จะมีสมาชิกในนี้ ท่านใดบ้างไหม?

ประชาธิปไตย แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า Democracy ซึ่งคำนี้มาจากคำว่า Demokration ในภาษากรีก แปลว่า การปกครองของประชาชน ดังที่อดีตประธานาธิบดี ลินคอนของสหรัฐอเมริกาเคยกล่าวไว้เป็นเสมือนคำคมว่า "รัฐบาลประชาธิปไตย คือ รัฐบาลของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน" ซึ่งหมายถึงระบบการปกครองตามอุดมคติ ระบบหนึ่ง ที่รัฐบาลในระบบประชาธิปไตยจะให้โอกาสอันเท่าเทียมกันในการดำรงชีวิต การแสวงหา ความสุข เป็นต้น๗

นอกจากนี้ "ประชาธิปไตย" คำนี้ใช้ใน ๓ ความหมายใหญ่ๆ ซึ่งถ้ากำหนดเป็น วงกรอบหรือฐานะใหญ่ๆ ได้ ๓ ฐานะด้วยกัน ซึ่งได้แก่ ๑) เชิงความคิด ๒) รูปแบบการ ปกครอง และ ๓) วิถีชีวิต โดยมีคำอธิบายเพิ่มเติมโดยสังเขปคือ

๑. ในฐานะเป็นปรัชญา (Phi-osophy) ทฤษฎีหรืออุดมการณ์ทางการเมือง ประชาธิปไตยในความหมายนี้ มุ่งเน้นไปในเรื่องของความคิด เป็นสภาพทางมโนกรรมทั้งของผู้นำและคนทั่วไป คือ ทั้งของผู้บริหารประเทศ และ พลเมืองทั่วไป

๒. ในฐานะเป็นรูปแบบการปกครอง (Forms of Government) เป็นการพิจารณาประชาธิปไตยในเชิงโครงสร้างของรัฐบาลแบบประชาธิปไตย เช่น เป็นระบบรัฐสภา เป็นระบบประธานาธิบดี

๓. ในฐานะเป็นวิถีชีวิต (Way of -ife) หมายถึง

๓.๑ วิถีทางแห่งการยอมรับเสียงข้างมาก

๓.๒ ความมีใจกว้าง

๓.๓ การมีขันติธรรม

๓.๔ การไม่ใช้ความรุนแรง

๓.๕ การเอาใจใส่ในกิจการบ้านเมือง (การมีส่วนร่วมทางการเมืองของพลเมือง) อันเป็นเรื่องการประพฤติในสังคม๘

จากที่ได้นิยามความหมายของคำว่า ประชาธิปไตย มาโดยสังเขปนั้น ก็พอจะประมวล ลักษณะที่สำคัญของการปกครองแบบประชาธิปไตยได้เป็น ๔ ประการ ดังต่อไปนี้

๑. ประชาชน เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย คือ ประชาชนมีอำนาจสูงสุดในรัฐ อาจใช้อำนาจทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้

๒. ประชาชนทุกคนใน���ัฐ มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันตามกฎหมาย ตลอดจน มีสิทธิเสรีภาพในขอบเขตของกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน

๓. การดำเนินการต่างๆ ของรัฐนั้น คือ เอามติของเสียงข้างมากเป็นเครื่องตัดสิน แต่ในขณะเดียวกันเสียงข้างน้อยหรือคนส่วนน้อยของรัฐ จะได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายที่ป้องกันมิให้ประชาชนส่วนใหญ่ กดขี่ข่มเหงอย่างผิดกฎหมาย และผิดทำนองคลองธรรม

๔. กระบวนการของประชาธิปไตย คือ วิธีการปกครองซึ่งได้รับความยินยอมพร้อมใจของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งแสดงออกในรูปของการเลือกตั้ง การอภิปราย การออกเสียง ประชามติ การเสนอร่างกฎหมายของประชาชน เป็นต้น

พระธรรมปิฎกได้นิยามคำว่า ประชาธิปไตยไว้อย่างน่าฟังยิ่งว่า เมื่อพูดถึงประชา- ธิปไตย ถ้ากล่าวถึงความหมาย มีวิธีพูดง่ายๆ อย่างหนึ่งคือ ยกเอาวาทะของประธานาธิบดี ลินคอล์น มาอ้าง เพราะคนชอบ และรู้จักกันมาก คือวาทะที่ว่า "ประชาธิปไตยเป็นการ ปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน" วาทะนี้คนจำได้แม่น เวลาพูดกัน คนมักมองความหมายในแง่ของความรู้สึกตื่นเต้นว่า ตนเองจะได้ เช่น จะได้สิทธิ ได้อำนาจ หรือ ได้ความเป็นใหญ่ในการที่จะเป็นผู้ปกครอง แต่อีกแง่หนึ่งที่ไม่ค่อยได้มองคือ "ความรับผิดชอบ"

ดังนั้น จากวาทะลินคอล์นนั้น พระธรรมปิฎกมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ที่ว่า ประชา- ธิปไตยเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนนั้น เป็นการเตือนให้รู้สึกตัวด้วยว่า คุณภาพของประชาธิปไตยอยู่ที่คุณภาพของประชาชน เพราะว่า โดยปกติ คุณภาพของการปกครองย่อมขึ้นต่อคุณ��องผู้ปกครองเป็นสำคัญ ด้วยว่าในสมัยก่อนการ ปกครองอยู่ในกำมือของผู้ปกครองโดยตรง คุณภาพของประชาธิปไตย ก็วัดได้จากผู้ปกครองนั่นเอง แต่ในสมัยนี้ ในเมื่อประชาชนมาเป็นผู้ปกครอง บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ประชาธิปไตยจะมีคุณภาพแค่ไหน ก็อยู่ที่คุณภาพของประชาชนเป็นสำคัญ๙

ดูเพิ่มที่ลิงค์นะครับ

ประชาธิปไตย คือระบบการปกครองที่เหมาะสำหรับประเทศที่คนส่วนใหญ่มีความรู้ และความรับผิดชอบต่อสังคม

ผมก็เข้าใจครับว่าถ้าเข้าใจเหมือนกัน นายกก็ไม่ใช่ยิ่งร๊ากกกกกกกกก

ประขาธิปไตยในรู้รอบตามความเข้าใจ คือจบที่เสียงส่วนใหญ่เลือกแล้ว ว่าไม่ได้แตะไม่ได้

มีคนออกมาปกป้อง เหมือน"กำแพงประชาธิปไตย"คือจบแล้วอ้างแต่เสียงส่วนใหญ่

เหมือนหมาเฝ้าบ้าน เฝ้าเจ้านาย รักและป้องกัน เอ่ยนิดแตะหน่อยก็โดนด่า มาเป็นชุด

แต่ความเข้าใจของผม ผมไม่แคร์เสียงที่เหาหอนพวกนี้ไม่ให้ค่าเท่าไหร่หรอกครับ

ประชาธิปไตย เมื่อก่อนสะกดผิดยังโดนด่าเลยคุณเชื่อไหม ก็คนความรู้มันน้อยเด้อ อิอิอิ

ประชาธิปไตยผม แค่หนึ่งเสียงที่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ เราก็ต้องฟัง คุณคงเข้าใจ

ไม่ฟังก็ละไว้ในฐานความเข้าใจ ไม่ใช่จบที่อ้างกันเสมอว่า "เสียงส่วนใหญ่"เลือกแล้ว

เมื่อเลือกแล้วไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นแค่"จุดเริ่มต้น"จุดประกายให้คนรักก็ต้องฟัง

คนไม่รักก็จะออกมาร้องแร่แห่รอบโบสถ์ ว่าท่านๆที่มาบริหารทำอะไร แล้วจะไปในทิศทางไหน

ถ้าคนรัก แล้วออกมาปกป้อง มันเป็นประชาธิปไตยแบบหมาๆ ว่ามะอิอิอิ

วิ่งร้องเรียกกันบนถนน =หมาหมู่ประชาธิปไตย

ล็อคโหวตในสภา=เผ็ดจการประชาธิปไตย

ใช้เงินซื้อเสียง=พวกวรนุชเชียดๆใช่ป่ะ

เสียงข้างมากแล้วจบ=พวกนี้ประชาธิปไตยแบบจิตตกไม่คิด.ไม่ไม่ได้จบแค่นั้น

แหกปากแล้วร้องกันเต็มถนน ไปถามใครจะอธิบายยังไงอยากรู้และอยากฟังเหมือนกัน

เอาแค่นี้ก่อนนะเพื่อน อิอิอิไม่โกรธนะ "โมโหโง่ โกรธบ้สอ่ะ"อิอิอิ

พื้นฐานประชาธิปไตยคือ การที่ประชาชน มีสิทธิ มีเสรีภาพ มีความเสมอภาค พร้อมทั้ง มีกฎหมายสูงสุดคือรัฐธรรมนูญทึ่เป็นกฎหมายของประชาชน การได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญต้องมีรากฐานมาจากประชาชนไม่ใช่มาจากคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือเผด็จการ ส่วนการเลือกตั้งก็แค่ส่วนหนึ่งในขั้นตอน ซึ่งให้ได้มาของผู้แทนของประชาชน แล้วผู้แทนก็เลือกนายกรัฐมนตรี และนายกฯไปเลือกคณะรัฐบาล ส่วนใครจะได้เป็นผู้แทนก็แล้วแต่คะแนนเสียงที่มาจากประชาชน และนายกฯจะเป็นใครก็สุดแต่ผู้แทนหรือคะแนนเสียงของประชาชน กติกาการเลือกผู้แทนซึ่งได้มาจากคะแนนเสียงของประชาชน ง่ายๆแค่นี้ ไม่ต้องวกไปวนมาโดยใช้ความชอบความชังมาเป็นนำพา ไม่พอใจก็รอดูภายใน4ปีก็เลือกตั้งกันใหม่ ถ้าพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลทำไม่ดี เดี๋ยวประชาชนก็ไม่เลือกเอง แต่ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าทำดีก็อาจได้มาเป็นรัฐบาลใหม่ ง่ายๆไม่ยุ่งยาก การจะติดตามการเมือง แล้วยังความเกลียดความชังมาเป็นตัวกำหนดนำทางในจิตใจตนเองไม่สนใจเหตุผล ก็คงไม่ต่างกับเด็กที่ไม่ได้ของเล่น หรือติดนิสัยเอาแต่ใจตนเอง*********************************************แต่สำหรับบางคนอาจมีความคิดว่าคนที่คิดต่างเป็นคนโง่ไม่มีความรู้ ระบอบประชาธิปไตยไม่เหมาะ คงคิดว่าคนที่คิดต่างเป็นคนโง่ต้องปกครองด้วยระบอบเผด็จการ เพราะที่กำลังคิด มันคือเผด็จการแล้วจะเสนอหน้ามาแสดงความคิดเห็นคำถามประชาธิปไตยทำไม ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของความโง่หรือความฉลาด แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนมีความเสมอภาค มีสิทธิ มีเสรีภาพ ในตัวเอง คนที่ใช้ความฉลาด ไปปกครองคนโง่ด้วยการมีสิทธิเหนือผู้อื่น ไม่เห็นมีประเทศไหนอยู่รอดสักราย

ทุกคนในสังคม��¸¡à¸µà¸ªà¸´à¸—ธิ์มีเสียง ความเสมอภาคในการเข้าถึงอำนาจของรัฐเท่าเทียมกัน และเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน นี่คือสิ่งที่ดิฉันคิดและเข้าใจกับสิ่งที่เรียกว่า "ประชาธิปไตย"

อำนาจเป็นของประชาชนทั้งประเทศ มิใช่กลุ่มบุคลหรือคนใดคนหนึ่ง...

ความหมายของประชาธิปไตย :-

ประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครองและวิธีการดำเนินชีวิต ที่เลือกโดยประชาชน เพื่อประชาชน

ทุกคนมีสิทธิความทัดเทียม มีอิสระภาพ โดยอำนาจอธิปไตยต้องมาจากปวงชนเป็นผู้เลือกและมี

ความคิดเห็นพ้องร่วมกันเป็นส่วนใหญ่

ความหมายของประชาธิปไตย แยกย่อยออกมาเป็นสามส่วนคือ

@ทางการเมือง @การปกครอง @เพื่อประชาชน

ระบบประชาธิปไตย เหมาะสำหรับประเทศผู้ที่มีความเจริญแล้ว และยอมเคารพกฎกติกาที่ได้ตัด

สินใจไปในทิศทางเดียวกันเป็นหลัก ทุกระบบล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ซึ่งไม่พ้นเรื่องวิพากษ์วิจารย์

ความล่าช้า ค่าใช้จ่ายที่สูง กับการบริหารคนจำนวนมากที่ยังพอมีกำลังในการยังประโยชน์ให้กับ

ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือ ให้ทุกฝ่ายเดินตามรอยความเข้าใจการปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันภายใน

ระยะเวลาสั้น ๆ ได้ ล้วนเป็นเรื่องที่ยากด้วยปัจจัยของความที่รู้มากมาย หลากหลายสาขา จึงทำ

ให้มีข้อถกเถียงมาก เหตุผลทั้งข้อดีข้อเสียมากตามกันไปด้วย

ด้วยข้อดีของเหตุผลต่อความเสมอภาคจากการเลือกตัวแทนที่เป็นเอกฉันท์ จึงช่วยสร้างความ

เจริญเป็นปึกแผ่น ประชาชนมีความพร้อมเพรียงในการปฏิบัติตามกฎ ช่วยลดปัญหาความขัดแย้ง

ได้บ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดทุกครั้งไป เพราะระบบประชาธิปไตยส่วนใหญ่มาจากคนกลุ่มหนึ่งที่มี

ความรู้มากดังที่ได้กล่าวไว้ จึงสามารถพบข้อผิดพลาดหรือเท่าทันต่อเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่

โปร่งใส และตั้งกลุ่มขบวนการคัดค้านเพื่อต้องการให้ชี้แจงความถูกต้องและความชัดเจนกับ

ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นด้วยหลักและระบบที่อยู่ภายใต้กรอบของประชาธิปไตย เป็นต้น

อยากกด Like ให้คุณ suwatp ซักพันครั้งแต่ทำไม่ได้

ประชาธิปไตย ในความหมายของคนไทยบางคนคือการมีการเลือกตั้ง

แล้วก็มอบประเทศให้นักการเมืองจะไปปู้ยี่ปู้ยำอย่างไรก็ได้

จะเอาชาติบ้านเมืองไปขายอย่างไรก็ได้

ก่อนเลือกตั้งก็หลอกว่าจะทำโน่นให้ถูกลง ทำนี่ให้ดีขึ้น

พอได้อำนาจไปแล้วก็ ไอ้โน่นก็ตามราคาตลาดโลก

ไอ้นี่ก็เป็นเพราะภัยธรรมชาติ

พอได้ไปมีอำนาจแล้วทำผิดกฏหมาย ก็แก้กฏหมายให้ความผิดนั้นเป็นถูกกฏหมาย

พอมีคนรู้ทันมาบอกกล่าว ก็กลายเป็น อีบ้า จากปลายปากกาของคนที่เป็นครู ที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ แล้วคิดดูนะคะว่าเด็กในวันนี้ที่ถูกคนเช่นนี้สั่งสอน จะเป็นประชาชนที่หยาบคาย ก้าวร้าว อย่างไรในอนาคต

เห็นด้วยตามที่คุณ suwatp แจ้ง และ ประชาชนก็ต้องมีความเคารพในกฏหมาย ด้วยครับท่าน