เห็นอย่างไรกับการที่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ มีนโยบายแปลงแป๊ะเจี๊ยะให้เป็นเงินบริจาคสำหรับแลกที่นั่งเรียน?

กลายเป็นว่าทำผิดให้ถูกและบอกว่าถูกแต่เดิมมันผิด!คิดอะไรอยู่เด็กๆยังอ่านออกเลยครับ คิดเพื่อแก้ไขหรืออะไรกันแน่ทุกวันนี้สังคมเรื่องการศึกษาก็แบ่งชั้นกันในหลายแง่มุมอยู่แล้วหากปล่อยให้เป็นไปตามที่คิดแก้ไขละก็สังคมการศึกษามิต้องเสื่อมลงไปอีกสักเท่าไหร่กันแน่(คล้ายกับไปซื้อของที่ตลาดสดนั่นแหละสองกลุ่มกลุ่มที่1ใครมีเงินมากกว่าก็จ่ายมากกว่าซื้อของแพงๆได้และได้ของดีกว่ากลุ่มที่สองใครมีเงินน้อยบางทีอาจไม่สามารถซื้อของที่ต้องการได้เลยด้วยซ้ำ!)ตรงนี้แหละถ้าเทียบกับเด็กในกลุ่มที่สองพวกเขาจะทำอย่างไรดี?หรือลอยแพเขาช่างมันไม่ใช่เรื่องของข้าข้าไม่สน

..ก็ไม่น่าจะไปโต้แย้งอะไรเขา เพราะคนที่ได้รับยศตำแหน่งมาแก้ปัญหาไม่ว่าปัญหาอะไร ของรัฐบาลไหนๆ

เขาก็เหมืือนกันหมด..คือมักชอบแก้ี่ที่ปลายเหตุ เพราะแก้ี่ต้นเหตุไม่เป็น เพราะไม่เคยลงมาคลุกคลีเพื่อรู้ปัญหาต้นเหตุ

ไม่ว่าจะเรื่องค่าเล่าเรียน ดังคำถามนี้

เรื่องถนนที่เลนซ้ายวิ่งไม่ได้เพราะถนนเป็นหลุมเป็นบ่อพัง ก็แก้ด้วยการให้ตำรวจมาดักจับรีดไถด้วยข้อหาวิ่งผิดเลน

เรื่องยาเสพติด ก็มาจับคนขาย คนเสพ แต่โรงงานผลิตไม่เคยจับได้เลย

เรื่องปัญหาคนจน ก็แก้ด้วยการเอาของมาแจก ไม่ได้แก้ด้วยการหาวิธีใหเขาทำงานเป็น คิดเองเป็น

เรื่องน้ำท่วม ก็แก้ด้วยการกั้นน้ำไม่ให้เขาท้องที่ของคนรวย ปล่อยน้ำเข้าท้องนาของคนจน

แทนที่จะบริหารน้ำให้มันเป็นไปดังเช่นปีที่ผ่านๆมา ก็เอาชาวนา เอาขาราชการเป็นหนูลองยา..

เรื่องเด็กท้องในวัยเรียน ก็แจกถุงยาง แจกปลอก

ดังนั้น ใครจะทำอะไรก็ปล่อยเขาทำเถอะครับ

ลูกนังปริก ลูกทิดพร้อม ยังมีหลังควายให้ได้เรียนรู้

เกิดเด็กพวกนี้ตั้งหน้าเป็นเจ้าคนนายคนกันหมด

แล้วใครจะไถนา..เอ๊ย..ใครจะทำนาเล่าครับ

.

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ทั้งระบบแป๊ะเจี๊ยะ และเงินบริจาค เท่ากับสนับสนุนให้กับคนที่มีอำนาจ บารมี และเงินตรา ใช้เป็นช่องทางที่ใช้อำนาจและซื้อได้ทุกอย่างแม้แต่สถานที่เรียนในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ค่านิยมนี้มีหรือลูกหลานผู้นั้นจะไม่นำไปใช้ติดตัวต่อไปกับลูกหลานตัวเองในทุกๆ เรื่อง

คิดสั้นของคนที่ได้ชื่อว่ารัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ ที่ทรงเกียรติและมีการศึกษา ถอยหลังลงคลองกันไปใหญ่แล้ว การศึกษานะครับเป็นรากฐานของประเทศที่พัฒนาแนวความคิด ทัศนะคติ ความเชื่อ แบบอย่าง บ่มนิสัย มีจริยธรรม คุณธรรม หากใช้มีนโยบายแปลงแป๊ะเจี๊ยะให้เป็นเงินบริจาคสำหรับแลกที่นั่งเรียน สิ่งที่กล่าวมาก็จะหมดไปเลย เพราะกลายเป็นผู้ลงทุนย่อมต้องการทุนคืน และเกิดความไม่พอใจต่อระบบการบริหารการศึกษาที่เกิดตามมาในเรื่องที่ไม่สบอารมย์ของผู้ปกครองที่ใช้เงินซื้อที่นั่งเข้ามาเรียน ถึงที่สุดครู อาจารย์ ที่แต่ก่อนเขาเรียกว่าเรือจ้าง ก็เป็นได้แค่คนเก็บเงินค่าโดยสาร เพราะไม่มีเรือให้เป็นเจ้าของอีกต่อไปแล้ว ครับ

พวกระบบทุนนิยมสามานต์ คอร์รัปชั่น..เป็นเรื่องปรกติ

ก่อนอื่นคุณยอมรับไหมว่าร.ร.หลายร.ร.ในประเทศนี้ มีการเก็บแป๊ะเจี๊ยกันมานานแล้ว เพราะร.ร.เอกชนดังๆ เขาทำกันมานานแล้ว เคยอ่านเจอ ตระกูลเซ็นทรัล ต้นตระกูลเขาสั่งไว้ว่า เด็กผู้ชายเข้าอัสสัมชัน เด็กผู้หญิงเข้ามาแตร์ เขาคงไม่พาลูกมาสอบเข้า เขาคงบริจาคให้ร.ร.แต่คิดต่อ ทำไมต้องเข้า2ร.ร.นี้ แล้วร.ร.พวกนี้มีอะไรดีเลยทำให้คนมีตังส์เอาลูกหลานเข้าไปเรียน สำหรับลูกผม อยู่ป.5 ร.ร.ก็มีชื่อแต่ไม่ได้จ่ายสักบาท สอบเข้าเองได้ แต่ถ้าจ่าย ก็ประมาณ ห้าแสน-ล้านหนึ่งแต่บางคนก็จ่ายมากกว่าล้าน เพื่อเข้าร.ร.นี้ ถามว่าทำไม ก็ลองคิดเหตุผลที่เขายอมจ่ายแต่อย่าใช่ความคิดตัวเองไม่ยอมจ่าย มà¸��เป็นเกณฑ์ในการคิดน่ะ ลองหาเหตุผลว่าคนที่เขาจ่าย ทำไมถึงกล้าที่จะจ่าย ร.ร.นี้ สอบเข้าตอนป.1เรียนถึงม.6 นร.270คนมีคนจ่ายสัก50-100คนต่อปี สอบเข้า100คนที่เหลือเป็นเด็กใช้สิทธิ์ ลูกชายสอบเข้าได้ แต่ก็ต้องพาไปติว ไปทดสอบก่อน ตอนที่อยู่ อนุบาล3 ค่าใช้จ่ายไม่น้อย40000-50000 บาท ในส่วนตัวเมื่อเข้าไปแล้วก็ทำความเข้าในว่าทำไมถึงมีคนยอมบริจาคมากขณะนั้น เห็นสถานที่ อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา มีสนามฟุตบอล สนามเทนนิส6สนาม แบดมินตัน6สนาม วอลเล่ย์2สนาม สระว่ายน้ำ สนามบาส4สนาม ห้องสมุด1ห้องต่อ2ชั้นเรียน โรงยิม ห้องฉายหนัง โรงอาหารติดแอร์ ห้องเรียนดนตรี ห้องวิทย์ ห้องศิลปะ ห้องพวกนี้มีทุกชั้นเรียน แม้แต่ป.1ก็มีต่างหาก กิจกรรมเรียนหรือเล่นกีฬา แม้แต่การทัศนะศึกษาก็มีไปทุกชั้นปี ปิดเทอมมีกิจกรรมมากมาย แม้กระทั่งไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศก็มี ที่บอกมาทั้งหมด คือร.ร.ของหลวง จริงแล้วอาจมีอย่างอื่นอีกหลายอย่างที่ร.ร.จัดให้น.ร. ที่นี้ เรากลับไปนั่งคิด ว่าสิ่งต่างๆที่บรรยายให้ฟัง ต้องใช้เงินทั้งนั้น แล้วเงินที่จะมาจัดหาสิ่งเหล่านี้ ถ้าใช้เงินรัฐ อีก20ปีก็ยังไม่ได้1/5เลยแต่ถ้าบอกว่าไม่ควรมี ร.ร.เขาก็รับ น.ร.ได้แค่ไม่เกิน150คน และจะไม่มีสิ่งต่างๆให้เด็กใช้ แล้วถ้าบอกว่าไม่ยุติธรรมกับร.ร.อื่นๆที่ไม่มีใครมาให้เงินบริจาค ก็คงไม่ถูกหนัก เพราะเรื่องแบบนี้จะมาคอยให้ไปพร้อมกัน ก็คงไม่มีใครได้แบบนี้เลย ดังนั้นถ้าระบบมันแฟร์ ทำให้ทุกคนได้เห็น ว่าได้เงินบริจาคในส่วนน้อยของน.ร.ที่รับเข้ามา และรู้ว่าได้นำเงินไปพัฒนาร.ร.จัดหา จัดอบรมคณาจารย์ให้มีประสิทธิภาพที่ดีแล้ว ผลบุญก็จะตกแก่เด็กๆ ทั้งที่สอบเข้าเองหรือเด็กที่บริจาคมา แต่คงไม่มีใครสามารถทำให้กับเด็กทุกคนในประเทศได้ ความคิดทีบอ��¸à¸§à¹ˆà¸²à¸œà¸´à¸” ที่ผิดคือ รับบริจาคเข้าใต้โต็ะแต่ถ้ารับมาให้เห็นให้รู้ ว่าเอาไปทำประโยชน์ให้กับลูกหลานของประเทศไทย คงไม่น่าจะผิด วิธีการแบบนี้ก็มีตัวอย่างที่เขาทำกันให้เห็นอยู่แล้ว ถ้าร.ร.ไหนสามารถพัฒนาสอนน.ร.จบออกมามีคุณภาพ ก็คงสามารถทำแบบนี้ได้เหมือนกัน ความคิดในช่วงที่ลูกยังไม่เข้าร.ร.ก็มีความคิดแบเดิมๆ แต่พอมีลูกและศึกษาว่าสิ่งแบบนี้มันคงอยู่มานานได้อย่างไร เมื่อเราเข้าใจในเจตนาของร.ร. มันก็จบ ทำกันทุกร.ร.ยิ่งดีเท่ากับเอาเงินคนที่มีทุนทรัพย์มาช่วยระบบการศึกษาไปด้วย อ๋อ ค่าเทอมประมาณ15000ต่อเทอม*******************เพิ่มเติมหน่อย ลูกผมตั้งแต่เข้าเรียนป.1 อาจารย์ประจำชั้น 2ท่าน มีความรู้ เขียนตำราสอนน.ร.เอง มีเพียงวิชาภาษาไทย เท่านั้น ที่ใช้ของกระทรวง ส่วนท่านอาจารย์ประจำชั้นที่สอน ส่วนใหญ่เป็นระดับ รองศาสตราจารย์ หรือไม่ก็ เป็น ผช.ศาสตรจารย์ อาจเป็นเพราะเงินบริจาคที่ทำให้มีทุนในการพัฒนาคุณภาพของท่านอาจารย์****************และในความเป็นจริง ที่เป็นอยู่และเป็นมานานแล้วอย่างน้อยก็30ปี ระบบนี้ดำเนินการโดยเริ่มมาจากเอกชนสู่สถานศึกษาของรัฐ ในบางส่วนเท่านั้น และคิดว่า คงจะดำเนินต่อไป เพราะผลที่ออกมาพัฒนาไปด้วยดี ส่วนที่จะขยายออกไปเพิ่มอีกหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่ การยอมรับของสังคม แต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าการรับเงินบริจาคมีมานานแล้วมีมาก่อน ความคิดของรัฐมนตรีที่จะนำมาใช้แบบเปิดเผย นับว่ากล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับที่ แล้วรูปแบบของการรับบริจาคในปัจจุบัน จะบริจาคไปให้กับ มูลนิธิของ รร.หรือไม่ก็บริจาคให้กับสมาคมผู้ปกครอง แต่ท่าน ผอ.ก็มีตำแหน่งแค่อุปนายก ไม่ใช้เป็นนายกสมาคม การใช้เงินบริจาคจึงมีทั้งอาจารย์และผู้ปกครองดูแลบริหารเงินนั้น สำหรับผม อย��¸²à¸à¹€à¸«à¹‡à¸™à¸£à¸°à¸šà¸šà¸™à¸µà¹‰à¹„ด้การยอมรับและพัฒนาไปให้สูงสุด แล้วให้ระบบพัฒนากลับมาจุดต่ำสุดคือเมื่อมีรร.คุณภาพที่มากจำนวนแบบรวดเร็ว หรือทุกรร.มีคุณภาพใกล้เคียงกัน การรับบริจาคก็จะน้อยลง ด้วยความพร้อมของรร.ที่มีครบแล้ว กับรร.คุณภาพดีมีจำนวนมากขึ้น

มันก็พอกันแหละถ้าเป็นคนจนที่ดีก็ไม่ต้องเรียนล่ะซิต้องไปเรียนโรงเรียนวัดหมดแล้ว

ทำนองว่า"คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น"

"คนจนโรงเรียนวัด คนรวยโรงเรียนดังๆ". โรงเรียนวัดก็ดีเท่ากันนะหลักสูตรเหมือนกัน

ดีครับสนับสนุนให้ถูกกฎหมาย จะได้รู้ว่าใครบริจาคเท่าใหร่ให้ลูกได้เข้าเรียน เพราะบริจาคมันมีใบเสร็จ