รู้สึกเครียด เพราะหาเงินได้น้อยมาก ทำการค้าก็เจ๊ง?

เมื่อเราเครียดอย่างมีสติ, เราก็สามารถจะฝ่าข้ามปัญหาที่ค้างคาหรือคุกคามเราอยู่ในใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะเราไม่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับความเครียด, แต่เราเป็นฝ่ายรุกและตั้งประเด็น

เพราะไหน ๆ ก็เครียดแล้ว, ก็ควรจะใช้มันให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง

แน่นอนว่าผลการวิจัยทางด้านการแพทย์บอกว่าทุกครั้งที่เรารู้สึกเครียดทางจิตใจ, ภูมิต้านทานของร่างกายราก็จะอ่อนแอลงทันที

ดังนั้น, ความเครียดโดยพื้นฐานมีผลทางลบต่อสุขภาพแน่ แต่ในเมื่อสภาพบ้านเมืองเป็นเช่นนี้, โอกาสที่จะไม่เครียดมีน้อย, ยิ่งเราต้องการจะต่อต้านความเครียด, เราก็จะยิ่งเครียดหนักขึ้น

ดังนั้น, ทางออกก็คือไม่ฝืนมัน...คือการยอมเครียด, และตัดสินใจเครียดมันอย่างมีสติซึ่งแปลว่าไม่ให้ความเครียดเป็นเรื่องทางลบอย่างเดียว, แต่จะใช้ความเครียดที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นให้เป็นประโยชน์เสีย

แทนที่เราจะทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง, หากเราใช้ความเครียดให้ถูกทาง, ภูมิต้านทานก็จะดีขึ้น

เครียด เพราะหาเงินได้น้อย เราก็ใช้จ่ายให้น้อยลง หาความสุขจากสิ่งต่างๆรอบตัว คุณมีเงินเก็บเยอะ อย่างน้อยก็คงมีดอกเบี้ย พยายามทำให้รายรับกับรายจ่ายสมดุลย์กัน

บอกตัวเองว่าเครียดแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นจะเครียดไปทำไม ขาดทุนทางอารมณ์เปล่าๆ หาหนังสือ หาหนังวีดีโอดูสนุกๆ มีความสุขให้คุ้มดีกว่าครับ

คุณยังดีที่มีเงินเก็บมารองรับ ในการดำรงชีวิต ถ้าบางคนไม่มีเงินเก็บยิ่งแย่กว่าคุณอีก เครียดกว่าคุณอีก ทางที่ดีคุณควรจะหาแนวทาง สร้างโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ ควรที่จะศึกษาแนวทาง ช่องทาง ทางการตลาด วิเคราะห์ตลาดและความเป็นไปได้ของธุรกิจ เพราะว่าในการลงทุกแต่ละครั้งจะต้องใช้เงินทุน ถ้าทำไปแล้วไม่เกิดผลกำไร มีแต่ขาดทุน แนวโน้มที่จะเป็นไปในรูปแบบเดิมมีสูง ถ้าการเริ่มต้นของธุรกิจเราไม่สามารถบริà��«à¸²à¸£à¸ˆà¸±à¸”การเองได้ ลองไปมองดูพวกธุรกิจเฟรนไซส์ดูซิ พวกนี้เขาจะมีทีมงานมืออาชีพคอยให้คำแนะนำ จนธุรกิจของคุณสามารถอยู่ได้ ต้นทุนในการลงทุนก็ไม่มาก ขึ้นอยู่กับธุรกิจที่ลงทุน ลองดูครับ ชีวิตคนเราต้องสู้ อย่าเพิ่งท้อถอยครับ

คนไม่เครียด สมัยนี้ ไม่มีแล้ว

เพียงแต่แถว คุณต่อนั่น ฉันเห็นท้าย

ยังดีที่ มีเงินเยอะ แม้ไม่ได้

ระวังไว้ ไอ้ที่เหลือ เผื่อเปรตยืม

คุณเจนลองวางแผนทางการเงินซิครับการที่ว่ามีเยอะมากลองพิจรณาว่าขณะนี้อายุเท่าไรจะอยู่ต่อไปอีกกี่ปีต้องใช้เงินเท่าไรต่อวัน,เดือน,ปีแล้วลองคำนวนดูว่าเงินที่เก็บไว้จะอยู่ได้อีกกี่ปีเพราะเรามีเงินจะงอกเงยได้จาก1.ฝากธนาคาร2.ลงทุน(แต่อาจมีกำไรหรือขาดทุนก็ได้)การลงทุนตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำคือการออมในรูปเบี้ยประกันชีัวิต ความเสี่ยงสูงขึ้นมาคือการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หลายๆตัวเพื่อกระจายความเสี่ยง และการลงทุนค้าขายเองซึ่งความเสี่ยงอยู่ที่เราพิจรณาตัดสินใจ

ส่วนความเครียดย่อมเป็นธรรมดาของทุกคนมีก็ทุกข์ไม่มีก็ทุกข์ดังนั้นหากทุกข์แต่ยังมีเงินอยู่ก็ลองคิดถึงคนที่เป็นหนี้มากๆแล้วเขาทุกข์กว่าเราไหมบอกได้อย่างเดียวครับว่าพิจรณาตัวเองด้วยสติ(เหตุผล)จะก่อเกิดปัญญา(ความรู้ในการแก้ปัญหาต่งๆได้ครับ)

ถามเองตอบเอง ก็ดีนะ

เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นของคุญ pop

แหม..แต่เงินเก็บมีเยอะมาก..นี่ ไม่เห็นต้องเครียดเลย แค่เพลาๆๆการลงทุนการค้านั้นไปก่อน แต่ไม่ใช่ปล่อยนะค่ะ เเล้วคุณก็ไปหาตลาดเพิ่ม ลดราคาสินค้าเก่าที่ค้าขายลงมา(เอากำไรน้อยลง),

ถ้ามีสินค้าใหม่ ก็เพิ่มราคาขึ้นอีกนิด(เพราะมาใหม่ไฟแรง)..ค่อยๆๆคิดในการค้าขาย,

เขาถึงว่าไงว่า"คนดวงดี ขายหมี่ก็รวย คนดวงซวย ขายหวยก็เจ๊ง"..

ความเครียด ที่กิดขึ้นจาก การหาเงิน ได้น้อยหรือไม่ได้เลย

มันเป็นธรรมชาติของร่างกาย ที่ต้องการที่จะมีรายได้

เพื่อ ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เลี้ยงชีวิต ดูแลครอบครัว

แต่ก็ควรที่จะเข้าใจ สภาวะนั้น ที่หาเงินไม่ได้

เปรียบเทียบดั่ง ใจต้องการปลูกต้นไม้ เพื่อหวังให้ต้นไม้เติบโต

แต่ช่วงเวลานี้ เป็นฤดูแล้ง ต้นไม้ต้นเล็กๆ จะอยู่รอด ยาก

ต้นไม้ใหญ่ก็พักตัว รอวันที่ฝนมาใหม่

เรื่องเงินที่หามาได้ยากในขณะนี้เป็นผลมาจาก สภาวะโลกร้อน

ซึ่งสร้างผลกระทบต่างๆ มากมาย ยากที่จะเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดมาแสดงได้

ในเวลาอันสั้น สิ่งที่จะบอก ก็คือเข้าใจความเป็นไป ที่เกิดขึ้น

สุดท้ายแล้วก็จะอุทานใจว่า เป็นเช่นนี้นี่เอง ความเครียดนั้นก็จะผ่อนคลาย แต่ไม่หมดไปนะ

ความเครียดเป็นพาหะขนิดหนึ่งซึ่งไม่พึงประสงค์ครับหลีกเลี่ยงได้ก็จงทำซะแยกแยะเรื่องราวต่างๆให้ออกแล้วค่อยๆจัดการกับเรื่องๆนั้นทีละเรื่องๆไปแบบค่อยเป็นค่อยไปน่าจะดีนะครับผิดพลาดอะไรก็เริ่มแก้ไขกันใหม่เช่นกันมองไปข้างหน้าอย่าหยุดและท้อถอยคิดเสียว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณในตอนนี้เป็นแค่เกมๆหนึ่งแล้วทุกอย่างจะค่อยๆราบรื่นเองครับโชคดีเน้อ