ถ้าสงสัยประวัตของบุคคลสำคัญของโลก อย่างเจ้าชายสิทธัตถะนี้ เอามาถามในรู้รอบได้ป่าว?

เริ่มไม่แน่ใจ ว่า มีนา ศาสนาอะไร กันแน่ อิสล���มก็ไม่น่าใช่ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ทำตัว ยุยง อยากให้เกิดสงคราม ศาสนา เหรอ

หน่อง ไม่ได้เรียนศาสนามาแบบเจนจบ หน่องเห็นคำถามคุณแทบทุกคำถาม มันก็ผิดหลักจริยธรรม ของอิสลาม (ถ้าเธอคุณ นับถือนะ) หลักจริยธรรม

ศาสนาสอนว่า ในการดำเนินชีวิตจงเลือกสรรเฉพาะสิ่งที่ดี อันเป็นที่ยอมรับของสังคม จงทำตนให้เป็นผู้ดำรงอยู่ในศีลธรรม พัฒนาตนเองไปสู่การมีบุคลิกภาพที่ดี เป็นคนที่รู้จักหน้าที่ ห่วงใย มีเมตตา มีความรัก ซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น รู้จักปกป้องสิทธิของตน ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น เป็นผู้มีความเสียสละไม่เห็นแก่ตัว และหมั่นใฝ่หาความรู้ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นคุณสมบัติของผู้มีจริยธรรม ซึ่งความสมบูรณ์ทั้งหมดอยู่ที่ความยุติธรรม ถ้าคุณเป็นอิสลาม ไปอ่านศึกษา คัมภีร์อัลกรุอาน ให้แตกฉาน แล้วศึกษา คำสอนศาสนาอื่นๆ หลังจากนั้น คุณจะบอกกับตัวเองได้ว่า ท่าน ชวาหระลาล เนห์รู พูดถูก

มีคำพูดของ ชวาหระลาล เนห์รู

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

คำพูด ของ ปราชญ์ เนห์รู

พระพุทธเจ้า คือ ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอินเดีย พอๆ กับ พระราม และ พระกฤษณะ ดังนั้น ข้าพเจ้าจะมิขอนับถือศาสนาใดเลย หากมีการบังคับให้เลือกนับถือ ข้าพเจ้าขอเลือกนับถือพระพุทธศาสนา

อยู่ที่คำถามครับ ว่าคำถามนั้นมีเจตนาที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม คล้ายกับคำถามของผู้สงสัยเรื่องราวของอัลเลาะห์ คนที่ไม่นับถือศรัทธา มีอคติกับอัลเลาะห์ ก็จะเห็นจุดที่เป็นไปไม่ได้มากมà¸��ย ( เรื่องราวของยุคโบราณของทุกศาสนา จะมีเรื่องที่คนยุคใหม่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ) คนที่อคติมากก็จะถามเรื่องของอัลเลาะห์ด้วยถ้อยคำที่ต่ำช้า ไม่รู้จริง ไม่รู้ใจ ทำให้ผู้ที่เชื่อถืออัลà¹��ลาะห์เกิดความไม่พอใจ อย่างนี้ไม่ควรถามครับ จะเถียงกันไม่รู้จบ ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะเกลียดชังกันมากขึ้น

มีคนสงสัยว่าท่านบีกับท่านหญิงอาอิซ่ะ มีตัวหรือไม่ ใครเป็นคนแต่งเรื่องนี้ขึ้นมา และที่เนื้อเรื่องในภาพยนต์มีฉากท่านบีถูกโสเภณีรังเกียจนั้น ภาพยนต์เอาเนื้อเรื่องมาจากไหน คุณมีนาคงไม่เชื่อภาพยนต์ คุณมีนาเห็นเหตุการณ์หรือเปล่า

ผมนับถือพุทธ ก็มีความสงสัยมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตขึ้นก็เข้าใจ หลักการหรือแก่น ของศาสนาพุทธ ส่วนประวัติหรือ 10ชาติของพระพุทธเจ้า คิดเองว่า พระองค์คงมิได้แต่งเอง น่าจะเป็นสาวกทั้งหลาย ที่ไปเผยแพร่ศาสนา อย่าลืมนะ พุทธเกิดก่อน อิสลาม คริสต์ แต่มีพราหมณ์ ฮินดูเกิดขึ้นอยู่ก่อน ซึ่งศาสนาส่วนใหญ่ จะใช้หลักพระเจ้าทีมองไม่เห็น แต่มีตัวตน ในความเชื่อ ส่วนพุทธ ไม่มีพระเจ้า มีแต่พระพุทธเจ้า รูปแบบ ให้ยึดในหลักธรรม ดังนั้น ในการนำคำสั่งสอนไปเผยแพร่ ณ ช่วงเวลานั้น (ก่อนมี อิสลามและ คริสต์ ) คนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจ หรือยอมรับ ในการที่จะรับรู้ แบบคนปัจจุบัน คงไม่ใช่ การเสนอประวัติ แบบมีปฏิหารย์ก็อาจเป็นตัวนำร่องที่ดีของยุคนั้น เมื่อผมเข้าใจอย่างนี้ ก็หันกลับไปมองที่แก่นของธรรมะ การเสนอกุศโลบาย ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย เพราะเจตนา ต้องการให้คนเป็นคนดี ข้อสงสัย มีมากมาย เช่นของพุทธ พระทำผิดศีลแบบเบา ให้ ปลงอาบัติได้ ทำไมมันง่าย ทำผิดแล้วมาปลงอาบัติ หรือ คริสต์ ทำบาปมา ก็ไปสารภาพบาป ทำไมมันง่าย ทำไมคนอิสลามไม่กินหมู เพราะหมู สกปรก แต่คนค่อนโลกก็กิน คิดเอง อาจเป็นเพราะถิ่นกำเนิดของศาสนา อยู่ในพื้นที่มีน้ำน้อย หมูใช้น้ำมาก อากาศร้อน ทำให้เน่าเสียจากมูลและเิกิดโรคระบาดได้ง่าย หรือ การที่สามารถมีภรรยาได้ถึง4คน สามรถเลี้ยงดูได้ และภรรยาคนแรกยินยอม ทำไมถึงมีกติกา เอาเปรียบเพศหญิง ก็คิดไปเองว่า ผู้หญิง มีจำนวนมากกว่าชาย หรือความต้อง ทางเพศของผู้ชายมีมากกว่าผู้หญิง เรื่องเล่านี้ ก็เป็นข้อสงสัยได้หมด แต่สำหรับผม ไม่ได้คิดที่จะสงสัย ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม เพราะสนใจในแก่นของธรรมะในทุกศาสนามากกว่า และสิ่งที่ไม่เคยสงสัยในทุกศาสนา ก็คือ ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี อยู่ร่วมกันในโลกอย่างมีความสุข สรุปได้ว่า การอ่านที่ผ่านมายังไม่เพียงพอ ต้องอ่านอีกเยอะๆ แล้วก็จะไม่ต้องมาถามอย่างนี้อีก

ครึ ครึ ครึ

ไม่ลองถามจะรู้ฤา ว่าได้ รึไม่ได้(ฮา..)

คำถามบางคำถาม ก็คล้ายไปจุดประกายไฟของคนบางคนที่ชอบค้นชอบสืบหาข้อเท็จจริง พอสรุปได้ก็แบ่งปันในองค์ความรู้นั้นๆ ดั่งที่เราเชิดชูปราชญ์ชาวบ้านขึ้นมา ซึ่งที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเชื่อก็ได้รู้ได้ทดลองตามจริง และเป็นที่ยอมรับกันขึ้นมา

และจากจินตนาการก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นมาเองได้ ก็ต้องมีอะไรไปสะกิด เยี่ยงคำถามให้ตะหงิดๆใจขึ้นมา เฉกกองไฟจะก่อขึ้นได้ ก็ต้องมีสะเก็ดไฟขึ้นซ๊ะก่อน แค่นิดนึง ก็เกิดประกายไฟได้แล้ว ใช่ว่าเอาน้ำหริอน้ำมันไปวางหรือราดแล้วไฟจะเกิดขึ้นได้เอง(ฮา..)

ยิ่งประวัติบุคคลสำคัญ หากล้วงลึกไปจริงๆ ก็จะรู้ว่าคนสมัยนี้ยอมรับในความจริงมากขึ้น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา

วิชาประวัติศาสตร์กลายเป็นวิชาการ(การเมือง)เชิงวิเคราะห์กันแล้ว หาใช่การยัดเยียดทางความคิดอย่างเมื่อก่อนหรือในระดับอนุบาล-ประถม ก็หาไม่ อย่างประวัติเชิงพุทธศาสตร์ จะมีทั้งฉบับเถรวาทและมหายาน หากเอามาเทียบเคียงกัน ก็จะรู้ในรายละเอียดอีกเยอะ บุคคลสำคัญอื่นในระดับโลกก็เช่นกัน และทำไมถึงมีอิทธิพลถึงปัจจุบันด้วย

อายครู บ่รู้วิชา(ฮา..)

...การตั้งคำถาม เป็นคุณสมบัติของปราชญ์

...การตั้งคำถาม เป็นเครื่องบ่งชี้พื้นความรู้ และความคิด

...การตั้งคำถาม ก่อให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อความเป็นเหตุเป็นผล

.

....การสงสัยในประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งดี แต่การพิสูจน์ประวัติศาสตร์ เป็นไปได้ยาก เนื่องจาก...

1.ใครเป็นผู้เขียน ?

2.ใครเป็นผู้ถูกเขียนถึง ?

3.สถานะภาพของผู้เขียน และผู้ถูกเขียน ?

...มีคำถามมากมายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ทั้งในเชิงนิเวศฯ ศาสนาฯ การพิพาทฯ และอื่นๆ

แต่การค้นหานั้น กลับได้ข้อเท็จจริงน้อยมาก เช่นการพิสูจน์คาร์บอน 14 ที่ว่ากันว่าใกล้เคียงแล้ว

ก็ยังเกิดข้อโต้แย้งกันในบางประเด็น

...การศาสนา ยิ่งซับซ้อน เนื่องจากสิ่งนี้จะมีองค์ประกอบของ"ความเชื่อ"ซึ่งเป็น "นามธรรม"มาเกี่ยวข้อง

ความเป็นอภินิหาร ความเป็นสิ่งเหลือเชื่อของคุณมีนา มันเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วในทุกๆศาสนา

ถ้าจะตอบคำถามเชิงนี้ คงต้องใช้เวลาในการอธิบายมากกว่าพื้นที่ที่มีให้

...แต่การถามโดยให้เกียรติ์ซึ่งกันและกันต่างหาก ที่ทุกๆศาสนาล้วนมีให้กัน ด้วยความนับถือต่อกัน...

ที่ถามมาส่วนใหญ่ก็เพื่อหาคำตอบ หากผู้ตอบเห็นว่ามีวัตถุประสงค์ที่ซ่อนเร้น พวกเขาก็จะไม่ตอบ กลายเป็นคำพูดลอยๆ ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ และไม่เหมาะแก่สังคมเล็กๆนี้ ที่มีหลายๆคนยินดีเข้ามาเพื่อพยายามช่วยเหลือ เท่าที่สามารถโดยไม่เคยคิดเรื่องผลตอบแทน ทั้งสิ้น

ผมถามกลับก็แล้วกัน ไม่ได้กวน ถามว่าท่านผู้ถามเชื่อหรือไม่ว่าปู่ของปู่ของปู่และของปู่ มีจริง

สงสัยได้มีประโยชน์ยิ่ง

ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

โลกเจริญก้าวหน้า

สุขภาพแข็งแรง

จิตใจมีความสุข

สำคัญต่อชีวิตประจำวัน

ฉลาดสุดยอดไปเลย

หลังจากคิดและพัฒนาองค์ความรู้

จาà��à¸‚้อสงสัยนี้

เชื่อว่าอีกอีกร้อยสองร้อยปี

ชาวโลกจะพากันอยู่อย่างสงบสุข

รักปรารถนาดีซึ่งกันและกันมากขึ้น

อยากให้มีคนฉลาดยังนี้เยอะๆ

ชีวิตของมนุษย์จะได้ไม่ต้องหวาดกลัวอะไร

ไม่ต้องไปอยากรู้หรอก รู้ไปก็ไม่ทำให้ผอมลงหรือกินน้อยลงได้หรอก เชื่อสิ

เป้าหมายหลักก็ไม่ได้อยากรู้จริงๆ แล้วจะมาอยากรู้ปลอมๆทำไม

เอาน่า อะไรที่เฉยๆได้ก็ปล่อยไปเถอะ

มะมา มาเล่าเรื่องวันกียามะให้จบหน่อย เค้าก็อยากรู้อยากถามเป็นร้อยๆบริบทเหมือนกัน