แต่งงานกันเร็ว เนาะเด็กสมัยนี้?

คงไม่ค่อยมี"กิจกรรม"สำหรับเด็กๆมังคะ เลยลัดขั้นตอนเป็นกิจกรรมของ"ผู้ใหญ่"ไปเลย,

สังเกตุว่า สนามฟุตบอลไม่ค่อยมีที่ว่างให้เล่น เพราะทำเป็นศูนย์การค้า หรือตลาดนัด หรือตึกแถวฯซะหมด,

เราว่าอยู่ที่ผู้นำชุมชน หรือมีเกี่ยวข้องมากกว่า ว่า ควรมีส่วนสาธารณะเพื่อกิจกรรม แก่สังคมรอบข้าง หรือ ร่วมมือกันสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน ที่ให้ความเพลิดเพลินกับเด็กช่วงอายุเท่าไหนบ้าง อย่างไรบ้าง อาจจะมีการตอบแทนเล็กๆๆเพื่อเด็กจะได้ไม่เบื่อ และสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่ไม่ใช่แบบ"ไฟไหม้ฟาง".....เงียบหายยยยยย

ถ้าเป็นคนสมัยก่อนไม่ค่อยได้เรียนสูงโดยเฉพาะผู้หญิงแทบจะไม่ค่อยได้เรียนหนังสือด้วยซ้ำ

เพราะผู้ใหญ่มักคิดว่าเป็นลูกผู้หญิงไม่ต้องเรียนสูง เดี๋ยวก็มีครอบครัว เดี๋ยวสามีก็หาเลี้ยงเพราะ

ถือว่าสามีเป็นหัวหน้าครอบครัวต้องหาเลี้ยงภรรยาและลูก เมื่อไม่ได้เรียนหนังสือ ก็มักจะแต่ง

งานกันเร็ว อายุประมาณ 12-13-14 ปีก็แต่งงานมีครอบครัวกันเสียแล้ว

เมื่อก่อนแถวบ้านดิฉันก็แต่งงานกันเร็วเรียกว่าพอมีรอบเดือนก็ถือว่าเป็นสาวมีครอบครัวได้แล้ว

แต่งงานเร็วก็มีลูกกันเร็ว และสุดท้ายก็แก่เร็ว

ส่วนแถวประเทศญี่ปุ่นเมื่อก่อนแต่งงานเร็วแต่เดี๋ยวนี้แต่งกันช้ามากบางคนอายุสามสิบยังไม่แต่ง

บางคนสี่สิบไปแล้วไม่ยอมแต่ง บอกว่าตอนนี้กับเมื่อก่อนไม่เหมือนก้นแล้วขอใช้ชีวิตโสด

ดีกว่าเนื่องด้วยเศรษฐกิจไม่ค่อยดีและเนื่องจากสมัยนี้ผู้หญิงต้องออกทำงานนอกบ้านไม่มีเวลา

จะให้กับครอบครัวเลยกลายเป็นว่าไม่ค่อยมีคนแต่งงานค่ะ มีแต่คนโสดเยอะแยะไปหมดไม่รู้ว่าสน

ใจบ้างหรือเปล่า คนโสดเยอะเลย มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ครองความโสดกันเป็นแถว ๆถ้าใครสนใจ

สาวญี่ปุ่นหรือหนุ่มญี่ปุ่นก็บอกได้นะ

แถวบ้านไหน? จากจังหวัดไหน? หรือประเทศไหนครับ? ไม่เคยได้ยินมาก่อนในสมัยนี้

การแต่งงานก็อย่างหนึ่ง แต่การเริ่มมีความสัมพันธ์ทางเพศ ก็อีกอย่างหนี่งนะครับ

การแต่งงาน ก็คือการกินอยู่ด้วยกัน ฉันสามีภรรยา หาเลี้ยงชีพไปด้วยกันเป็นระยะยาว พ่อแม่ยินดีและยินยอมเห็นชอบ เพื่อนฝูงญาติพี่น้องก็รับทราบ ในประเทศที่เจริญแล้ว ก็มีการจดทะเบียนสมรสให้ทางรัฐรับทราบในสายสัมพันธ์นั้นด้วย

การมีเพศสัมพันธ์ มิใช่การแต่งงาน มิได้กินอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย หรือเป็นระยะยาวนาน พ่อแม่ไม่รู้เรื่อง หรือไม่สามารถปกป้อง และบางทีก็เหลือที่จะป้องกัน หรือห้ามปรามได้ ญาติพี่น้องและเพี่อนฝูง รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง และไม่มีการจดทะเบียนสมรสกันนะ ครับผม

กิเลสตัณหา ย่อมมีวิถีที่ผิดแผกและแตกต่างทางการกระทำไปตามความเข้าใจของแต่ละยุค

แต่ละสมัย ขึ้นอยู่กับใครจะมีวิธีการดำรงชีวิตอยู่ได้ปลอดภัยมากน้อยกว่ากัน เพื่อป้องกันต่อ

ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในปัจจุบันจนถึงอนาคต ผู้ที่เจริญทางสติปัญญาแล้วย่อมไม่ประมาท

โดยการตักเตือนให้ลูกหลานรู้ถึงปัญหาที่จะติดตามมาภายหลัง และระวังการคบมิตรชั่วจงหนัก

เพราะอาจนำพาความเสื่อมหนทางในอนาคตให้กับเราได้ เหมือนติดร่างแหไปด้วยอย่างหลีก

เลี่ยงไม่ได้เมื่อภัยมาถึงตัว

สำหรับยุคสมัยนี้ผมว่าเรื่องแต่งงานไม่เร็วหรอกครับแต่ที่เร็วกว่าการแต่งงานคือ" ใจของเขา"มากกว่าที่มีภูมิต้านทานต่อสิ่งที่เรียกว่า"ความต้อง"การหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า"อยาก"น้อยมาก จริงๆแล้ว"ความต้องการ"หรือ"ความอยาก"ไม่ใช่สิ่งที่ผิดถ้ารู้จักใช้ให้ถูกต้องถ้าใช้ไม่ถูกต้องแล้วละก็มันก็เหมือนดาบสองคมพร้อมที่จะทำไห้คนที่ถือนั้นเจ็บปวดได้เสมอ สาเหตุที่หนุ่มสาวที่ยังไม่ถึงวัยอันสมควรแต่งงานกันเร็วคือ"อยากรู้ อยากลอง อยากหนีสภาพความเป็นอยู่ในตอนนั้นหรือที่เรียกว่าครอบครัว"แล้วไปทำในสิ่งไม่ควรทำหรือยังไม่ถึงเวลาที่จะทำเมื่อกระทำลงไปแล้ว"การแต่งงาน"จึงตามมาซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างหนึ่งของพ่อแม่หรือผู้หรับผู้ใหญ่ ส่วนมากเด็กเหล่ายังไม่รู้จักคำว่ารักดีพอว่าต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างเมื่อต้องอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวของตนเองว่าต้องมีรับผิดชอบ,อดทนอดกลั้น,ฟันฝ่าอุปสรรคและอื่นๆอีกมากมาย ผมคิดว่าการที่จะช่วยพวกเขานั้นคงช่วยลำบากหรืออาจช่วยอะไรไม่ได้เลยถ้าคนเป้นพ่อเป็นแม่หรือผู้ปกครองอย่างเราไม่ช่วยกันแก้ใขตัวเอง พวกเขาเป็นอย่างไรหรือต้องการอะไรหรือเดินไปทางใหนนิสัยเป็นอย่างไรพ่อแม่อย่างพวกเราย่อมต้องรู้ดีเพราะเขาคือ"ลูก"ของ"เรา"ใจเขาก็แบ่งมาจากใจของเรา"ไม่ใช่หรือ!อย่าคิดว่าเลี้ยงพวกเขาได้แต่ตัวหัวใจเลี้ยงไม่ได้นั่นคือคำพูดของคนปัดความรับผิดชอบปัดความพยายาม เวลาเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขามักได้ยินคำพูดที่ว่า"ดวงใจของแม่,ดวงใจของพ่อ "ถ้าเราไม่สามารถหล่อเลี้ยงดวงใจของเราได้ด้วยสิ่งที่ดีๆด้วยแสงสว่างของทางเดินในอนาคตได้ จิตใจของพวกเขาก็จะมืดและก็จะหาทางเดินของพวกเขาเองโดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าทางนั้นจะพาพวกเขาไปเจออะไรบ้าง?

"เอาใจซื้อใจก็จะได้หัวใจ"

นั่นสิ จากตัวอย่างที่คุณยกขึ้นมานั่นมันเร็วมากๆเลย ถ้าเทียบกับสังคมในเมืองนี่ก็คนละอย่างเลย เท่าที่รู้ 16 เราก็ว่าเร็วแล้ว นี่ 12-13 เลยหรือ ยังเล่นหมากเก็บอยู่เลยมั้ง

ตอนผมจบมัธยมแล้วไปเรียนต่อ พอจบแล้วกลับไปเจอเพื่อนๆที่ไม่เรียนต่อพบว่าเขาอุ้มลูกมาอวดกันแล้วแทบทุกคน สรุปแล้วแถวต่างจังหวัดอายุ 18-21 เขาก็แต่งกันแล้วครับ

อาจเป็นเพราะว่า การเลี้ยงบุตรด้วยใจมันลดน้อยถอยลง หันมาใช้วัตถุนิยมมาเลี้ยงมากไป

จนเด็กสมัยใหม่ต้องควานหาความรักความสุขใจความอบอุ่นใจจากคนอื่นแทน เมื่อคนอ่อน

ประสบการณ์มาพบคนที่เห็นแก่ตัว มักยัดเยียดความผิดพลาด เช่น การชิงสุกก่อนห่ามในชุด

นักเรียน มากกว่าที่จะแนะนำให้ประคองกันทำความดี จนกว่าจะถึงวัยอันสมควร ยุคโลกาพา

วิบากมาสู่ตน จึงมองดูล้น ๆ ในยุคปัจจุบันเดินชนกันเกลื่อนถนน ธรรมะไม่ได้ขัดหัวใจคนได้

ทุกคน หากพ่อแม่ยังอับจนหนทางด้านศีลธรรมนำสุขใจ

แต่งงานกันเร็ว เนาะเด็กสมัยนี้ น่าจะมาจากการบริโภคครับ ผมรู้มาว่าไก่ที่เลี้ยงไว้ส่งร้านชื่อดังในห้างต่างๆ แค่ 35 วันก็จับมาให้กินกันแล้ว ถามว่าไก่ 35 วันถึงโดเร็ว คงสงใสว่าผมมาให้ข้อมูลทำไม หันมาดูเด็กๆซิ สมัยผมนมจะแตกพานก็ปาเข้าไป 16 17 แล้ว บางคนตัวยังเท่าลูกแมวมาทำบัตรประชาชน ส่วนผู้หญิงจะโตกว่าผู้ชายถึงอย่างไรก็ไม่เท่าเด็กสมัยนี้ มองให้ยาวหากเด็ก อายุ12-13 ปีแต่งงานแล้วเมื่อมีลูก ลูกก็จะไม่สมบูรณ์เพราะพ่อแม่ยังเด็ก ความพร้อมของร่างกายยังไม่มี เด็ดเกิดมาก็ไม่สมบูรณ์ และเมื่อเด็กเหล่านี้โตแค่ อายุ12-13 ปีก็แต่งอีกคุณภาพของร่างกายมันยิ่งด้อยลง นึกดูว่าเมืองไทยจะแย่กว่านี้อีก ห้ามไม่ได้หรอก ขอให้ดูแลคนในครอบครัวให้ก้าวพ้นสิ่งเหล่านี้ก็พอแล้ว ครับ

...ที่เห็นน่าจะเป็นเรื่องเรียนรู้เีรื่องเพศศีกษาได้เร็วมากกว่า..การแต่งงานนั้นหมายถึงการใช้ชีวิตคู่อย่างเปิดเผย เด็กอายุขนาดนี้ กับปัจจุบัน พ่อแม่คงยังไม่อยากให้แต่งงาน อยากให้เรียนมากกว่า แต่เด็กมักแอบเรียนลัด ในวิชาที่ยังไม่ควรรู้...แถวบ้านมีให้เห็นหลายคู่ บางคู่มานั่งจู๋จี๋ในชุดนักเรียนเลย...เห็นแล้วปวดใจแทนพ่อแม่

...ถ้าเป็นเด็กในครอบครัวตัวเอง...ก็คงต้องเข้มงวดในเรื่องเวลา ไป-กลับ หรือถ้าเป็นไปได้ ก็ไปรับ-ไปส่งให้ถึงโรงเรียน...เปิดโอกาศให้เค้าคบกัน แต่ต้องอยู่ในสายตา คือให้เข้ามาคุยกันในบ้าน เมื่อหมดเวลาก็ให้กลับบ้านใครบ้านมัน...ที่ต้องเปิดโอกาศเพราะแม้แต่เด็กอนุบาล ยังรู้จักมีแฟนแล้วเลย หากเป็นลูกสาว หรือหลานสาว คงต้องจับคุมกำเนิด ตั้งà��à¸•à¹ˆà¹€à¸£à¸´à¹ˆà¸¡à¹€à¸›à¹‡à¸™à¹€à¸¡à¸™à¸ªà¹Œ จะได้ไม่ก่อปัญหาท้องก่อนที่จะเรียนจบ