คุณแม่คาดหวังสูง อยากให้เราเป็นลูกจ้างเขา แต่เราอ้วนมาก คงไม่มีใครรับ?

ลุงเข้ามาให้ความเห็นด้วยอีกคน ตอบตรงไม่อ้อมค้อม ถ้าอ่านแล้วไม่สบายใจ ก็ขออภัยด้วย

บอกคุณแม่ซีครับว่า เราได้ไปสมัครแล้ว แต่เขาไม่รับ ถูกปฏิเสธทั้งหมด ที่เขาไม่บอกเหตุผล

เพราะเขาถนอมน้ำใจเราไว้ ไม่อยากให้ได้ยินเหตุผลแล้ว จะกลับไปบ้านร้องไห้เสียใจ

ลุงคิดเอาเองว่า ที่เขาไม่รับเราไว้ ส่วนหนึ่งคงเกิดความรักที่คุณตั้งใจขยันหางานทำ แต่เป็น

ห่วงว่าความอ้วนจะทำให้คุณเหนื่อยง่ายกว่าคนอื่น โดยเฉพาะอย่าไปสมัครที่ร้านอาหารหรือ

ร้านฟิตเนสนะครับ เจ้าของร้านอาหารคงจะกลัวลูกค้าคิดว่า อาหารในร้านเขากินแล้วอ้วน

หรือฟิตเนสจะไม่น่าเชื่อถือได้ ขนาดพนักงานยังอ้วนยังงี้

ลุงพูดตรงไปตรงมาก็ด้วยความรักความเห็นใจ อ้อมค้อมไป คงไม่คลี่คลายคำตอบ คุณลอง

ศึกษาหาวิธีลดน้ำหนัก ญาติลุงหลายคนที่เคยอ้วน ลดได้ด้วยการกินอาหารแค่พออิ่มและ

ออกกำลังบริหารร่างกายด้วย ข้อสำคัญขนมหวาน จำพวกแป้งและนมเนย ขนมทอดกรุบกรอบ

กล้วยงอม ทุเรียน ลำใย เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการลดความอ้วน และพยายามอย่านอนห้อง

แอร์ด้วย เพราะแอร์เย็นเหงื่อไม่ออกทำให้มีส่วนให้อ้วน ถ้าทำงานให้เหงื่อออกมากก็จะช่วย

ลดน้ำหนักได้บ้าง

อย่างไรก็อย่าได้ท้อใจในความอ้วน อาจเจอบางร้านที่เราไปของานทำด้วยคำขอร้องให้

ทดลองให้เราได้ทำให้ดูสักเดือน ความอ้วนไม่เป็นอุปสรรคหรอกค่ะ ขอให้คุณประสพความ

สำเร็จ และลุงแถมให้ได้เจอเนื้อคู่ดีดีที่ถูกใจด้วยครับ

คุณแม่เป็นห่วงคุณมากน่ะค่ะ ท่านคงอยากจะให้คุณมีสังคมจากที่อื่นบ้าง และท่านคงหวัง..อยากให้คุณมีงานประจำที่มีรายได้มั่นคงกว่าที่คุณกำลังทำอยู่

ดิฉันเข้าใจความว้าวุ่นใจของคุณดีนะคะ คุณคงอยากจะทำให้คุณแม่พอใจที่สุด แต่คุณก็อยากจะเป็นตัวของตัวเอง อยากจะพิสูจน์ว่าตัวเองเลือกถูกต้องแล้ว แต่คุณก็ขาดความมั่นใจในตัวเหลือเกิน

ดิฉันตอบคำถามนี้ ในฐานะของคนที่เป็นทั้งแม่และลูกสาวเหมือนกัน ดิฉันไม่มีคำแนะนำดี ๆ อะไรให้คุณหรอกค่ะ นอกจากขออนุญาติบอกให้คุณระลึกถึงความรักความเป็นห่วงของคุณแม่ให้ดี และพยายามเป็นตัวของตัวเองที่สุดจนกว่าคุณแม่จะยอมรับคุณได้ ... เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^)

เราว่า คุณบอกคุณแม่ไปตรงๆๆดีกว่าค่ะ ว่าไปสมัครงานหลายๆๆที่เเล้ว เขาให้รอๆๆ อยู่ที่บ้าน เเล้วจะส่งจดหมายหรือข้อความหรือเอสเอ็มเอสฯให้ทราบ ซึ่งเป็นอย่างนี้หลายๆๆหน จนท้อในการทำงานบริษัทฯแล้ว

และคุณก็ออดอ้อนคุณแม่และหยอดคำพูดอ่อนหวานไพเราะว่า คุณแม่ขา..หนูอยู่ช่วยงานคุณแม่+ดูแลญาติผู้ใหญ่+งานบ้าน+งานอาสามัครดีกว่า เพราะประหยัดเงิน+ไม่ต้องเสียเงินค่ารถค่ากิน+เสียเวลาในการเดินทางไปทำงานและได้อยู่ใกล้ชิดคุณแม่ด้วย ไม่ดีหรือคะ?,

แบบนี้ดีไหมเอ่ย?..คุณแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกๆๆอยู่ใกล้ชิด+ดูแลท่านทั้งนั้นแหละค่ะ(เราก็ด้วย)

ปัญหาคืออะไรครับ

ปัญหาคือ "คุณแม่อยากให้เราไปสมัครงานอีกแห่งหนึ่ง แต่เราไม่อยากไปสมัคร" ใช่ไหมครับ คำว่าไปสมัครงานอีกแห่งหนึ่ง ไม่ได้ระบุเจาะจงสถานที่ เพียงแต่ให้ไปหางาน ใช่ไหมครับ

ก็ลองคุยกับคุณแม่ด้วยเหตุด้วยผล แล้วพิจารณาด้วยใจเป็นธรรมว่าเหตุผลใครดีกว่า ถ้าเหตุผลคุณแม่ดีกว่าเราก็ควรทำใจไปหาสมัครงานครับ อาจมีอะไรดี ๆ ในชีวิตก็ได้นะ แต่ถ้าเหตุผลเราดีกว่า คุณแม่ก็คงเข้าใจครับ

การ "คุยกัน" ด้วยเหตุผล จะช่วยแก้ปัญหาหนักอกได้

ถ้าหยิบหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่ม แล้วหวังว่าแค่อ่าน ชีวิตจะดีขึ้นนิรันดร์

ก็ขอบอกว่าไม่มีหนังสือเล่มที่ว่า

พอๆกับคำพูดของใครที่จะทำให้เราเปลี่ยนไปได้ตลอดกาลหรอกค่ะ

ถ้าเสาะหาแนวทางเปลียนแปลงตัวเอง กูเกิ้ลก็พอช่วยท่านหาได้

แต่ถ้าเสาะหาชีวิตใหม่ด้วยการทำอะไรเหมือนเดิมก็คงไม่มีใครช่วยใครได้หรอกค่ะ

ทั้งนี้และทั้งนั้น เพราะว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

ถ้ามีเวลา อยากให้ไปเดินเร็วช่วงเช้าหรือเย็นวันละแค่ 15 นาที

เดินในบ้านก็ได้ ไม่เห็นต้องไปไกลๆเลยค่ะ

น้อยแค่นี้แต่ขอให้ได้ทุกวัน แล้วคุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

ถึงไม่ได้งานทำ ไม่ได้น้ำหนักลด แต่ว่าใจปลอดโปร่งขึ้นแน่นอน

บอกคุณแม่ไปตรงๆเลยครับ ท่านจะใด้ไม่คาดหวังกับเราอีก