จากเหตุการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน?

สอนให้ทุกคนรู้ว่า ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าธรรมชาติ

"ไปว่ายน้ำ ที่วิภาฯ

...ตกปลา ที่สีลม

...งมหอย ที่บางแค

...ล่องแพ ที่ปิ่นเกล้า

กินเหล้า เคล้าชูชีพ

...นั่งเรือถีบ วงเวียนใหญ่

...แล้วเอาชุดว่ายน้ำมาใส่

เดินในเซ็นทรัลปาร์ตี้ ริมตลิ่ง

...อร่อยอิ่ม กับถุงยังชีพ

...นั่งรถ จิ๊ปทหาร

...เบิกบาน บนเรือพลาสติก

กระดิกขา กับจระเข้ใต้น้ำ

...ดื่มด่ำ กับตะขาบดองเหล้า

...คลุกเคล้า งูเต้นระบำ

ชอกช้ำ กับโจรขโมย"

................................

"นางนพมาศ" ปีนี้!

~ มือขวาถือ "ถุงยังชีพ"

~ มือซ้ายถือ "ไม้พาย"

~ "งูกรีนแมมบ้า" เป็นสัตว์คู่กาย

~ สวมชุดไทย "นุ่งผ้าถุงกันน้ำ"

~ "รองเท้าบูท" สีขาว

~ "ขี่จระเข้" เป็นพาหนะ

สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ..

ความประมาท เป็นบ่อเกิดของความพินาศ...

คนไทยเราไม่เคยแห้งแล้งน้ำใจต่อกัน และยังมีความสามารถที่หลากหลาย ถ้าหากได้ผู้นำที่เก่งฉกาจ ฉลาดเฉลียว กล้าหาญในเรื่องถูกต้อง สามารถพร้อมทำในเรื่องที่ดี และมีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ ชำนาญงานทุกหมวดการบริหาร และรอบรู้ ในทุกกระบวนการ แต่ละขั้นตอน ก็คงจะไม่เป็นรองต่อชาติอื่นใดในโลกนี้ ครับท่าน

ไม่มีใครอยุ่เหนือธรรมชาติ

มีเพื่อนมากขึ้น ควรต้องช่วยเหลือกันตามวิถีไทย

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุกคนควรหันมาทำเพื่อส่วนรวม น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้รู้ว่าหน่วยงานของรัฐบริหารไม่ได้สนใจเรื่องการจัดการน้ำมาตั้งแต่่ต้นปี มัวแต่ทะเลาะกันเรื่องการเมือง เรื่องผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง ทำงานไม่ประสานกัน ใครจะเก็กกักน้ำ ใครจะปล่อยน้ำ ต่างคนต่างทำไปตามเรื่องตามราว จนมันเอาไม่อยู่ ก็ไม่เห็นมีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือหาสาเหตุว่าทำไมน้ำจึงท่วม มีแต่หาทางป้องกันน้ำไม่ให้ท่วมพื้นที่ของตนหรือบางพื้นที่ คนที่ท่วมหนัก ท่วมนานก็ไม่มีมาตราการบรรเทาให้รวดเร็ว แล้วจะไม่ให้ประชาชนบางส่วนออกมาโวยวายได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีใครเหลียวแล มัวแต่โทษกันไปโทษกันมา นักวิชาการออกมาพูดไม่ซ้ำหน้า แต่ก่อนน้ำท่วม ไม่เห็นมีใครออกมาโวยวายเลยว่า ปีนี้น้ำจะเยอะ น้ำจะมาก เหมือนกับวัวหายแล้วก็ล้อมคอก ปีหน้าก็อย่าให้เป็นแบบนี้อีกล่ะกัน ไอ้ที่งาบส่วนแบ่งงบประมาณคนละร้อยล้าน พันล้าน ก็เพลาๆหรือเลิกไปซะเลย จะได้มีเงินมาสร้างโครงการให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกะเขาสักที ดูอย่างมาเลเซียเขาทำอุโมงค์รับน้ำเสร็จตั้งนานแล้ว เมืองไทยจะมีโอกาสทำได้อย่างเขาไหม ถ้ายังงาบกันแบบนี้ รออีกสิบชาติก็คงไม่มีหรอก

น้ำท่วม สาเหตุมาจาก เรารุกล้ำธรรมชาติมากเกินไป ไม่ใช่แค่นักการเมืองเลวๆเท่านั้นที่มีส่วน ประชาชนทุกคน ล้วนมีส่วนกันคนละเล็กละน้อย คนละมากละมาย มองข้ามกันไปเอง เช่นการทิ้งขยะมากเกินไป ใช้ข้าวของที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรม เสื้อผ้า ของฟุ่มเฟือย ของกินของใช้ ซึ่งล้วนแต่ปล่อยมลภาวะลงแม่น้ำ ก่อให้เกิดโรงงานมากมาย (เมื่อก่อนเป็นทุ่งนาที่โล่ง) ไหนจะเจ้าของโครงการ สร้างบ้าน สร้างอาคาร เอาที่ๆเคยเป็นท้องนา ที่ลุ่ม ที่ต่ำ มาถมทำโครงการขาย ร่ำรวยไปตามๆกัน คนซื้อก็ไปซื้อมาอยู่ เพราะที่อยู่อาศัยมันไม่เพียงพอ บางทีก็ซื้อทิ้งๆไว้เพื่อความร่ำรวย เก็งกำไร เป็นทรัพย์สิน มีส่วนผิดกันทั้งนั้น ป่าไม้น้อยลง พื้นที่น้ำอยู่น้อยลง แล้วน้ำมันก็ไม่มีที่อยู่ มันก็ต้องหาทางไป ทุกคนมีส่วนทั้งนั้น แล้วแต่ว่าใครรุกล้ำมากน้อยต่างกัน

ทางแก้..พอเพียงและทำเพื่อส่วนรวม แก้ได้แน่นอน แต่จะมีใครกี่มากน้อยที่จะทำจริงจัง

เมื่อเช้าได้ดูข่าวนักข่าวไปทำข่าวผู้ประสบภัยที่อยู่ไกลออกไป

แล้วไม่มีใครนำอาหารเข้าไปให้ พวกเขาต้องจับปลา หากินกันเอง

ดูเสร็จแล้วคิดว่าถ้าเป็นเรา เราคงตายแน่เลย เพราะเราจับปลาไม่เป็น พายเรือก็ไม่เป็น

หมายถึงความสามารถในการหาเลี้ยงชีพตามธรรมชาติแบบพื้นฐานของเรามันไม่มีเลย

เราปลูกผักไม่เป็น จับปลาไม่ได้ งมหอยไม่เก่ง ไม่รู้เรื่องธรรมชาติเลยสักนิด

เราเก่งแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่เรื่องหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีที่ดูง่ายจังของพวกเขา

เราทำไม่ได้นะ ไม่รู้คิดมากไปป่าว แต่ตอนนี้ดิฉันอยากจะไปปลูกพืชผักสวนครัว

อยากลองทำอะไรที่ดูง่าย ๆ แต่ดิฉันทำไม่ได้

ดิฉันคิดว่าคนที่อยู่รอดและมีความสุขได้บ้างจากสถานการณ์ตรงนี้

คือคนที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและเข้าใจธรรมชาติบ้างน่ะค่ะ

เพราะเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง เงินที่มีในกระเป๋าก็ไม่ทำให้ท้องเราอิ่มได้เนอะ :)

รู้จักคนที่บ้านอยู่ใกล้กัน อยู่ในชุมชนเดียวกัน มากขึ้น

รู้สึกดีถึง การมีเพื่อนบ้านที่ดี

ประเทศไทย ยังขาดความพร้อมในการรับมือกับภัยธรรมชาติ

ประเทศไทย ยังมีความเอื้ออาทร ต่อกันอยู่ในก้นบึงของหัวใจ

ประเทศไทย ยังมีความไม่น่าดู ความไม่งาม ในการฉวยโอกาส ของบางกลุ่ม

ประเทศไทย ยังเจริญ พัฒนาได้ต่อไป ในวิถีของสากล