คิดเห็นยังไงยุคนี้และคำว่า คนดีทั่วไป ไม่มีที่ยืน แต่คนชั่วเริงระรื่นยืนเต็มเมือง?

ยุคนี้คนไม่ดีเยอะนะค���ับ แต่คนดีก็มีเยอะนะครับ อยู่ที่ว่าเราจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดีเท่านั้นเอง... คำว่าคนดีทั่วไปไม่มีที่ยืน แต่คนชั่วเริงระรื่นยืนเต็มเมือง ก็คงจะจริงนะครับ ที่คนชั่วเริงระรื่นยืนเต็มเมือง เพราะเวรกรรมยังไม่ส่งผลครับ เมื่อไหร่ที่เวรกรรมส่งผล เมื่อนั้นแหละครับ ระรื่นไม่ออกแน่ ส่วนคนดีทั่วไปไม่มีที่ยืนนั้น ผมว่าคนดีทั่วไปยังไงก็มีที่ยืนอยู่วันยันค่ำแหละครับ เพียงแต่ว่าคนดีทั่วไปมักจะเอือมระอากับคนชั่วครับ คนดีทั่วไปไม่ชอบแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร (เป็นนิสัยของคนดีทั่วไปนะครับ) จึงดูเหมือนว่า มีแต่คนชั่วเริงระรื่นยืนเต็มเมือง เพราะคนชั่วชอบแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันครับ ยุคนี้เป็นอย่างนี้ ยุคก่อนคนดีเยอะกว่าคนชั่ว ยุคนี้คนดีกับคนชั่วมีพอๆ กัน ยุคต่อไป คนชั่วมากกว่าคนดี ยิ่งความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วัตถุนิยม ทุนนิยมมากขึ้นเท่าไหร่ จิตใจคนเราก็ต่ำลงเท่านั้น เราพึ่งวัตถุสิ่งของมากขึ้น เราจึงพึ่งจิตใจ ความรู้สึกนึกคิด ความดี ความชั่ว ความถูก ความผิดน้อยลง ทุกอย่างมีเหตุผล ทุกอย่างมีที่มาที่ไป แต่สุดท้าย ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่วครับ...

อย่างไรก็ตามธรรมะต้องชนะอธรรม. พลังด้านดีของพระมหาประชาชนที่ตาสว่างแล้ว ต้องมีชัยสักวัน.

สิ่งที่เกิดขึ้นจริงดังคุณว่าไว้ข้างต้นนั้น มิได้เกิดขึ้นเฉพาะในเมืองไทยของเราเท่านั้น ความชั่วนี้กำลังแพร่ระบาดออกไปอย่างกว้างขวางทั่วโลก ในขณะที่ตามสถิตินั้น ประชากรโลกมากกว่า3ใน5 อ้างตนว่าเป็นผู้นับถือศาสนาต่างๆ แต่ทำไมคนชั่วจึงมีอำนาจครองเมือง ส่วนคนดีต้องหนีหน้า.

เรื่องนี้อาจเป็นว่า คนดีไม่ทำหน้าที่ในการเชิญชวนไปสู่ความดีงาม และก็ไม่ได้ห้ามปรามกันในทางความชั่วร้าย จึงเป็นผลให้คนชั่วไม่ได้รับการลงโทษ จึงเข้าเสริมอำนาจทางการเมืองของตนให้เข่มแข็ง เพื่อขยายเครือข่ายของตนให้กว้างขวาง

และเป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องกันคนที่คัดค้านพวกเขาออกไปนอกวงจร

นี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการล่มสลายของชุมชนหรือประเทศนั้นๆไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

สิ่งที่ได้เห็นกันอยู่กับทำชั่วแล้วได้ดีนั้นคงไม่จริงนะครับเพราะเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นมันก็คือความชั่วหน้ามืดตามัวไปวันๆแท้จริงก็คือหลุมนรกอเวจีทั้งหมดแหละครับด้วยเปรตตนนั้นๆยังไม่สำนึกหวังเพียงเพื่อปกปิดว่าตัวเองคือเปรตปิดบังแม้แต่ร่างตัวเองหยอดประโลมโกหกตอแหลซึ่งหน้าทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าสักกี่คนที่จะเห็นพ้องเชื่อตนนอกเสียจากคนที่ไร้สมองเห็นแก่ได้ก็เท่านั้นและเมื่อเวลาหมดลงเมื่อไหร่สิ่งที่ท่านอยากจะเห็นก็จะเกิดขึ้นนั่นคือทำดีคิดดีต้องได้ดีครับ

รศ.ดร. กิจบดี ก้องเบญจภุช ·

16 พฤษภาคม เวลา 12:23 น.

ประเทศไทยเราคงจะหนีการนองเลือดไม่พ้น...อีกหน

หากพิจารณากันดูดีๆจะเห็นว่าคนไทยนิยมอำนาจ...เพราะในอดีตคนมีอำนาจแล้วจะมีเงินมีบริวารจึงทำให้คนกลุ่มหนึ่งไขว่คว้าหาอำนาจด้วยวิธีการต่างๆแม้จะไม่ถูกต้องชอบธรรม...หรือจะต้องเหยียบย่ำขึ้นสู่อำนาจด้วยซากศพของเพื่อนร่วมชาติร่วมแผ่นดินเขาก็ทำ

แปดสิบกว่าปีของประชาธิปไตยไทยพฤติกรรมดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นๆอีกไม่นานคงเกิดสงครามกลางเมือง...เพราะคนไทยส่วนหนึ่งสนับสนุนให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย...มองเพียงประโยชน์ของตนของพวกตน...ประเทศชาติสังคมจะเป็นอย่างไรช่างมัน

ประเทศใดกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ปล่อยให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของวิกฤติชาติ ประเทศที่มีความสงบสุขมีความเจริญทั้งรัฐบาลและประชาชนจะเคารพกฎหมาย ประเทศที่เกิดวิกฤตรบลาฆ่าฟันกันจะเป็นประเทศที่ทั้งรัฐบาลและประชาชนต่างไม่เคารพกฎหมาย...อ้างกฎหมายไม่เป็นธรรม แล้วก็ปลุกระดมคนเข้าประหัดประหารกัน...ล้มตายเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนอย่างที่เห็นในตะวันออกกลางและในอาฟริกาในขณะนี้...ประเทศไทยเรากำลังจะเป็นแบบนั้น

เพราะคนไทยบางส่วนสนับสนุนให้เกิดวิกฤต...จากผลประโยชน์...จากความไม่รู้ไม่เข้าใจ...และอยากมีอำนาจกับเขาบ้างเพียงได้ใช้อำนาจป่าเถื่อนไล่ทุบไล่ตีไล่ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามก็สะใจแล้ว...ถือได้ว่าข้าคือพวกชนะ... พวกแพ้คือพวกไม่เป็นประชาธิปไตย...นี่คือพฤติกรรมของคนไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน...สุดท้ายก็กลับไปอยู่บ้าน...จนเหมือนเดิมลำบากเหมือนเดิม...พฤติกรรมอย่างนี้คนไทยบางกลุ่มไม่เคยจำ

สถานการณ์ทางการเมืองของไทยได้พัฒนามาถึงจุดที่จะเกิดความแตกหักล้มตายในอีกไม่นานเกินรอ...ถ้ายังไม่หาทางหลีกเลี่ยง...เพราะฝ่ายหนึ่งก็อ้างเสียงข้างมากและมีมวลชนจัดตั้งสนับสนุนจะออกกฎหมายหรือจะทำอะไรถูกต้องหมด... หากมีอะไรที่ผิดกฎหมายก็ใช้เสียงà��‚้างมากออกกฎหมายมาล้างความผิด...อีกฝ่ายก็เห็นว่าถ้าปล่อยให้ฝ่ายเสียงข้างมากและใช้มวลชนกดดันสนับสนุนในทางที่ไม่ถูกต้องอย่างนี้...ก็เท่ากับบ้านเมืองไม่มีกฎหมายจะอยู่กันได้อย่างไร...หากเป็นอย่างนี้กฎเกณฑ์กติกาที่วางไว้ใช้ไม่ได้สังคมก็จะมีแต่ความไม่เป็นธรรม...เมื่ออีกฝ่ายหรือประชาชนที่ไม่อยู่ฝ่ายใดคิดอย่างนี้ก็จะออกมาประทะกันเพื่อป้องกันสิทธิของตนเพราะหากปล่อยไปบ้านเมืองไม่มีขื่อมีไม่มีแปคนชั่วจะครองเมือง...ความไม่เป็นธรรมในสังคมจะตามมาและเกิดปัญหาที่รุนแรงขึ้นไปอีก

ประเทศต่างๆที่เกิดวกฤตเกิดรบกันฆ่ากันก็เพราะอย่างนี้...คนไทยไม่เข็ดไม่เคยจำ...ไม่เห็นโรงศพไม่หลังน้ำตา...ในประเทศไทยเองล้มตายกันไปเท่าไร...ใครได้ประโยชน์...มองไม่เห็นกันเลยหรือ...ในที่สุดก็ล้มหายตายจากกันไปทิ้งให้ประเทศชาติเสียหายอย่างที่เห็น

ผมเขียนมาในฐานะคนสอนกฎหมาย...ต่อให้กฎหมายดีอย่างไรถ้าคนยังคิดชั่วทำชั่วสังคมจะสงบไม่ได้...ถ้าคนดีต่อให้ไม่มีกฎหมายสังคมก็อยู่กันอย่างเป็นสุขได้

ควรให้ทุกอย่างเดินไปตามแนวทางของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด...จะได้เห็นว่าอะไรผิดอะไรถูก...แล้วจะยกโทษกันอย่างไรก็คงไม่มีปัญหา เป็นการรักษากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไว้ แต่ถ้าใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายออกพระราชบัญญัติปรองดอง...ก็เท่ากับไม่เคารพกฎหมายไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม...ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายหรืออำนาจนิติบัญญัติอยู่เหนืออำนาจตุลาการ...ไม่เป็นประชาธิปไตย...หากปล่อยทิ้งไว้ต่อไปเผด็จการจะครองเมือง

นี่แหละ...ประเทศไทยอาจจะเข้าสู่วิกฤตและนองเลือดอีกหน...ก็เป็นไปได้

(กิจบดี 16-05-56)

ผมยังยืนยันคำเดิม เมือคนเรามีสติ ปัญญาก็จะเกิด เมือปัญญาเกิด เมือทุกอย่างเกิด จะไม่มีคำว่าแค้นจะไม่คำว่าโกรธ จะมีคำว่าแพ้ จะไม่มีคำว่าชั่ว มีแต่ให้อภัย ก็จะทำให้สังคมดีขึ้น

สบายๆ คือไทยแท้ คิดมากเรื่องคนดี คนเลว ที่สำคัญเราอย่าเป็นคนเลว ดังประโยคคำถามก็พอแล้ว

การเมืองชัดๆ