Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

T้OY
Lv 6
T้OY ถามใน ธุรกิจและการเงินสินเชื่อ · 9 ปี ที่ผ่านมา

ใครเชี่ยวชาญเรื่องบัตรเครดิตบ้างครับ?

ผมอยากทราบว่า การใช้บัตรเครดิต มีข้อดี และข้อเสีย อย่างไรบ้าง

เรื่องมีอยู่ว่า ผมซื้อของทุกชนิดด้วยเงินสดมาโดยตลอด ไม่เคยทำบัตรเครดิตทุกชนิด ใครมาชวน(เขาจะได้500บาท)ผมก็จะบอกว่า ผมตกงาน กำลังหางานทำอยู่

คราวนี้ มีผู้วานให้ผมเอาบัตรเครดิตไปช่วยใช้ให้หน่อย เขามีอยู่หลายใบ(ให้เซ็นชื่อเขาได้เลย) โดยให้ผมโอนเงินเข้าบัญชีให้ในตอนสิ้นเดือน ซึ่งเขาบอกว่า เป็นวิธีหาเงินสดใช้ และได้แต้มแลกของขวัญได้ด้วย เคยเห็นเขาได้ ตู้เย็น วิทยุ และได้คืนเป็นเงินสดอีกด้วย

ซึ่งผมไม่เข้าใจครับ

อัปเดต:

ผมเคยใช้เติมน้ำมัน แล้วผมไปเข้าห้องน้ำ ฅนขับรถเขาเซ็นชื่อของเขาเองลงไปในสลิป(ด้วยความไม่รู้) ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยนี่ครับ

ถ้าเจ้าของบัตร ยอมจ่ายเงิน ไม่ทักท้วงอะไร

อัปเดต 2:

ผมไม้ได้อยากได้อะไร และไม่เคยเรียกร้องอะไรครับ เพียงแค่ช่วยเหลือกัน เขาขอให้ช่วยเอาไปใช้ให้หน่อย เพราะเขามีอยู่หลายใบ

สำหรับตู้เย็นที่ได้เป็นของขวัญมานั้น เขายกให้ผมครับ

อัปเดต 3:

ข้อมูลความมั่นคงของเจ้าของบัตร ผมมีทุกอย่างครับ

เชื่อใจกัน ขนาดยืมเงินกันได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องมีหลักฐานครับ

อัปเดต 4:

ได้ทราบมาว่า ถ้าเราสมัครแล้ว ก็จะมีพนักงานของบัตรอื่นๆ โทร.มาขอให้สมัครอีกมากมาย คาดว่ามีการประสานงานขอเบอร์โทร.กัน

บ้างก็ชวนให้กู้เงิน โดยอ้างว่า ดอกเบี้ยถูก ซึ่งน่ารำคาญมาก

10 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 9 ปี ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    ข้อดี

    1.การใช้บัตรซื้อสินค้าหรือกดเงินสด จะได้แต้มจากยอดใช้จ่าย หรือ เงื่อนไขใช้จ่ายกับร้านค้าไหน เช่น ใช้ที่เดอะมอลล์ได้แต้มพิเศษ x2

    2.แต้มที่ได้เอาไปใช้ซื้อสินค้าลดราคาหรือแลกสินค้า คูปอง อะไรต่างๆ กับ ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตนั้นๆ

    3.การใช้บัตรคือการทำธุรกรรมการเงิน 3 ฝ่าย คือ คุณ คนขาย และธนาคารที่ออกบัตร สามารถยกเลิกการชำระหากว่าสินค้าที่ซื้อผ่านอินเตอร์เน็ท แล้วไม่ตรงตามโฆษณาได้

    4.สิทธิประโยชน์อื่นๆ ส่วนลดเติมน้ำมัน ส่วนลดร้านอาหาร หรือ คุ้มครองการเดินทางต่างประเทศ

    5.ถ้าเป็นคนมีวินัยการใช้จ่าย แทนที่จะใช้เงินอนาคต ก็เอาเงินไปฝากธนาคารก่อน(สมุดบัญชีสวยงาม) แล้วใช้บัตรซื้อสินค้า เมื่อถึงเวลาชำระ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการถูกปรับหรือเสียประวัติ

    6.สะดวก ไม่ต้องพกเงินมากมาย

    ข้อเสีย

    1. ถ้าทำหาย ใครๆ ก��ใช้ได้ อย่างที่คุณแจ้งไว้ คือคนขับรถเซ็นชื่อแทนนั่นแหละ นี่เป็นเรื่องจริง และอันตรายมาก

    สิ่งแรกถ้าบัตรหาย ต้องอายัติกับธนาคารทันที

    2.ทำให้ใจง่ายขึ้น เพราะเราใช้เงินอนาคต ถ้าไม่มีวินัย หนี้บานเบอะ

    3.บัตรบางใบ ถ้าไม่มียอดใช้ จะมีค่าบริการรายปี เสียตังค์เปล่าๆ ถ้ามีหลายใบใช้ไม่ทัน ต้องคอยโทรเวบค่าบริการรายปี

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    บัตรเครดิต ถ้าเจ้าตัวเขาอนุญาตให้ใช้ได้ ก็ใช้ได้ในหลายกรณี เช่นซื้อของทางโทรศัพย์ จ่ายค่าอาหารตามร้านอาหาร ซื้อของจุกจิกเล็กๆน้อยๆ หรือ ใช้ซื้อของทาง Internet เพราะมีข้อมูลพร้อมแทบทุกอย่างที่ปรากฏในตัวบัตรอยู่แล้ว

    ที่ไม่มี คือข้อมูลความมั่นคงของเจ้าของบัตร เช่น ที่อยู่ ระหัดไปรษณีย์ของเจ้าของบัตร ตัวเลขสี่ตัวท้ายของบัตรประกันสังคม หรือบัตรประจำตัว หรือวันเดือนปีเกิด หรือหมายเลขของบัญชีภาษีการค้าของเจ้าของนัตร ถ้ารู้คำตอบต่างๆเหล่านี้ ก็เป็นการยืนยันที่เพียงพอแก่ผู้เกี่ยวว่า ผู้ใช้บัตรมีสิทธิ์ใช้บัตรนั้นได้ เพราะเป็นเจ้าตัว หรือผู้ใกล้ชิดกับเจ้าของบัตร เช่นคนในครอบครัวเดียวกัน เป็นลูกจ้างที่มีสิทธิ์ใช้บัตรนั้น หรือใครที่เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "วงใน" ของบัตรใบนั้น ในหลายกรณี แม้จะไม่เห็นหน้า และไม่จำเป็นต้องเซ็นชื่อเวลาใช้ ก็ยังรับได้

    บางกรณีที่ใช้บัตร ก็ต้องแสดงบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายของเจ้าของบัตรด้วย ถ้าไม่ใช่ฝาแฝด คงจะใช้ไม่ได้ แต่ถ้ามีบัตรประจำตัวของเจ้าของบัตรกำกับด้วย แม้หน้าตาไม่เหมือนกัน หรือคนละเพศกัน ก็อธิบายให้เขาฟังได้ว่า ทำไมจึงใช้บัตรใบนั้น ถ้าพ่อค้าแม่ค้าพอเชื่อใจเรา ยินดีให้เซ็นชื่อแทนกันได้ ก็ยังอาจใช้บัตรนั้นได้ อยู่ที่ความเชื่อใจของทุกฝ่าย ที่จะเสี่ยงกับวงเงินจำนวนนั้นหรือไม่เท่านั้น

    ถ้าเจ้าของบัตรไม่ทักท้วงไปที่ธนาคาร หรือบริษัทผู้ออกบัตร ปฏิเสธรายการใดๆ ที่ปรากฏในใบรายงานรอบเดีอน แต่ชำระเงินตามเงื่อนไขอย่างปกติ ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่

    แต่ถ้าเจ้าของบัตรทักท้วงไปที่ธนาคาร หรือแจ้งความต่อตำรวจหลังจากที่ใช้บัตรนั้นแล้ว ว่าบัตรนั้นถูกขโมย หรือหาย หà��£à¸·à¸­à¸¡à¸µà¸„นแอบเอาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็จะมีการสอบสวนกันขึ้นมา ผู้ใช้บัตรโดยไม่มีสิทธิใช้ คงจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนว่า จะต้องย้ายสัมมะโนครัวไปนอนในคุก หรือนอนนอกคุก ในอนาคตอ้นใกล้นั้นก็คงได้ ครับผม

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    ถ้าคุณเป็นคนมีวินัยทางการเงิน การใช้บัตรเครดิตนับว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสียค่ะ

    เพราะสะดวกกว่าในการการจับจ่ายใช้สอย ไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องคอยตรวจนับเงินจ่ายเงินทอน

    ดิฉันเลือกใช้บัตรที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี เช่น กรุงไทย กรุงศรี จึงไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

    ทุกสิ้นเดือนจะมีใบแจ้งยอดการใช้บัตรประจำเดือนมาให้ ต้นเดือนก็นำเงินไปชำระ หรือไม่ก็ให้เขาตัดบัญชีอัตโนมัติตามยอดที่แจ้งมา

    สำหรับบัตรที่ใช้อยู่ โดยปกติทุก 20-30 บาท ของการใช้จ่ายเขาจะสะสมคะแนนให้ 1 แต้ม

    และในการซื้อของตามโบชัวร์ส่งเสริมการขายที่เขาส่งมาให้ก็มักจะมีรายการผ่อนชำระโดยไม่เสียดอกเบี้ยหรือแลกแต้มเพื่อซื้อของ เช่น

    สินค้า 3,000 บาท ผ่อนชำระ 6 เดือน @ 500 บาท

    หรือ ใช้คะแนนสะสม 10,000 คะแนน + 2,000 บาท ผ่อนชำระ 4 เดือน @ 500 บาท

    หรืออาจใช้คะแนนสะสมในการแลกซื้อของตามร้านค้าที่เขากำหนดก็ได้ค่ะ ทุก 1,000 คะแนน = 100 บาท

    ดิฉันเคยใช้คะแนนสะสมแลกซื้อมือถือที่บลีสเทล ได้ส่วนลดมาประมาณ 2,000-3,000 บาท เหมือนกัน

    แต่การแลกคืนเป็นเงินสดไม่มีค่ะ บัตรแต่ละที่คงมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป

    สรุปว่า ถ้าคุณเป็นคนมีวินัยทางการเงิน การใช้บัตรเครดิตย่อมมีข้อดีมากกว่าข้อเสียค่ะ

  • ?
    Lv 4
    9 ปี ที่ผ่านมา

    สำหรับเรา ( เรามีพฤติกรรมการใช้เงินคล้ายคุณนะ ) .. บัตรเครดิตมีประโยชน์สำหรับคนที่มีวินัยทางการเงิน

    หากคุณมีสติยับยั้ง มีวินัยทางการเงินพอ เราว่าควรทำติดกระเป๋าไว้สักใบ อนาคตไม่แน่นอนนะ สมมตินะ ( กรุณาอย่าคิดว่าแช่ง) หากคนที่คุณรักมีอุบัติเหตุต้องเข้า ร.พ การระดมเงินแบบฉุกละหุกอาจไม่สะดวกเท่าการรูดบัตร... ต.ย ที่ 2 หากคุณมีรายการที่ต้องใช้จ่าย การใช้บัตรก็จะมีคะแนนไว้แลกของ คล้ายกับที่เพื่อนคุณได้ของนั่นแหละ แต่ของกำนัลบางชิ้นก็ต้องใช้การแลกอย่างเข้มงวดซึ่งคุณอาจอดไป ทั้ง ๆที่เป็นคนใช้จ่ายและควรได้ของนั้น หากจะใช้บัตร ไม่จำเป็นต้องใช้ของคนอื่น เพราะบางที่เขาก็ตรวจลายชื่ออย่างเข้มงวด หากไม่ใช้แล้วเขาไม่อนุมัติ หน้าจะแหกเอาซะเปล่า ๆ แถมอาจโดนมองว่าไปขโมยบัตรมา..

    เรื่องความมั่นคงของเจ้าของ..เราไม่ห่วง เพราะหากมีการทวงหนี้ ธนาคารจะไปทวงกับเจ้าของบัตร ( ซึ่งคุณรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้เขาไปแล้ว ) จะมีก็แต่ .. สมมตินะ.. เขาหน้ามืด หมุนไม่ทันก็อาจปฏิเสธการเรียกเก้บเงิน ( เบี้ยวหนี้ ธนาคาร ) แล้วบอกว่าบัตรหาย...

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    ขอเพิ่มเติมจากคุณแสงจันทร์อีกหน่อยคะ เมื้อเวลาได้รับ statement (ไม่จำเป็นจะต้องเป็นต��¸­à¸™à¸ªà¸´à¹‰à¸™à¹€à¸”ือนเสมอไป แต่ละธนาคารมีวันตัดบัญชีเครดิตคารต์ไม่เหมือนกัน) คุณควรต้องตรวจดูรายละเอีอดของ statement ด้วยคะว่ามีรายการอะไรแปลกปลอมมาด้วยหรือเปล่า หรือจำนวนเงินไม่ตรงกับทึคุณซื้อไว้ หมายความว่าคุณจะต้องเก็บใบเสร็จส่วนของลูกค้าไว้ เพื้อตรวจเช็คกับ statement ถ้าไม่ตรงกันคุณต้องรีบแจ้งธนาคารทันที หรือมีบางรายการที่ไม่ใช่รายการซื้อของคุณ คุณก็จะต้องรีบแจ้งธนาคารทันทีเพื่อแจ้งระงับการจ่ายเงิน และธนาคารก็จะได้ทำการสืบสวนแล้วแจ้งให้ทราบว่า การซื้อนั้นมาจากที่ไหนวันเวลาอะไร ถ้าไม่ใช่รายจ่ายของคุณ ธนาคารก็จะเป็นผู้ดำเนินเรื่องกับฝ่ายที่เรียกเก็บเงินมา คุณไม่ต้องไปยุ่งยากอะไรด้วย

    ส่วนเรื่องการจ่ายเงิน เมือได้รับ statement มา คุณก็มี Grace Period อึกประมาณ 25 วัน เท่ากับว่าคุณซื้อของโดยจ่ายเงินทีหลังถึง 25 วัน

    การใช้เครดิตคารต์ของคนอื่่น เป็นเรื้องไม่ถูกต้องคะ (ตามที่คุณแสงจันทร์แนะนำไว้) คุณควรใช้ เครดิตคารต์ในชื่อของคุณเอง เพื่อว่าคุณจะได้มีประวัติเครดิตของคุณเองเพื่้อใช้ประกอบการขอกู้ยืมเงินหรือซื้อทรัพย์สินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เป็นประโยชนในอนาคต และแต้มที่ได้ก็จะเป็นของคุณ แต่ถ้าคุณใช้เครดิตคารต์ของคนอื่น คุณก็สร้างเครดิตให้เขาแทนที่จะเป็นเครดิตของตัวเอง การมีเครดิตคารต์หลาย ๆ ใบ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องใช้ทุกใบ ผู้ตอบมีคารค์เกือบสิบใบ แต่ที่ใช้ประจำมีเพียงสองใบเท่านั้น คือหนึ่งใบใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นซื้อกับข้าวหรือของอื่น ๆ ส่วนใบที่สองก็ใช้ในการจ่ายค่านัำ โทรศัพท์ ค่าหนังสือพิมพ์ etc. โดยให้บริษัทเหล่านั้นเรียกเก็บเงินไปที่เครดิตคารต์ เมื่อถึงเวลาตัดบัญชีบริษัทเครดิตคารต์ก็จะเรียกเก็บเงินไปที่ธนาคารที่ผู้ตอบมีบัญชีอยู่ ธนาคารก็จะทำหน้าที่จ่ายเงินให้แทนผู้ตอบ ผู้ตอบมีหน้าที่เพียงแต่คอยดู statement จากบริษัทเครดิตคารต์และธนาคารเท่านั้นเองว่า รายจ่ายถูกต้องจริงหรือเปล่า และอีกหย่างหนึ่งคือคอยดูแลว่ามีเงินอยู่ในบัญชีกับธนาคารเพียงพอใช้หนี้เท่านั้น

    ชีวิตง่ายขึ้นเมื่อใช้เครดิตคารต์ (ถ้าคุณเป็นคนมีระเบียบเรื่องการใช้เงิน) มีเวลาไปคิดทำอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    อยากจะเล่าประสพการณ์ที่เคยเห็นมา เพราะอยู่ธนาคารตั้งแต่เริ่มใช้บัตรแรก ๆ ก็จะมี America Express เข้ามาเป็นเจ้าแรก ๆ ค่ะ ซึ่งธนาคารก็จะให้พนักงานทำทุกคน ซึ่งถ้าคนรู้จักใช้เงินก็จะใช้ตามความจำเป็นเพราะเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ และต้องชำระภายใน 45 วันนับจากวันที่กำหนดปิดยอดในแต่ละเดือนไว้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่หากไม่ชำระ จะเสียดอกเบี้ยแพงมากประมาณเกือบ 30 % นับจากวันที่ใช้ในแต่ละยอด พร้อมกับค่าปรับอีกต่างหาก

    จนต่อมาธนาคารของไทยก็เปิดบริการทุกธนาคาร และแต่ละธนาคารก็มีบัตรหลายแบบ

    มีเพื่อนบางคน พอหมุนเงินบัตรใบแรกไม่ทัน เช่นใหม่ ๆ ก็ใช้แค่ครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ได้รับแล้วเอาอีกครึ่งหนึ่งมาไว้หมุนชำระ แต่การเบิกเงินแต่ละ 3 พันบาทก็ต้องเสียค่าเบิก 100 บาท นาน ๆ เข้าวงเงินก็หมด ก็ทำบัตรใบที่สองเพื่อมาชำระหนี้บัตรใบแรก จนมีบัตรเกือบ 10 ใบก็ไม่สามารถทำใหม่ได้แล้วเพราะทำครบทุกธนาคารแล้วจนกลายเป็นคนหนี้สินล้นพ้นตัว เพื่อนรู้กันหมดเพราะเริ่มขอยืมเงินเพื่อนแทนบัตรแล้ว เงินเดือนออกก็ถูกหักค่าบัตรเครดิตเพราะเฉพาะดอกเบี้ยก็แทบจะไม่พอ

    เดี๋ยวนี้ธนาคาร บริษัทที่ออกบัตรเครดิตจะพยายามหาคนมาขาย(หาลูกค้า) ใช้บริการบัตรเครดิตแข่งขันกันโดยใครสามารถหาลูกค้าได้จะได้รายได้เป็นรายหัวค่ะ เพราะ ดอกเบี้ยจากบัตรเครดิตที่ลุกค้าผิดสัญญาการชำระเงินมันสูงมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ปกติของธนาคาร ที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยมีกฏหมายกำหนดไว้ แต่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตสามารถแยก เป็นดอกเบี้ย เป็นค่าทวงหนี้ ค่าผิดสัญญา อีกมากมายจึงสูงเกือบ 30%

    ปกติผู้รับบัตรเครดิต(แคชเชียร์ที่รับบัตร) ต้องตรวจสอบลายเซ็นต์หลังบัตรและที่ลูกค้าเซ็นต์ในสลิปทุกครั้งว่าตรงกันหรือไม่ หากไม่ตรงต้องปฏิเสธค่ะเพราะตามหลักธนาคารถือว่าลายเซ็นต์ไม่เหมือนหากรับไปเจ้าของบัตรตัวจริงฟ้องร้องได้ว่าปลอมลายเซ็นต์ แต่เดี๋ยวนี้ละเลยกันไปหมด

    วิธีใช้บัตรที่ถูกต้อง ต้องเก็บสลิปการใช้บัตรไว้ทุกครั้งเพื่อเช็คสอบกับใบแจ้งหนี้ที่ส่งมาทุกเดือนว่าตรงกับที่เราใช้ไปหรือไม่ หากไม่ตรงต้องรีบไปแจ้งธนาคารเพื่อขอหลักฐานว่าสลิปใบไหนที่มีการปลอมลายเซ็นต์บ้างเพราะเดี๋ยวนี้มีการปลอมบัตรทุกชนิดกันได้อย่างง่ายดาย

  • ?
    Lv 5
    9 ปี ที่ผ่านมา

    จากคำตอบทั้งหมด คุณก็คงเข้าใจข้อดีข้อเสียและความจำเป็นว่าจะต้องมีหรือไม่มีบัตรแล้ว

    แต่เรื่องสำคัญคือ คุณกำลังทำผิดคือเซ็นต์ชื่อในบัตรคนอื่น อย่างที่คุณhorset บอกค่ะ

  • ?
    Lv 5
    9 ปี ที่ผ่านมา

    คำถามนี้ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญก้ได้ครับ

    การใช้บัตรเครดิต ต้องลงลายมือชื่อ

    การลงลายมือชื่อในสลิปบัตรเครดิตของคนอื่น เป็นความผิด

    ความตกล��¸‡à¸‚องเจ้าของบัตร ที่ให้คุณลงชื่อแทน จะไม่มีหลักฐานยืนยัน

    เวลาคุณถูกดำเนินคดี คุณจะถูกดำเนินคดีอย่างเดียวดาย

    ถ้าเขาเพียงอยากได้แต้มอย่างที่บอก เขาควรจะนำบัตรเครดิตของเขาไปใช้ในการซื้อของของคุณ

    ถ้าคุณไม่อยากได้อะไรที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม ใครก็หลอกต้มคุณไม่ได้

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    9 ปี ที่ผ่านมา

    กรณีนี้ประโยชน์จะได้กับเจ้าของบัตรที่กดเงินไปใช้ และมีผู้ช่วยจ่ายเงินเข้าบัญชีให้ทุก

    เดือน จึงได้รับผลประโยชน์ตามเงื่อนไขของบัตร

    และผู้ที่เขาให้บัตรไปใช้ตกอยู่ในฐานะผู้กระทำผิดโดยสมัครใจ เนื่องจากเซ็นชื่อใช้บัตร

    ที่ไม่ใช่ของตัวเอง

  • ?
    Lv 5
    9 ปี ที่ผ่านมา

    ผมไม่ทราบนะครับ แต่เรื่องบัตรเครดิตมีทั้งบัตรหลัก และบัตรรอง คุณใช้ของเขาเป็นประเภทไหน จากที่เล่ามาคุณเป็นคนมีระเบียบการใช้เงิน ใช้แล้วจ่าย ก็ดีไป ไม่มีใครหวังดีไม่เอาประโยชน์หรอก อาจมีปัญหาได้ในสิ่งที่ไม่คาดฝัน ดังนั้น เอาไปคืนเขาเสียถ้าอยากใช้เราก็ไปเปิดเองเพราะจะได้เป็นของเรา ใช่ในการซื้อสิ่งของและบริการจะมีแต้มให้แถมมีเงินคืนด้วย อย่างนั้นถ้าเราทำเองก้ได้ในส่วนนั้นไปด้วย จากที่เล่ามาต้องระวังเรื่องนี้ให้จงหนักเพราะว่าปัจจุบันเขามีคงเคยได้ยินเครดิตบูโร เพราะการทำบัตรเครดิตชื่อของคุณก็จะอยู่ในนั้นด้วยถ้าดีก็ดีไป ถ้าพลาดคุณก็หมดสิทธิทางการเงินเลย ถึงแม้ว่าจะใช้หนี้หมดแล้วก็ตาม ก็ยังขึ้นแบคลีสอยู่ดี ยุ่งมาก ครับขอให้ระวังในการใช้

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้