Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์คุณอยู่ในระดับใหน....?

วันนี้มารเอาความเชื่อมารยุแยงให้เพื่อนๆขัดแย้งกันละ...เราเชื่อในบาป บุญ คุณโทษ เชื่อนรก สวรรค์เชื่อในกรรมมะแล้วเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์กันใหมค่ะ..ใสยศาสตร์ที่เขาว่ามีทั่งไสยดำ ไสย์ขาว เป็นอย่างไรมีจริงหรือไม่...และที่สำคัญ..คุณเชื่อเรื่องทรงเจ้าเข้าทรงใหม..และเชื่อในศาสตร์แห่งการพยากรณ์หรือไม่ มารสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองเชื่ออะไร..แต่"ผี"น่ะกลัวแน่กลัวทั่งที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า..ไม่เคยคิดพิสูจน์ไม่เคยคิดอยากลองอยากรู้ด้วย..มีไม่มีก็ช่างมารไม่สน..มารกลัว..บรื้ออออ....

13 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 9 ปี ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    ไสยศาสตร์

    ศาสตร์ทั้งหลายบนโลกนี้แบ่งแยกได้เป็น 2 ศาสตร์ใหญ่ๆคือ

    1 พุทธศาสตร์ หมายถึงศาสตร์แห่งการตื่น เปรียบได้กับความรู้หรือความเข้าใจและ การกระทำต่างๆที่สามารถแสดงและพิสูจน์ให้ผู้อื่นรู้จริงเห็นแจ้งชัดสามารถแสดงให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้ทุกขั้นตอ นอย่างเป็นหลักการ เช่น วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น

    2 ไสยศาสตร์ หมายถึงศาสตร์แห่งการหลับ เปรียบได้กับความรู้หรือความเข้าใจและ การกระทำต่างๆที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้อย่างเป็นหลักการทุกขั้นตอน แต่สามารถให้ผลลัพธ์ ให้คุณ แสดงผล และแสดงคุณของไสยศาสตร์ได้ตามความต้องการของผู้กระทำได้ และแม้ว่าไสยศาสตร์จะหมายถึงการ หลับใหล ก็ตามแต่ก็ หมายความว่าเป็นเพียงการหลับของร่างกายสังขารเท่านั้น โดยนัยยะ จริงๆก็คือเป็นการหลับเพียงร่างกายเท่านั้นแต่ “จิต” เป็นผู้ กระทำนั่นเอง ดังนั้น ไสยศาสตร์ จึงสรุปได้ว่าคือการกระทำให้สำเร็จได้ด้วยจิตโดยไม่สามารถพิสูจน์หรือแสดงขั้นตอนการกระทำหรือชี้แจงหลักการของความเป ็นไปของการกระทำได้นั่นเอง(ยกตัวอย่างเช่น การฝังรูปฝังรอย ที่ใช้วิธีนำเอาดินมาปั้นเป็นรูปคนสองคนแล้วนำมามัดเข้าด้วยกันเพื่อให้รักกันนั้นหากมองในทางไสยศาสตร์ก็คือวิชชาเสน ่ห์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้ได้ผลกันมานานนับร้อยๆปีแต่หากมองในแง่พุทธศาสตร์แล้วกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เ ลยว่าการที่นำดินสองกองมาปั้นเป็นรูปคนแล้วนำมาผูกกันจะเกี่ยวข้องอะไรกับการที่จะให้คนสองคนนั้นมารักกันได้ เป็นต้น)

    ไสยศาสตร์ยังแบ่งออกเป็นอีก 2 สาย คือ

    1 ไสยวิชชา หมายถึงวิชาหรือพิธี,วิธี ที่ได้รับการสั่งสอน อบรมสั่งสอนหรือมอบให้(บางคนเรียกว่าครอบให้)ต่อๆกันมาแบ่งออกเป็น

    1.1 วิชชาไสยขาว โดยทั่วไปหลักการของวิชชาไสยขาวจะต้องมีหลักการหรือหัวใจสำคัญคือต้องใช้ไปในทางช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น

    1.2 วิชชาไสยดำ หลักการโดยทั่วไปของวิชชาไสยดำจะแตกต่างจากวิชชาไสยขาวโดยสิ้นเชิงคือมุ่งเน้นสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นเป็นหล ักสำคัญโดยไม่ต้องมีแรงจูงใจหรือหลักการใดๆทั้งสิ้น (ยิ่งมีผู้เดือดร้อนกับการกระทำของผู้เรียนวิชชาไสยดำมากเท่าไหร่พลังของผู้ที่ศึกษาของวิชชานี้ก็จะยิ่งแกร่งและแก่ก ล้าขึ้นมากเท่านั้น)

    2 ไสยอวิชชา หมายถึงวิชาหรือพิธี,วิธี ที่คิดค้นขึ้นเองโดย ผู้ทำพิธี ซึ่งต้องอาศัยอำนาจของสิ่งที่ มีพลัง มีฤทธิ์ มีอาถรรพ์ นำมาเป็นปัจจัยหลัก

    (ในบางกรณีมักมีการ กล่าวอ้างว่าไสยศาสตร์ คือเดียรฉานวิชานั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด ๆ เพราะคำว่าเดียรฉานแปลว่าสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังขนานกับพื้น ซึ่งตรงข้ามกับคำว่านิรฉานซึ่งหมายถึงสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังตั้งฉากกับพื้น คำว่าเดียรฉานวิชาจึงอาจ หมายถึงการด่าหรือต่อว่า ประณาม หยามเหยียดซะมากกว่า)

    ที่มา : http://romphosai.com/forums/forum17/thread65.html

    มาลองดูในบริบทของความเป็นจริงของสังคมไทยใ���เรื่องความเชื่อและไสยศาสตร์

    สังคมไทยถูกปลูกฝังให้อยู่กับการไปวัด ทำบุญ เชื่อเรื่องบาป บุญ รวมไปถึงการเชื่อในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะขจัดความเป็นอยู่และความเชื่อของคนไทยที่มีมาตั้งแต่โบราญนี้ไปได้และถึงแม้ในอนาคตหรือต่อๆไปในภายภาคหน้านั้นคนไทยก็ยังคงมีความเชื่อในแบบนี้อยู่อย่างต่อไป

    ถามว่าความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์นั้นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี

    แน่นอนครับคำตอบที่ได้นั้นก็แตกต่างกันไปแล้วแต่ละบุคคล หากเรามองว่าเป็นเรื่องดีมันก็ด้านดีอยู่ในแง่ของการสร้างกำลังใจ และทำให้จิตใจสงบ หากมองในแง่ลบแล้วล่ะก้ มันก็ส่งผลอื่นๆตามมาจากการใช้ในทางที่ผิด มันก้เหมือนกับดาบสองคม ที่หากเรารู้จักใช้ให้ถูกมันก็สนองประโยชน์แก่เรา หากเราใช้ในทางที่ผิดสิ่งที่เกิดก็คงเป็นการรับผลที่เรากระทำเองนั่นแหละ

    ไสยศาสตร์เป็นปัญหาสังคมไหม?

    จะมองให้เป็นปัญหาสังคมก็มองได้หรืองจะมองไม่ให้เป็นปัญหาสังคมก็ได้ กล่าวคือ ถ้ามองในแง่ของการเป็นปัญหสังคมก็อาจจะเกิดได้ว่ามีความงมงายจนเกินไปและไปสร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่นและสังคม นั่นก็อาจจะเป็นปัญหาสังคมก็เป็นได้ หากเกิดจากการกระทำและความเชื่อที่มีในแง่ลบ และหากมองในแง่ที่ไม่เป็นปัญหาสังคม ก็คือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อที่แต่ละคนมีอยู่ในตัวเองและไม่ไปก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่บุคคลอื่น นั้นก็อาจจะไม่เป็นปัญหาสังคมก็ได้

    แหล่งข้อมูล: www.oknation.net/blog/charlity-sudteen/2009/01/25/entry-1
  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    ระดับศูนย์ครับ คือไม่เชื่อเลย

    ใครเชื่อผมก็ไม่ว่าไร และก็ไม่พยายามให้เขามาทางผม

    ถ้าเขาถามว่าทำไมผมจึงไม่เชื่อ ผมจึงจะอธิบาย แต่ไม่เอาความไม่เชื่อของเราไปยัดเยียดให้ใครหากเขาไม่ได้ขอ

    ผมไม่เชื่อผมสบายใจของผมดีอยู่แล้ว

    ส่วนเรื่องเชื่อในบาป บุญ คุณโทษ นั้นเชื่อไหม ผมเชื่อครับ เป็นชาวพุทธย่อมเชื่อในกฏแห่งกรรม The Law of Cause and Effect. แต่ผมไม่เชื่อในไสยศาสตร์ ความลี้ลับ โหงวเฮ้ง มงคล ฤกษ์ยาม เชื่อในคุณแห่งความดี เชื่อว่าเมื่อทำไม่ดีเราเองเป็นคนเสื่อม เชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ล้วนๆ ไม่เชื่ออะไรที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ คำสอนของพระพุทธองค์เป็นตรรกะ และพิสูจน์ได้ด้วยตัวของผมเอง

  • ?
    Lv 4
    9 ปี ที่ผ่านมา

    เราเชื่อใน บาป บุญ คุณ โทษ แน่นอน ทำดี ได้ดี นั้นแน่นอน ทำชั่วได้ชั่ว แน่นอนอีกเหมือนกัน อาจจะช้าบ้าง เร็วบ้างตามครรลองของมัน ส่วนไสยศาสตร์ที่ว่านั้นไม่เชื่อนะ แต่ก็ไม่เคยลบหลู่อ่ะ ผีกลัวเหมือนกันแต่กลัวคนมากกว่า

    ผีมาแต่ตอนกลางคืน( เราคิดไปเองป่ะ) คนอ่ะนะแหมหลอกกันได้ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น บรื้ออออเหมือนกัน อิ อิ

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    ระดับศูนย์ค่ะ

    ส่วนเรื่องบาปบุญนั้น ไม่ได้คิดเรื่องว่าทำดีจะได้ขึ้นสวรรค์ ทำไม่ดีตกนรก

    แต่ทำดีเพราะเป็นสิ่งที่จะทำเมื่อมันถูกต้องแค่นั้นเองค่ะ

    อาจมีเผลอตามอารมณ์มนุษย์ที่มีควาวมอยากหรือตัณหาก็เคยทำไม่ดีบ้างค่ะ

    แต่ก็พยายามควบคุมจิตใจตัวเองและคอยเตือนค่ะว่าให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องค่ะ

  • ?
    Lv 5
    9 ปี ที่ผ่านมา

    ผมเชื่อในผลของกรรมคือการกระทำครับ

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    ในระดับของการรับรู้ว่ามีอยู่ในทุกประเทศทั่วโลก และในประเทศไทย

    ก็มีอยู่ทั่วไป ได้เห็นการทรงเจ้าเข้าผี แต่ไม่ได้ไปร่วมพิธีกรรมยังไม่เคยใช้บริการ

    ส่วนหนึ่งที่คนชอบเพราะการคิดหาเหตุผลอาจต้องใช้เวลามากกว่า อาศัยใครสักคน

    มาบอกว่า ควรทำอย่างไร และบางคนเชื่ออย่างชนิดที่เชื่อมาก

    เช่น คนที่มีพ่อป่วยเดินไม่ได้มาหลายปี วันหนึ่งมีคนมาบอกให้ไปหาพ่อปู่ เขาก็พา

    กันไปเพราะพ่อบอกว่าเบื่อโรงพยาบาลและเบื่อยาแล้วอยากจะตายไปเลย แต่เมื่อ

    พ่อปู่เป่าและนวดไปสักพัก พ่อของเขาสามารถเดินออกมาจากห้องเอง

    แม้ยังไม่สามารถเดินได้แข็งอย่างคนปกติ และพ่อของเขาก็มีชีวิตที่มีความสุขกับ

    การเดินได้อีกครั้งแม้ว่าหลายเดือนต่อมาแกจะเสียชีวิตไปตามสภาพของวัยก็ตาม

    อย่างนี้เราจะไปบอกว่า ไม่ให้เชื่อก็ทำไม่ได้ ได้แค่มองดูว่ามีสิ่งนี้

    ดังนั้นจึงบอกได้เพียงว่า รับรู้ แต่ ไม่ได้มีสิ่งใดเป็นสรณะนอกจากพระรัตนไตยอยู่ดี

  • komet
    Lv 7
    9 ปี ที่ผ่านมา

    เป็นว่า เรา"เชื่อครึ่ง จ่ายครึ่ง"ดีกว่าค่ะ,

    เเละเชื่อเรื่อง บุญ บาป และกรรมตามสนองไม่วันนี้ก็วันหน้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติไทยค่ะ,

    และเรื่องคุณใสยฯนี่ เราไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่านะ เพราะเมื่อก่อนตามคำบอกเล่า จะหนักไปทางมนต์ดำเขมร,ทางผีของเผ่าต่างๆๆบนดอยสูง คงเป็นเพราะยังไม่มีใครในกรุงเข้าไปถึง การศึกษาก็สั่งสอนกันสืบๆๆมาเป็นการบอกเล่า คงไม่มีใครนั่งสอนเขียนเป็นกอไก่ ถึงฮอนกฮูก หรือเอถึงเเซดหรอก ออกมาเป็นหนังสือให้อ่านๆๆหรอกค่ะ,

    และเรื่องทรงเจ้า+เข้าทรง เราไม่เชื่อ แต่ชอบที่จะไปดูเขาทรงค่ะ,

    ผีเราก็ไม่กลัว เพราะไม่ได้ไปอยู่ด้วยกัน และคงยังไม่มีวันนั้นด้วย แต่คง"ตามไป"ทีหลัง จากสิ้นอายุขัยแล้วละค่ะ..

    ที่น่ากลัวที่ซู้ดดด เราว่า "คน"ที่มีชีวิตอยู่ด้วยกันเองแหะลค่ะ ที่น่ากลัวยิ่งกว่า"ผี",

    ผีหลอกก็ยังพอทน แต่คนหลอกคน นี่ซิมันวายแสนวุ่น ผีที่ร้าย ยังร้à¸��ยไม่เท่าตัวคุณ หลอกฉันหัวหมุน หลอกฉัน

    แล้วคุณก็หนีไป..

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    เชื่อในสิ่งที่เห็นถ้าเห็นด้วยตาก็คงเชื่อ

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    ไม่เคยเจอ อยากเจอเหมือนกัน จะได้ขอหวยซะเลย 55

    เคยมีมาเข้าฝันเหมือนกัน นานๆๆๆทีหนึ่งเองค่ะ

    มาขอขนมกิน เห็นเราทำงานดึกกินขนมบ่อยๆ มาเขย่าตัวข้างเตียง ตกใจตื่นมา คงเป็นนางกวักบนหิ้งของหอพักที่ไปอยู่น่ะ เลยให้เจ้าของบ้านย้ายออกไปกราบไหว้เซ่นอาหารบ้าง

    แล้วก็ไม่เห็นเขามาหาอีกเลยค่ะ มาแบบใส่ชุดไทยมาด้วยนะ เคยของหายทีหนึ่งที่นี่ ก้ได้คืนด้วย เด็กของเจ้าของบ้านขโมยไป ตอนแรกก็ไม่รับ เค้นไปมาก็รับค่ะ

    มาให้เจอจะๆกอน เดวจะเชื่อ...

    แต่ก็ไม่ลบหลู่ อิอิ

  • ?
    Lv 6
    9 ปี ที่ผ่านมา

    กลัวผีก็ไม่ต่างจากลัวตัวเอง...เพราะเราก็คือผีดิบดีๆนี่เอง วันหนึ่งเราก็ต้องกลายเป็นผี ผีก็คือตัวเรา กลัวผีก็แสดงว่ากลัวตัวเราเอง...ที่กลัวนะเพราะเราหลอกตัวเองต่างหาก

    ไสยศาสตร์ ทรงเจ้าเข้าทรงไม่เชื่อนะ แล้วก็ไม่ชอบ ไม่ต้องให้ใครมาดูเรา..แค่เราดูการกระทำของตัวเองดีกว่า...ส่วนโหราศาสตร์ ชอบนะศึกษานะในเรื่องของดวงดาวน่าสนุก..แต่ไม่ชอบให้ใครมาดู...ตัวเรายังดูตัวเองไม่ออกแล้วใครจะมารู้จักตัวเราเท่าตัวเราเอง...มันอยู่ที่การกระทำของเราต่างหาก เรื่องของวาสนา ชะตาลิขิตตามดวงดาวเพียง 30% ตามพื้นฐานชะตา นอกนั้นอยู่ที่ผลของการกระทำและสภาพแวดล้อมต่างหาก

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้