Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

เคยฝึกจิตของเราให้ปล่อยวาง กันจริงๆมั๊ย ทำได้จริงหรือเปล่า หรือแค่เขาว่ากัน?

9 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • pop
    Lv 7
    8 ปี ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    เคยครับ นั่งสมาธิสามารถทำได้ทุกวัน

    เมื่อจิตสงบ ชีวิตก็จะมองเห็นตามความเป็นจริง ก่อให้เกิดสติและปัญญา ซึ่งหากเรามีสติที่มั่นคงแล้ว ก็จะสามารถทำประโยชน์และความดีให้กับผู้อื่นได้ต่อไป

    จิต คือนามธรรมอย่างหนึ่ง ที่มีอยู่ในตัวเรา มีหน้าที่คิดตามสิ่งที่มากระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากระทบ วิญญาณจะรับรู้ จิตก็จะทำหน้าที่คิดตามสิ่งนั้น ๆ จิตจะคิดผิดหรือคิดถูก ขึ้นอยู่กับว่าขณะนั้น จิตถูกปัญญา หรือกิเลสครอบงำ จิตก็จะคิดตามอำนาจของกิเลส หรือปัญญา

    ด้วยเหตุนี้จิตจึงไม่มีความสงบ และไม่ว่างเลย ดังนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสอนให้เราทำจิตให้สงบ และทำจิตใจให้ว่าง โดยมีอุบายหลายอย่างให้เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ถูกกับจริตของแต่ละบุคคล ที่เรียกว่า การฝึกสมาธิ คือการใช้สติควบคุมจิตให้อยู่ที่เดียว กับบทภาวนาบทใด บทหนึ่ง ที่ถูกกับจริตของแต่ละบุคคล เมื่อฝึกภาวนาบ่อย ๆ จะเห็นว่า จิตจะอยู่กับบทภาวนานั้น ๆ ได้นาน ๆ จิตจะไม่ฟุ้งซ่าน ที่เรียกว่า จิตสงบเพราะเวลานั้น จิตจะถูกสติควบคุมให้อยู่ที่เดียว กิเลสไม่สามารถปรุงแต่งจิตได้

    แต่เมื่อออกจากสมาธิแล้ว กิเลสที่มีอยู่ในจิตก็จะออกมาปรุงแต่งสิ่งที่มา กระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้มีอารมณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อีกเหมือนเดิม เพราะว่าการฝึกสมาธิ เป็นการฝึกสติให้ควบคุมจิต ให้อยู่กับบทภาวนาที่เดียวเท่านั้น ไม่มีการคิดชำระกิเลส จึงไม่เกิดปัญญา ฉะนั้นการทำสมาธิเพียงอย่างเดียว ทำให้จิตสงบเท่านั้น นี้คือ การฝึกจิตให้สงบ

    จิตว่าง หมายถึง จิตที่ถูกฝึกดีแล้ว เพราะมีสติ ปัญญาควบคุม เมื่อจิตสงบแล้ว ปัญญาจะใช้ให้จิตคิด พิจารณาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ให้รู้แจ้ง เห็นจริง ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสสอนไว้ ที่เรียกว่า "พระธรรม"

    ตัวอย่างเช่น ท่านสอนให้เรารู้ว่า เรามีกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงำจิตเราอยู่ ผู้ใดที่มีกิเลสทั้งสามอย่างนี้ ครอบงำอยู่มากก็จะเป็นทุกข์มาก ผู้ใดมีกิเลสครอบงำจิตอยู่น้อย ก็จะมีความทุกข์น้อย พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสอนวิธีการชำระกิเลสให้หมดจากจิต ไว้มากมายหลายวิธีด้วยกัน แล้วแต่ผู้ใดจะนำบทใดบทหนึ่ง ที่สมควรกับตนมาพิจารณา และปฏิบัติตาม เม���่อชำระกิเลสให้หมดจากจิตแล้ว จิตก็ไม่เป็นทุกข์ จิตจึงว่าง จากความร้อนรนกระวนกระวาย กระสับกระส่าย ฟุ้งซ่าน จิตจะมีอารมณ์ที่เป็นอุเบกขา คือ เป็นกลางไม่ทุกข์ไม่สุข เพราะจิตไม่มีกิเลสครอบงำ นี่คือ ความหมายของคำว่า จิตว่าง (ว่างจากกิเลส)

    ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ จะเห็นได้ว่า จิตสงบ กับจิตว่างแตกต่างกันจริง ยังมีผู้ที่เข้าใจผิดอยู่มาก ว่าจิตสงบกับจิตว่างนั้นเหมือนกัน

    ขอให้ท่านลองพิจารณาดูว่า จิตของท่านเคยสงบ หรือว่างบ้างหรือยัง ถ้ายังขอให้ท่านฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ และเจริญวิปัสสนา คือการนำพระธรรมคำสอนของพระผู้มี พระภาคเจ้า มาพิจารณาไตร่ตรอง ให้เกิดปัญญา ที่รู้แจ้งเห็นจริง เพื่อนำมาชำระกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้หมดจากจิตของท่าน และท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเองว่า จิตของท่านว่างจากกิเลส คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ในที่สุดท่านก็จะเห็นจิตสงบและจิตว่าง พ้นจากความทุกข์ มีแต่ความสบายตลอดไป

  • 8 ปี ที่ผ่านมา

    เคยครับ แต่ตามันมองตามเองครับ

    แหล่งข้อมูล: ลุงป่าวนะ
  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    8 ปี ที่ผ่านมา

    ใจฝักใฝ่นิพพานอยู่ค่อนแล้วอ่ะ เรืองฝึกนี่พยายามตลอด

    เคยและหมั่นฝึกใจให้ปล่อยวาง พอจะทำได้บ้างแต่ไม่ต่อเนื่อง

    เพราะดิฉันเองยังต้องทำงานอยู่ท่ามกลางหมู่มารและหมู่มิตร

    ช่วงที่ฝึกวิชาปล่อยวางสำเร็จจะกลายเป็นเทพธิดาน้อยน่ารัก

    ยิ้ม ใครจะยังไงก็ยิ้ม ใจสุขสว่างมากเชียว

    ช่วงไหนที่ปล่อยใจให้อัตตาเข้าครอบงำ อ่ะโห ดิฉันน่าเกลียดไม่เบาค่ะ

    ใครมารมา เหอ ๆ มารกลับค่ะ ใครหมามา เหอะ ๆ ไม่ช้าค่ะ โดดฟัดกันในฝูงหมาทีเดียว

    ฟัดกันฝุ่นตลบไม่รู้เผลองับหางตนเองบ้างหรือปล่าวเนี่ย 55

    แต่ศิษย์ตถาคตอ่ะ ไม่นิยมพยาบาทอาฆาตใคร

    รบกันเสร็จ หายเคืองแล้วก็มาจับมือกัน love love ได้อีก

  • ?
    Lv 7
    8 ปี ที่ผ่านมา

    ไม่เคยฝึกน่ะค่ะ

    เพียงแค่...........

    บางครั้งก็คิดว่า " บางเรื่องก็ลืม ๆ มันไป " บ้างก็ได้

    เพราะ...........

    หากต้องเก็บทุก ๆ เรื่องมาคิด ...........ปวดหมอง เปล่า ๆ

    สุขภาพจิตก็เสีย แถมพาลจะอายุสั้น

    เผลอ ๆ อาจทำให้คนรอบ ๆ ข้างอายุสั้นไปด้วยอะค่า

    แต่เรื่องบางเรื่องก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันนิ

    ...........ฮึฮึฮึฮึ...........

    " ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ - [Official MV] "

    ............ดา เอ็นโดรฟิน...........

    http://youtu.be/v5wvIGxvdLI

  • 8 ปี ที่ผ่านมา

    จริงหรือไม่อยู่ที่ใครคิดหรือใครเคยทำมากน้อยแค่ไหนเข้าใจยังไงกับตัวจิตหรือการวาง ส่วนใหญ่มักโอ้อวดหรืออวดอุตริตเสียมากเลยเป็นแค่คำพูดหรือเขาว่า มั่นตั้งใจเพียรด้วยตัวเองโดยไม่ต้องฟังใครเล่าแล้วจะเข้าใจมากกว่าเมื่อปฏิบัติเอง

  • 8 ปี ที่ผ่านมา

    ลุงจะมาทวนซ้ำนิทานประจำที่มีแค่ไม่กี่เรื่อง ก็ภิกษุหนุ่มที่ช่วยอุ้มหญิงสาวข้ามลำธาร

    น้ำลึก ก่อนที่อันตรายจะเกิดถ้าเธอพลาดพลั้งลอยตามน้ำไป ข้ามลำธารแล้วในนิทาน

    ที่อิงความจริงมันก็จบแค่นั้น เพราะภิกษุปล่อยวางเธอไปทั้งกายและใจที่ฟากริมฝั่งธาร

    แต่ยังมีคนแก่มาเล่าภาคสองต่อว่า ยังมีภิกษุอีกคนละคนกันกะรูปแรก ในวันอื่นถัดมา

    ได้ช่วยหญิงสาวผู้นั้นด้วยวิธีเดียวกัน แต่กลับมาวัดแล้ว จิตใจไม่ปล่อยวาง ก็ไปเฝ้าคอย

    ช่วยเหลือหญิงสาวในวันถัดไปอีก และช่วยเธอเป็นครั้งที่สอง แล้วจึงรวบรวมความกล้า

    ถามหญิงสาวผู้นั้นว่า โยม ถ้าอาตมาลาสิกขา จะขอแต่งงานด้วยได้ไหม หญิงสาวเอียง

    อายก้มหน้าพยักคางเพียงนิด เรื่องก็เป็นเอวัง ถ้าภิกษุปล่อยวางไม่ได้ จะทรมานใจ

    ให้มันเป็นบาปกรรมแก่ตัวเองไปทำไม หรือถ้าหากว่าหญิงผู้นั้นปฏิเสธ ก็ใช่ว่าในหมู่บ้าน

    นี้จะมีหญิงสาวผู้นั้นแต่เพียงผู้เดียว

    ถ้าย้อนอดีตชาติไป ให้ลุงมีบุญได้ครองผ้าเหลà¸��องบ้างสักกี่วันก็ถือเป็นบุญวาสนาล้นพ้น

    แล้ว แต่ถ้าบุญมีไม่มากพอที่จะได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์อยู่อย่างใจบริสุทธิ์มั่นคงต่อไปได้

    ก็จะไม่ทรมานใจตัวเอง ลาสิกขามาหาความสุขทางโลกให้รู้แล้วรู้รอด

    ลุงคิดอะไรของลุงง่าย ๆ อย่างนี้แหละ หรือถ้าลุงได้เกิดมาเป็นสาวสวยเผ็ดในชาตินี้

    ก็จะไม่ดุหรอกครับ จะปล่อยวางปืนเสียมั่ง ถ้าเขามานั่งคุกเข่าข้างหน้า ก็จะปลิดความเผ็ด

    ออกไปอีกด้วย อย่าคิดสนับสนุนที่จะไปอยู่แต่เมืองคานนักเลยนะครับ ลุงเสียดายคนเก่ง

    ความรู้ดีที่จะเหงาเดียวดายเพียงนึกสนุกอยากแกล้งทรมานใจคนคอย บาปไม่น้อยนะครับนะ

  • 8 ปี ที่ผ่านมา

    จิตเรามีสภาพท่องเที่ยวมาน๊านนาน คบกับกิเลสมาก็เยอะ กิเลสมันก็เลยติดมาจนแยกออกยาก แม้เอาผ้าขาวบางกรองกิเลสก็ยังยาก

    สุนัขฝึกให้มันหมอบมันนอนหงายก็ยังได้ นกแวนกขุนทองฝà��¶à¸à¹ƒà¸«à¹‰à¸¡à¸±à¸™à¸žà¸¹à¸”ภาษาคนก็ยังได้ ทั้งๆที่มันย๊ากยาก แล้วทำไมเราจะฝึกจิตเราไม่ได้เล่า

  • ?
    Lv 6
    8 ปี ที่ผ่านมา

    ตอบในมุมของตัวเองแล้วกันนะคะ การปล่อยวางในแต่ละเรื่องไม่เท่ากัน บางเรื่องก็ทำได้โดยยอัตโนมัติ ยิ่งพบบ่อย ก็ยิ่งทำได้ดียิ่งขึ้น ถ้านั่นเรียกว่าเป็นการฝึกได้ก็คงจะใช่ตามนั้น

    แต่บางเรื่่อง ยิ่งพยายาม ยิ่งพันธนาการ ยิ่งไม่คิดกลับยิ่งคิด เลยคิดว่า ช่างมัน ปล่อยวางไม่ได้ ก็อยูุ่มันแบบนี้

  • Right
    Lv 5
    8 ปี ที่ผ่านมา

    ขอแยกแ��¸¢à¸°à¸›à¸£à¸°à¹€à¸”็นว่า เรื่องทำวิปัสสนา ภาวนาเจริญสติ มีจิตปล่อยวางนี้เป็นเรื่องเฉพาะตน ไม่ทำไม่รู้ ถึงรู้ก็รู้ได้เฉพาะตนอย่างในบทสวดอิติปิโสว่าท่านจงมาดูเถิด... แล้วยังมีจริตของใครของมัน ใครเหมาะกับแบบใดก้อต้องลอง ก็ต้องรู้ อยู่ที่จะมีบุญ ถ้าไม่รู้ควรมีครูบาอาจารย์ช่วยชี้แนะก็จะไปได้ถูกทาง จะบอกว่าไม่จริง อาจเพราะไปผิดทางก็ได้ จะบอกว่าจริงแต่คนอื่นทำตามกลับทำไม่ได้ก็ได้

    อีกประเด็นจิตเราถ้าไม่ได้มีเรื่องผิดบาป ไม่ผิดศีลอะไร จะมีทาง ยิ่งมีศีลมาก สำรวมกายวาจาใจได้ สมาธิก้อเกิดง่าย ท้ายสุดจะเกิดปัญญา ดังที่อยู่ในมรรคมีองค์แปด คนที่บวชจึงมีทางบรรลุได้ง่าย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องไปบวชหมด ต่างคนก็มีกรรมเป็นของตน

    ประเด็นไม่สุดท้าย เราเห็นอีกมุมว่า จิตเราเองที่ชอบไปยึด ปกติตามธรรมดาตามธรรมชาติจิตก้อต้องมีปล่อยวาง ไม่งั้นติดยึดมากมันจะประสาทเอา ยึดมากเก็บไปคิดไปฝันจนเป็นจริงเป็นจังจนแยกจริงหรือฝันไม่ออกก็กลายจะเป็นคนบ้าได้ จิตเองใช่ตัวตน มีเปลี่ยนตลอด ตามไตรลักษณ์ สิ่งที่ทำได้คือรู้ตามว่าอะไรเป็นอะไร วางบ้าง ถือบ้าง รู้อย่างผ่อนคลาย ไม่เพ่ง ไปเพ่งว่าให้ปล่อยวางมันคือการยึดติดดีๆ นี่เอง

    ที่นี่ เวลานี้ สุดแต่จะเรียกว่าปล่อยวาง ความว่าง ความหลุดพ้น ...ความสุขแท้ เกิดขึ้นได้ในทันที เพราะเรามีสิ่งนี้อยู่แล้ว หลวงปู่/พระท่านว่านะ

    แหล่งข้อมูล: ธรรมบรรยายโดยท่านติช นัท ฮันห์ > ประตู ๓ บาน เพื่อการหลุดพ้น http://www.thaiplumvillage.org/index.php?option=co...
ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้