การเจาะถนนเพื่อระบายน้ำเป็นความสิ้นคิดหรือเปล่า?

เหมือนคนกำลังหลงทาง?

เกาไม่ถูที่คัน?

ไม่ต้องไปคิดให้ลึกหลอกตั้งแต่ เกิดเหตุการณ์จากนครสวรรค์เลื่อยมา ได้ยินจากปากรัฐบาลว่าเอาอยู่สามารถที่จะป้องกันไว้ได้ ผลสุดท้ายเสียหายยับเยินแม่กระทั่งศูนย์ช่วยเหลือที่ดอนเมืองก็ยังเอาตัวไม่รอดแล้วชาวบ้านตาดำๆจะเพิ่งได่หรือนี่ และยิ่งได่ยินข่าวจะตัดถนนทำคลองโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าจะช่วยลดน้ำได้มากน้อยแค่ไหน แล้วชาวบ้านจะเดือดร้อนอีกมากน้อยเท่าไร รวมทั้งการสร้างจุดที่พักพิ่งย้ายแล้วย้ายอีกด้วนความคิดที่บ้องตื่น มีที่ไหนย้ายไปแต่ละครั้งไปอยู่ทางเดินที่น้ำจะผ่าน ล่าสุดย้ายไปหัวหมากก็ต่ำแหน่งทางน้ำผ่ายอีกเช่นเดิมหน่ำซ้ำเป็นพื้นที่ต่ำสุดอีกคงไม่รอดอีกเช่นเดิม นี่แหละรัฐบาลไทยที่ว่ามาจากประชาชนท่วมท้น

แนวคิดนี้มีมามากก่าวครึ่งเดือนแล้ว แต่เงียบหายไป ทำมมาดังเพราะคนเสนอเค้าออกมาเสนอนานแล้ว

ชวลิต จันทรรัตน์ วิศวกรแหล่งน้ำ กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจแหล่งน้ำ จากกลุ่มบริษัท ทีม

ซึ่งมีประสบการณ์ความชำนาญในด้านการบริหารจัดการน้ำมากกว่า 30 ปี

ให้สัมภาษณ์กับ มติชนออนไลน์ ถึงข้อเสนอเจาะถนนระบายน้ำ ดังนี้

"การเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกเป็นไปได้ยากและเป็นไปได้ไม่มากกว่านี้แล้ว

ส่วนทางฝั่งตะวันออกน้ำที่เข้าท่วมแล้วนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องใช้บริเวณพื้นที่สีแดง

ซึ่งเป็นแอ่งให้เป็นพื้นที่น้ำไหลผ่าน หรือ "flood way" เพื่อระบายน้ำลงสู่คลองด่านลงสู่ทะเล

มิฉะนั้น น้ำจากพื้นที่ตอนบนจะเข้ามาอัดกันเพิ่มขึ้นโดยไม่มีทางออก

ซึ่งตอนนี้คลองด่านก็พร้อมที่จะเอาน้ำลงสู่ทะเลอยู่แล้ว" นายชวลิตกล่าว

"ไม่อยากใช้คำว่าเสียสละ แต่ "ยินยอมให้เป็นทางน้ำผ่าน"

"เราต้องยอมรับกันว่านี่คือ flood way ที่จะให้น้ำผ่าน เราก็มาดูในรายละเอียดว่า

พื้นที่ไหนมีความจำเป็นที่จะต้องเจาะทะลุ

ต้องมาเลือกว่าพื้นที่ไหนหากมีการเจาะทะลุแล้วจะทำให้น้ำไหลผ่านได้ดี

ถนนเส้นไหนที่จะต้องเอาไว้

ถนนไหนที่จะต้องยอมเจาะ ส่วนพื้นที่สีแดงนี้ต้องยอมรับว่าเป็นพื้นที่น้ำท่วมแน่ๆ"

"ไหงตอนนี้เป็นข้อเสนอของรัฐไป"

เออเหนอะ.ไม่เห็นมีใครคิดว่า ถนนที่ว่านั้น เคยเป็น"คลอง"มาก่อน แล้วความเจริญเข้ามาก็"ถมคลอง"นั้นๆๆตัดเป็นถนนหนทางให้สัญจร นานๆๆไปเข้าก็ลืมว่า"ถนนเส้นนั้น"เคยเป็นคลอง..

หรือว่าลืมไปแล้ว หรือไม่รู้เลย ว่า กทมฯเคยมีชื่อว่า"เวนิชตะวันออก"จ้ะ?

จริงสินะรัฐบาลอาจจะรู้แต่วิธีการได้มาของอำนาจ แต่ไม่อาจรู้วิธีช่วยชาวบ้านก็ได้นะ

ถ้าใช้คำพูดว่าสิ้นคิด ผมว่ามันเกินไปครับ ตอนนี้จะให้น้ำเหาะไปลงทะเลหรือครับ การเจาะถนนก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะต้องทำ เพราะถนนซ่อมได้ ถ้าพูดถึงปัญหาว่าน้ำมาได้อย่างไรเยอะแยะ ก็ฝนตกต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนสิงหาแล้วนี่ ชาวบ้านภาคเหนือก็บอกว่าน้ำมาเร็วกว่าทุกปี เขื่อนเต็มหมดทุกเขื่อนจนจะแตกอยู่แล้วถ้าไม่ปล่อยออกมา แต่ถ้าปล่อยไม่ได้ในช่วงต้นๆ เพราะเดือนที่แล้วเป็นช่วงที่ข้าวของประชาชนบางพื้นที่กำลังจะเกี่ยว ทำให้มีการประท้วงไม่ให้ปล่อยน้ำลงมาภาคกลาง มีการตกลงกันระหว่างชาวบ้านกับชาวบ้าน ไม่ใช้ที่พวกไม่มีข้อมูลพูดตามใจหรือพูดตามนักการเมืองที่ชอบฉวยโอกาสพูดเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหาย ถ้าใครไม่จำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ทำไมรัฐบาลหรือผู้ดูแลเรื่องน้ำเรื่องเขื่อนจึงดำเนินการอย่างนี้ ก็จะเชื่อตามคำพูดนั้นนึกว่าถูกต้องแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้น ฝนตกหนักติดต่อกันทุกวัน ส่วนใน กทม.ถ้าใครอยู่หรือผ่านแถวคลองเตย สาทร จะเห็นว่ามีคลองหลายคลอง แต่สภาพคลองไม่มีน้ำไหลจนทำให้คลองเป็นที่ทิ้งขยะ ของคนที่อยู่ริมคลองหรือปลูกบ้านเรือนเข้าไปกลางคลองทำให้น้ำดำเน่าเหม็นทุกคลอง ไม่ทราบว่าแล้วอย่างนี้จะเอาไว้ระบายน้ำได้อย่างไร

ไปปิดกั้นทางเดินของน้ำ จนทำให้น้ำเปลี่ยนทิศ ยากที่จะควบคุมได้

เพราะต่างคนต่างปกป้องตัวเองไม่ให้น้ำท่วม ท้ายสุดท่วมหมด แสดงให้เห็นว่าต้องทุกคนยังไม่เข้าใจเรื่องน้ำ

อะไรที่มากมันก็ล้น อะไรที่น้อยมันไม่พอ ต้องคิดแบบบูรณาการใหม่ ไม่แบ่งฝ่าย ให้เข้าไปดูปัญหาที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร มีแนวทางแก้อย่างไร ต้องช่วยกันระดมความคิด อย่าขัดแย้งกัน ประชาชนลำบากมาก แนะนำให้สร้างท่อระบายน้ำขนาดใหญ่วางในเขื่อนใหญ่ เชื่อมเขื่อนใหญ่ๆ มีการระบายน้ำ โยกน้ำได้จากเขื่อนที่ที่มีน้ำมากไปหาเขื่อนที่มีน้ำน้อยกว่า มีการก่อสร้างท่อลอยฟ้าไปใกล้ทะเลที่สุด เมื่อมีน้ำในเขื่อนมากรับน้ำไม่ได้แล้ว สามารถระบายลงทะเลทันที เพราะการระบายน้ำทางน้ำปัจจุบันควบคุมได้ยาก และท่อระบายลอยฟ้ายังสามารถเป็นชลประทานให้ชาวนา และเกษตรกรทำนาได้ตลอดทั้งปี โดยการต่อท่อลอยฟ้าแยกไปตามจังหวัด และอำเภอ ตำบลต่างๆได้เพียงแค่ต่อจากท่อเมนเหมือนน้ำประปา เปิดก๊อกก็ทำนาได้แล้วครับ เขื่อนไหนปีไหนน้ำน้อยก็โยกน้ำ ถ่ายเทน้ำได้ ถ้าเขื่อนรับน้ำไม่ได้ระบายลงทะเลก็ร��¸§à¸”เร็ว แม่น้ำ ลำคลองก็ระบายน้ำปกติ แต่โปรเจคนี้อาจต้องใช้งบมหาศาล แต่ครั้งเดียวแก้ปัญหาได้ยั่งยืน ลองคำนวณระยะทางที่ใกล้ทะเลที่สุด จะทำให้ใช้งบประมาณน้อยลง ท่อประปายังโยงใยไปได้ แจกจ่ายน้ำได้ทั่วประเทศ การระบายน้ำก็คล้ายๆกัน แต่เป็นการสูบน้ำออกจากเขื่อนโดยตรง ดีกว่าปล่อยออกมาแบบที่ผ่านมา ชาวบ้านเดือดร้อนกันทุกหัวระแหง ที่ลุ่มกว่าจะระเหยไปบนอากาศ หรือลงใต้ดินคงอีกนาน

ชาวนาที่ปลูกข้าวเลี้ยงท่านก็ปลูกไม่ได้ และอีกกี่เดือนกว่าจะเรียกขวัญ กำลังใจกลับมาได้ครับ ความคิดแบบงมงายโง่ๆของผมจะเป็นไปได้มั๊ยครับ

เห็นด้วยกะคุณก๋วยเตี๋ยวฯ คนดีๆเสนอทางแก้ คนแย่ๆแค่ประจบสอพลอไปวันๆ

ตอนนี้คงพยายามคิดหาทางออกหลายๆทาง

แต่การเจาะถนนนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะได้ผลนะครับ เพราะว่าระดับพื้นที่หลายๆแห่งที่จะให้น้ำผ่าน

พื้นที่มันสูง น้ำจะไหลผ่านได้ช้ามาก หรืออาจจะไม่ได้เลย

ต้องดูเรื่องระดับพื้นที่ให้ดีๆด้วย.

ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ ว่าผู้ที่คิดแก้ปัญหาโดยวิธีนี้ เค้ามีแนวคิด ทฤษฎี หรือหลักการอะไรที่จะคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในลักษณะนี้

ลองช่วยๆ กันคิดดูก็แล้วกันนะà¸��ะ คือแทนที่จะมาคิดค้นหาสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เกิดปัญหาของระบบการระบายน้ำที่พบว่าเป็นปัญหาหลักของอุทกภัยในทุกวันนี้ มันเกิดจากอะไรกันแน่ (ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เรารณรงค์กันมาตั้งแต่จำความได้แล้ว แต่ก็ยังแก้ไม่ได้เป็นการถาวรสักที ก็คือการกำจัดขยะที่ถูกต้อง ซึ่งก็ยังพบเป็นปัญหาอยู่) แล้วไปดำเนินการจัดการกับต้นเหตุที่แท้จริง มิใช่การที่ต้องมาคอยดักเก็บผลลัพธ์ปลายทาง และมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างนี้ ซึ่งมิใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องเลย

นอกจากนี้ การที่กรุงเทพฯ จะมีการเจาะถนนเพิ่มขึ้นจากเดิมนั้น ได้มีการศึกษาทบทวนกันหรือเปล่าว่า จะมีความเสี่ยง ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่างๆ เกิดขึ้นตามมาบ้าง ตัวอย่างความคิดแบบเด็กๆ ก็ได้แก่ จะความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินทรุด แผ่นดินถล่ม หรือแผ่นดินไหวบ้างหรือไม่ เพราะจากการเห็นตัวอย่างในต่างประเทศที่เค้ามีพัฒนาการ ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหลาย ในขณะที่มีระบบควบคุมป้องกันความเสี่ยง หรืออันตรายต่างๆ ควบคู่ไปด้วย ยังมีปัญหาเกี่ยวกับมหันตภัยต่างๆ ขึ้นมาจนได้ แล้วสำหรับในประเทศไทย ก็คล้ายๆ กับว่าได้พยายามลอกเลียนความเจริญต่างๆ ของเค้ามาแทบทั้งหมด แต่ไม่มีการสร้างระบบควบคุมป้องกันความเสี่ยงต่างๆ เอาไว้รองรับเลย นอกจากนี้ ประชาชนก็ยังมีพฤติกรรมที่จะถือเอาความสะดวกสบายส่วนตนเป็นหลัก โดยไม่มีการให้ความสนใจว่า ตนเองเป็นคนไทย ต้องรักชาติ รักษ์ผลประโยขน์ ดูแลรักษาทุกสิ่งที่เป็นส่วนรวมด้วย