Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

ผู้หญิงมุสลิมบางส่วนถูกกดขี่จริงหรือไม่?

ในคัมภีร์อัลกุรอ่านมีระบุว่าสามีสามารถทำร้ายภรรยาได้หากไม่เชื่อฟัง จริงไหมคะ? อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะลบลู่ศาสนาอิสลามแต่ต้องการหาความรู้ เนื่องจากอยู่ในสังคมมุสลิม เพราะพอไปอ่านพวกบทความเกี่ยวกับ Honor Killing และ Infubilation ของผู้หญิงมุสลิมแล้วน่าตกใจมากๆ ค่ะ เพราะว่าแม้แต่ในประเทศพัฒนาแล้ว ผู้หญิงมุสลิมในบางชุมชนของผู้ที่ไมเกรทไปอยู่ประเทศเจริญแล้วเช่นอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมันและประเทศยุโรปอื่นๆยังถูำกฆ่าจากญาติใกล้ชิดเช่นพ่อของตัวเอง เลยน่าตกใจมากๆ ค่ะ และในหลายประเทศมุสลิม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศเหล่านั้น เช่นปากีสถานและอียิปต์ค่อนข้างปกป้องผู้ชายที่กระทำการ Honor Killing ค่ะ พอไปอ่านดูเรื่องราวของการ Honor Killing แล้วเนี่ย รู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้เป็นชาวมุสลิมเลยค่ะ ดิฉันอยู่ที่มัลดีฟ ไปเที่ยว Staff Bar ของรีสอร์ทที่ตัวเองทำงานอยู่เพราะเค้ามี Staff Party และไปเต้นอยู่บนฟลอร์ ปรากฎโดยหนุ่มมุสลิมทั้งหลายแต๊ะอั๋งและยังโดนจูบแก้มโดนหนุ่มที่ไม่รู้จัก ดิฉันเขียนอีเมลล์ไปคอมเพลนกับ HR ของรีสอร์ท ทั้ง HR Director และ HR Manager ที่เป็นชาวมุสลิมต่างก็พยายามจะให้ดิฉันเลิกคอมเพลน (เพราะดิฉันขู่ว่าจะคอมเพลนไปถึงเจ้าของรีสอร์ทที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม) ดิฉันมองว่าพวกเขารู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหนแต่กลับปกป้องหนุ่มมุสลิมด้วยกันยังไงไม่รู้ เพราะมันชัดๆ มากว่าผู้ชายมุสลิมที่ทำงานด้วยชอบแต๊ะอั๋งสาวในบาร์ของพนักงานจนไม่มีสาวไหนกล้าไปเต้นบนแด็นซ์ฟลอร์ทั้งๆ ที่อุตส่าห์จ้างดีเจมาเปิดเพลง และที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือ ไม่มีสาวมัลดีฟทำงานในรีสอร์ทเลยยกเว้นคนเดียวที่เกิดและเติบโตในอังกฤษ จึงเป็นเรื่องน่าแปลกมากๆ พอถามหนุ่มๆ มุสลิมก็ไม่ได้รับคำตอบใดใด เลยสงสัยเกี่ยวกับสิทธิสตรีมากๆ ค่ะ

อัปเดต:

ดิฉันทำงานในหลายๆ รีสอร์ทเพราะร้านมีอยู่ในหลายๆ เกาะของมัลดีฟค่ะ และปรากฎว่าทุกๆ รีสอร์ทที่ไปทำงานไม่ค่อยเจอผู้หญิงมัลดีฟทำงานเลยค่ะ ในขณะที่ผู้ชายมัลดีฟและชายจากชาติมุสลิมอื่นๆเป็นร้อยทำงานอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ พนักงานรีสอร์ทหญิงเป็นชาวต่างชาติล้วนๆ และเป็นชาติที่ไม่ใช่มุสลิมทั้งนั้น เลยเกิดความสงสัยค่ะ

อัปเดต 2:

ถ้าคุณเข้าไป search คำว่า Honer Killing บน Google จะเจอภาพสยองของผู้หญิงมุสลิมที่โดนฆ่าตาย และหากไป search บนเว็บจะเจอเรื่องราวเลวร้ายของสาวมุสลิมที่โดนกดขี่และฆ่าตายมากมายเลยค่ะ

อัปเดต 4:

Calls to "lessen domestic violence because the Qur'an is a book of Peace" fall on deaf ears when popular, famous, respected Imams go into their local Mosques and on television and do not say, unequivocally, "honor killings are wrong", and when these same Imams continue to preach Sura 4:34, the single line in the Qur'an that gives men power over women—violent power over women.

“ Men have authority over women because God has made the one superior to the other, and because they spend their wealth to maintain them. Good women are obedient. They guard their unseen parts because God has guarded them. As for those from whom you fear disobedience, admonish them and send them to beds apart and beat them. Then if they obey you, take no further action against them. Surely God is high, supreme.

แปลได้ว่าในพระคัมภีร์อันกรุอ่านมีบทความที่บอกว่าความว่าหญิงที่ดีต้องเชื่อฟังสามี หากไม่เชื่อฟังให้ตีจนเชื่อฟัง อันนี้จริงไหมคะ ถึงอย่างไร การฆ่าผู้หญิงมุสลิมตามข่าวไม่ได้อยู่แค่การคบชู้ บางกรณีก็พ่อแม่ก็ฆ

อัปเดต 5:

บางกรณีพ่อแม่ก็ฆ่า���ูกสาวที่ตนเองสงสัยว่าจะมีแฟนเพราะแค่ได้ยินเพลงที่ผู้ชายขอให้เปิดให้ลูกสาวฟังอะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ การฆ่าลูกสาววัยทีนเหล่านั้นก็ทารุณ มีทั้งเผาทั้งเป็น ฝังทั้งเป็น แล้วก็ปาหินจนตายอย่างที่คุณ Supachai บอกว่าเป็นการฆ่าในที่สาธารณะเป็นเหตุการณ์สาธารณะ เหมือนรุมประชาทัณฑ์ แต่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน

ในอเมริกาก็มีข่าวว่าพ่อฆ่าลูกเพราะ Honor Killing ฆ่าทารุณเช่นไล่ขับรถทับ

อัปเดต 6:

อีกกรณีที่สนใจคือไม่ทราบว่าสาวมุสลิมทำงานได้ไหมคะ และมีข้อจำกัดด้านการทำงานไหมคะ เช่นหนุ่มมุสลิมที่นี่จะดูถูกพวกพนักงานนวดสปาในรีสอร์ทห้าดาวว่าพวกเธอแตะต้องตัวผู้ชายค่ะ ทั้งที่เป็นอาชีพสุตจริต ใครๆ ก็ทำ

อัปเดต 7:

บังเอิญดิฉันทำงานท่ามกลางหนุ่มมุสลิมและถูกหนุ่มมุสลิมสองสามคนทั้งโทรมาตื้อ ทั้งจะนัดเจอ ดิฉันไม่รู้จะปฏิเสธไปอย่างไร หากปฏิเสธไปตรงๆ โดยบอกว่า ขอโทษนะศาสนาเธอมันจำกัดสิทธิสตรี ชั้นไม่ชอบไม่เข้ากับวัฒนธรรมชั้นก็ดูจะโหดร้ายเหมือนพวกเหยียดศาสนาไปสักนิดนะคะ

5 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 10 ปี ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    บางประเทศยังรุนแรงต่อสตรีค่อนข้างมาก

    ประเทศมุสลิมจะใช้ศาสนาเป็นกฏหมายปกครองประเทศ

    แต่ไม่ได้หมายความว่ากฏบัญญัติของอิสลามกำหนดให้ทำเช่นนี้น

    อิสลามบัญญัติว่า สตรีควรอยู่ในความดูแลของผู้ชาย ห้ามเดินทางโดยลำพัง

    ซึ่งผลที่ได้รับจากการเชื่อฟังพระเจ้าในข้อนี้ ก็ไม่เคยมีสตรีมุสลิมถูกข่มขืนในเวลาเดินทาง

    พระเจ้าได้เห็นภัยของสตรีมีมาก จึงได้ออกบัญ้ติมากมายเพื่อคุ้มครองสตรี แต่หลักศาสนาอิสลามเป็นแนวยืดหยุ่นไม่ได้มีข้อบังคับตายตัว เพราะต้องการให้มีการปรับใช้ตามภูมิภาคที่เห็นเหมาะสม

    บางภูมิภาคจึงกำหนดบทของกฏหมายได้รุนแรงสูงสุด ดังที่เห็นในตะวันออกกลางบางประเทศ

    และสิ่งที่คุณสงสัย ส่วนใหญ่จะมาจากสตรีที่ทำผิด เช่นคบชู้

    ขอให้คิดเถิด เมื่อมีบทลงโทษรุนแรงขนาดนั้นก็ยังจะสร้างความอับอายให้ครอบครัวทำไม

    และจงเชื่อเถิด สตรีที่เชื่อฟังพระอัลเลาะห์ พระอัลเลาะห์จะปกป้องเธอจากอันตรายทั้งหมด

  • 10 ปี ที่ผ่านมา

    ไม่กี่วันก่อน ก็พึ่งจะงง กับเหตุการณ์ใกล้ ๆ นี้ ที่เด็กผู้หญิง ไม่ต่างไปจาก ถ้าจะบอกว่าสัตว์เลี้ยง ก็ฟังดูแรง แต่มันก็คล้าย ตรงที่ว่า ผู้ชายพูดอะไร คือคำสั่ง ที่เธอต้องทำตาม ถ้าไม่ทำ ผู้ชายจะโมโห เมื่อผู้ชายโมโห ก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อารมณ์คุมไม่ได้ มือก็หยิบอะไรได้ก็เขวี้ยงใส่ เด็กหญิงก็ต้องทำตามคำสั่ง ด้วยความรัก แปลกใจ ตกใจ สะท้อนใจ แล้ววันนี้ ก็กลับมาดีกันเหมือนเดิม... จนกà��§à¹ˆà¸²à¸ˆà¸°à¸—ะเลาะกันใหม่

    คือฟังดูอาจไม่ร้ายรุนแรงเท่าไหร่ แต่นี่เป็นแค่ตัวอย่างเบา ๆ เทียบไม่ได้กับสภาวการณ์ที่เพศหญิงถูกคุกคามการดำเนินชีวิต ตั้งแต่เกิด จนถึงเชิงตะกอน ไม่ว่าเวลา จะผ่านไป ไม่ว่าอะไรต่ออะไร จะวิวัฒน์ไปแค่ไหน ผู้ชายก็ยังเป็นผู้ชาย ผู้หญิง ก็ยังเป็นผู้หญิง

  • 10 ปี ที่ผ่านมา

    ปัญหาเกี่ยวกับ Honor Killings ถ้าชาวมุสลิมและชาวต่างประเทศที่ไม่ใช่มุสลิมแยกประเด็นของปัญหาไม่ออก ว่าจะต้องเชื่อฟังกฏบัญญัติของพระเจ้าหรือเชื่อฟังกฏหมายของประเทศชาติที่เราอยู่ เราจะมีความสับสนมากที่สุด และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ปัญหาใหญ่จะตามมาสำหรับทุกฝ่ายโดยไม่มีวันสิ้นสุด อย่างที่เริ่มเห็นกันบ่อยมากขึ้นทุกๆวันนี้

    ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในประเทศที่เป็นชุมชนของมุสลิมและกฏหมายก็ถูกควบคุมดูแลและมีผลใช้บังคับโดยชุมชนมุสลิม เมื่อเกิดกรณีของ honor killing ไม่มีใครในชุมชนนั้นเห็นว่าผิด และไม่มีใครประท้วง อำนาจของฝ่ายบริหารและตุลาการในชุมชนนั้นก็ไม่ถือว่าการกระทำเช่นนั้นผิด จะไปเอะอะประท้วงหาใคร? ประเทศอื่นจะเข้ามาก้าวก่ายแซกแซงปัญหาภายในของประเทศนั้นได้หรือ? ไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เท่านั้น

    แต่ถ้าชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในประเทศไทย อังกฤษ ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย อัฟริกา จีน หรือรัสเซีย honor killing จะเกิดขึ้นโดยถือว่าไม่ละเมิดกฏหมายของบ้านเมืองได้หรือไม่? ควรหรือไม่ที่จะต้องทำหูไปนาตาไปไร่? หรือประเทศเหล่านั้นต้องยอมให้ชุมชนมุสลิมจัดการปัญหาในชุมชนเขาเอง คนไม่ใช่มุสลิมไม่เกี่ยวใช่หรือไม่? และคำสอนของศาสนาอิสลามก็อยู่เหนือกฏหมายประเทศนั้น และต้องให้การยกเว้นใช่หรือไม่? เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ทำตามกฏหมายของประเทศ จับผู้ทำ honor killing เช่นนั้นมาดำเนินคดีอาญาในข้อหาเป็นฆาตกรหรือไม่? แน่นอนต้องทำเช่นนั้น กฏหมู่ไม่อยู่เหนือกฏหมาย อำนาจฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการของประเทศชาติไม่เข้าใครออกใคร มิฉะนั้น คนที่นับถือศาสนาอะไรก็ตาม ถ้าคนในศาสนานั้นถือว่าไม่ผิด ก็ไม่ผิด กฏหมายก็หมดความหมายใช่หรือไม่?

    ถ้ามีชาวยิวที่ต้องการรักษาบัญญัติของโมเสสอย่างเคร่งครัด พวกเขาควรได้รับการยกเว้นด้วยหรือไม่? ผมจะคัดกฏบัญญัติเขามาให้อ่านดูเป็นตัวอย่างนะครับ เกี่ยวกับการทำผิดศีลธรรมที่มีโทษถึงตาย สำหรับชุมชนชาติยิศราเอลในสมัยโมเสส ตามกฏบัญญัติที่พระเจ้าตรัสสั่งให้เป็นกฏหมายสำหรับชุมชนนั้น ปรากฏในพระธรรม เลวีนิติ 20: 1-16 (ลิ๊งค์ 1)

    20:1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า

    20:2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลซ้ำอีกว่า คนอิสราเอลคนใดหรือคนต่างด้าวคนใดที่อาศัยอยู่ในอิสราเอล ผู้ที่มอบเชื้อสายของตนให้แก่พระโมเลค [เพื่อฆ่าแลà¹��วเผาเป็นเครื่องบูชายัญ] ผู้นั้นต้องมีโทษถึงตายเป็นแน่ ให้ประชาชนแห่งแผ่นดินเอาหินขว้างเขาเสียให้ตาย

    20:3 และเราจะตั้งหน้าของเราต่อสู้ผู้นั้น และจะตัดเขาออกเสียจากท่ามกลางชนชาติของตน เพราะว่าเขาได้มอบเชื้อสายของเขาแก่พระโมเลค กระทำให้สถานบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทิน และลบหลู่นามบริสุทธิ์ของเรา

    20:4 และถ้าประชาชนในแผ่นดินนั้นไม่เอาใจใส่ที่จะฆ่าคนนั้นเมื่อเขาให้เชื้อสายแก่พระโมเลค

    20:5 เราจะตั้งหน้าของเราต่อสู้ผู้นั้น และต่อสู้กับครอบครัวของเขา และจะตัดเขาและผู้ใดที่ทำตามเขาในการเล่นชู้กับพระโมเลคออกเสียจากชนชาติของตน

    20:6 ผู้ที่หันไปหาคนทรงเจ้าเข้าผีหรือพวกพ่อมดหมอผี เล่นชู้กับเขา เราจะตั้งหน้าของเราต่อสู้ผู้นั้นและจะตัดเขาออกเสียจากชนชาติของตน

    20:7 เหตุฉะนั้นเจ้าจงชำระตัวให้บริสุทธิ์ เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า

    20:8 จงรักษากฎเกณฑ์ของเราและกระทำตาม เราคือพระเยโฮวาห์ผู้ตั้งเจ้าไว้ให้บริสุทธิ์

    20:9 เพราะว่าทุกคนที่แช่งบิดาหรือมารดาของตนจะต้องมีโทษถึงตายเป็นแน่ เขาได้แช่งบิดาหรือมารดาของเขา ให้โลหิตของผู้นั้นตกอยู่บนผู้นั้นเอง

    20:10 ถ้าผู้ใดร่วมประเวณีกับภรรยาของผู้อื่น คือเขาได้ร่วมประเวณีกับภรรยาของเพื่อนบ้าน ต้องให้ผู้ร่วมประเวณีทั้งชายและหญิงนั้นมีโทษถึงตายเป็นแน่

    20:11 ผู้ชายที่หลับนอนกับภรรยาของบิดาตนก็ได้เปิดกายที่เปลือยเปล่าของบิดาตน ทั้งสองคนนั้นจะต้องถูกประหารให้ตายอย่างแน่นอน ให้โลหิตของผู้นั้นตกอยู่บนผู้นั้นเอง

    20:12 ถ้าผู้ใดเข้านอนกับลูกสะใภ้ ต้องให้ทั้งสองคนนั้นมีโทษถึงตายเป็นแน่ เพราะเขาได้กระทำกามวิปลาส ให้โลหิตของผู้นั้นตกอยู่บนผู้นั้นเอง

    20:13 ถ้าชายคนใดคนหนึ่งหลับนอนกับผู้ชายด้วยกันเหมือนà¸��ย่างที่เขาหลับนอนกับผู้หญิง ทั้งสองคนก็ได้กระทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งสองคนนั้นจะต้องถูกประหารให้ตายอย่างแน่นอน ให้โลหิตของผู้นั้นตกอยู่บนผู้นั้นเอง

    20:14 และถ้าชายใดได้ภรรยาและได้มารดาของนางมาเป็นภรรยาด้วย นี่เป็นเรื่องชั่วนัก ให้เผาทั้งชายนั้นและหญิงทั้งสองนั้นเสียด้วยไฟ เพื่อว่าจะไม่มีความชั่วร้ายในหมู่พวกเจ้า

    20:15 ถ้าชายใดสมสู่กับสัตว์เดียรัจฉาน ต้องให้ชายคนนั้นมีโทษถึงตายเป็นแน่ และเจ้าจงฆ่าสัตว์เดียรัจฉานนั้นเสียให้ตาย

    20:16 ถ้าหญิงคนใดเข้าใกล้สัตว์เดียรัจฉาน และเข้านอนกับมัน เจ้าจงฆ่าหญิงนั้นและสัตว์เดียรัจฉานนั้นเสียให้ตาย ทั้งสองต้องมีโทษถึงตายเป็นแน่ ให้โลหิตของผู้นั้นตกอยู่บนผู้นั้นเอง

    ถ้ามีชุมชนชาวยิวที่อยู่ในประเทศไทย ลากคนอัปรีย์ที่ละเมิดพระบัญญัติของเขา ทำให้ชุมชนของเขาได้รับความอัปยศ เขาเอาหินไปขว้างให้ผู้ทำผิดพระบัญญัติให้ตายต่อหน้าต่อตาคนไทยในประเทศไทย คนไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศจะมีความรู้สึกอย่างไร? และจะมีปฏิกริยาอย่างไรบ้าง? กฏหมู่ของชุมชนอยู่เหนือกฏหมายของบ้านเมืองหรือไม่? คิดเอาเองก็คงเห็นภาพได้ชัด ครับผม

    แหล่งข้อมูล: (ลิ๊งค์ 1) http://thaipope.org/webbible/03_020.htm
  • 10 ปี ที่ผ่านมา

    ผมเคยรับราชการในชุมชนมุสลิมเขตประเวศตั้งแต่2519-2522 ตอนนั้นผมจำต้องพักบ้านพักราชการในชุมชนเลย เพราะการคมนาคมยังไม่สะดวกที่จะเข้าออกเพื่อกลับบ้านที่คลองเตย เวลา4ปีนั้นจึงทำให้ผมได้ศึกษาและเข้าร่วมกิจกรรมกับศาสนาอิสลาม ตอนแรกๆก็รู้สึกแปลกๆตรงที่พิธีทำบุญของเขาจะสวดกันเอง ในขณะที่พุทธศาสนาจะมีพระมาสวดและให้ศีลให้พร ผมจึงขอยืนยันว่าผู้ชายไม่มีสิทธิทำร้ายร่างกายผู้หญิงถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด น่าจะจำกันได้ว่าเมื่อหญิงอิสลามคบชู้ก็จะโดนปาด้วยหินจนตาย และคนที่ปาหินก็มีทั้งหญิงชายและเด็ก ซึ่งข่าวนี้โด่งดังไปทั่วโลก ผู้ชายอิสลามมีสิทธิที่จะมีภรรยาได้4คนก็จริงแต่ต้องได้รับความยินยอมจากฝ่ายหญิงด้วย(ตามข้อกำหนดของศาสนา) ปัจจุบันนี้ผู้หญิงมีสิทธิที่จะเลือกศาสนาใดก็ได้ ถ้าศาสนาอิสลามไม่ดีก็เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นได้ เช่นเดียวกับหญิงไทยพุทธ ที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น หรือตั้งลัทธิใหม่คือไม่มีศาสนาเพราะคิดเพียงว่าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็คือทำดีแล้ว(ศาสนาพุทธถือว่าการไม่ทำความชั่วยังไม่ใช่การทำดีเพราะเป็นแค่มีศีล แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมะ) การประกอบอาชีพในสถานที่ที่เที่ยวกลางคืนตามหลักอบายมุข ไม่จำเป็นจริงๆแล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเข้าไปทำงาน ส่วนมากจึงเป็นผู้หญิงที่มีความรู้น้อยจึงขาดโอกาสที่จะได้งานดีกว่านี้ การที่คุณขึ้นไป��¹€à¸•à¹‰à¸™à¸šà¸™à¸Ÿà¸¥à¸­à¸£à¹Œà¸—ี่ไม่ใช่ลีลาศ ก็ต้องพร้อมที่ถูกลวนลามอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใด การถูกลวนลามในรีสอร์ทนั้นต้องไม่ลืมว่ามัลดิฟส์เป็นประเทศที่ยังไม่พัฒนา ในขณะที่ไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา สิทธิสตรีในไทยย่อมเหนือกว่าในมัลดิฟส์อย่างแน่นอน

  • 10 ปี ที่ผ่านมา

    จากที่ได้ไปพบไปเห็นจริงตามนั้น ครับ ผู้ขายมีหน้าที่อยู่ 2 อย่างคือสืบพันธ์ กินน้ำชา สรรเสริญอันเราะ เลี้ยงนกเขา งานการไม่ทำ ครับ ชั่งนาอายครับ ไม่น่าจะเรียกว่าลูกผู้ชาย น่าจะเป็น....ผู้มากกว่า ครับ

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้