปรียบ อาจได้แนวคิดแนวทางมาปรับตัวปรับใจให้มีความสุขขึ้น และเห็นคนอื่นน่าสงสาร ทำให้อยากช่วยเหลือคนอื่นอยู่ตลอดเวลาก็ได้นะคะ

การทำธุระกิจ

ต้องมี " คุณธรรม " ค่ะ

คุณธรรม คือ " คุณงามความดี "

ที่พึ่งมี

ไม่ว่า.............

จะเป็นกับ " ลูกค้า "

หรือ.............

" ลูกน้อง " ค่ะ

ส่วน " การกุศล " นั้น

คือ.....................

" การทำบุญ , การทำสิ่งที่ดี ๆ "

ต่อ..........

" บุคคลทุกคน "

เท่าที่เราสามารถจะทำได้ค่ะ

ไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน แค่เราซื่à¸��สัตย์กับลูกค้า ไม่เอาเปรียบลูกน้อง นี่ก็นับเป็นคุณธรรมแล้ว ง่าย ๆแค่นี้เอง

คุณธรรม คือ คุณ + ธรรมะ คุณงามความดีที่เป็นธรรมชาติ ก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อตนเองและ

สังคม สรุปว่าคือ สภาพคุณงาม ความดี

คุณธรรม คือ ความดีงามในจิตใจที่ทำให้บุคคลประพฤติดี ผู้มีคุณธรรมเป็นผู้มีความเคยชินในการประพฤติดีด้วยความรู้สึกในทางดีงาม ....สรุป อีก คือ คิดดี +ประพฤติดี ก็คือ กุศล

ทำธุรกิจ ก็ต้องมีคุณธรรมร่วม .....แค่นี้ก่อน เด้อ เดี๋ยว ยาาว