Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

คุณจะรับคนที่เรียนจบในสาขาเหล่านี้ + มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ เข้าทำงานมั้ยคะ ถ้าคุณเป็นนายจ้าง / ฝ่ายบุคคลน่ะค่ะ?

อัปเดต:

คำถามนี้ เป็นคำถามที่สืบเนื่องมาจาก อีกคำถามหนึ่ง ที่เราได้ถามไปก่อนแล้วเมื่อวานนี้นะคะ

สาเหตุที่เราถามคำถามนี้ขึ้นมาอีก ก็เพราะเราได้อ่านคำตอบของเพื่อนๆ แล้ว รู้สึกชอบใจมากๆ ตรงที่ว่า แต่ละท่านก็มีมุมมองที่ดีๆ และทำให้เราเกิดความคิด และมองเห็นในสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง รวมทั้งญาติพี่น้องของเราบางคน ที่อยากจะหางานใหม่ด้วยนะคะ

ขอยกคำถามจากข้างบน มาไว้ตรงนี้อีกครั้งนะคะว่า "คุณจะรับคนที่เรียนจบในสาขาเหล่านี้ + มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ เข้าทำงานมั้ยคะ ถ้าคุณเป็นนายจ้าง / ฝ่ายบุคคลน่ะค่ะ"

1. คนที่เรียนจบนิติศาสตร์ โดย ...

- ใช้เวลาเรียน 4 - 5 ปี

- เกรดเฉลี่ย 2.5 นิดๆ

- อายุ 27 - 28 ปี และเรียนกฎหมายเป็นปริญญาตรีใบที่ 2

- ไม่เคยเรียน ปวช. / ปวส. หรือ ปริญญาโท / เอกเลย

- ยังไม่เคยทำงานมาก่อนเลย (ไม่ว่าจะเป็นเพราะหางานไม่ได้ เพราะตัวเองยังไม่อยากใช้ชีวิตในวัยทำงาน หรือจะเพราะอะไรก็ตาม) หลังจากจบปริญญาตรีใบแรก (ซึ่งปริญญาตรีใบแรก ก็ได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 2.5 เหมือนกัน)

- ยังไม่มีใบรับรองจากเนติบัณฑิตยสภา และยังไม่ได้ตั๋วทนาย

- แต่มีใบรับรองการฝึกงานที่กระทรวง

อัปเดต 2:

การต่างประเทศ และตำรวจท่องเที่ยว เพราะเหตุว่า เขาเคยเรียนทางด้านอักษรศาสตร์มาก่อน จึงได้ไปฝึกงานที่นั่น

2. คนๆ นี้เรียนจบปริญญาตรีทางด้านอักษรศาสตร์ (ไม่ว่าแต่ละมหาวิทยาลัย จะเรียกชื่อคณะนี้ ต่างกันไปอย่างไรก็ตามนะคะ เช่น อาจจะเรียกว่า คณะศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ฯลฯ) แต่ไม่ใช่คนเดียวกันกับที่เราได้กล่าวไว้ในข้อ 1 นะคะ คนๆ นี้ ...

- ใช้เวลาเรียน 4 ปี

- ได้เกรดเฉลี่ย 2.52

- วิชาเอกที่เลือกเรียนคือ ภาษาและวรรณคดีอังกฤษ วิชาโทจิตวิทยา และได้เรียนภาษาจีนในมหาวิทยาลัยด้วยประมาณ 7 - 8 วิชา

- เป็นคนที่มีรูปร่างอ้วน

- อายุ 27

- ไม่เคยเรียน ปวช. / ปวส. หรือ ปริญญาโท / เอกมาก่อน

- ยังไม่เคยทำงานมาก่อนเลย ตั้งแต่เรียนจบมา แต่ก็เป็นคนที่ขวนขวายในการไปเรียนนั่นเรียนนี่ (ปัจจุบันกำลังเรียนภาคค่ำอยู่) สอบนั่นสอบนี่ และตอนนี้ก็สอบ ภาค ก ของ กพ. ผ่านแล้ว แต่ภาค ข เคยไปสอบแล้วไม่ผ่าน ... รวมทั้งยังไปรับ job เล็กๆ น้อย โดยการขายสินค้าพวกบำรุงสุขภาพ (ขายตรงทางโทรศัพท์ / อินเตอร์เน็ต) ให้คำแนะนำด้านโภชนาการทางโทรศัพท์ อะไรทำนองนี้

3. คนที่เรียนจบด้าน "การตลาด" จากมหาวิทยาลัยสุโขทัย

อัปเดต 3:

ธรรมาธิราช

- เป็นปริญญาตรีใบที่ 2

- อายุ 28

- ไม่เคยเรียน ปวช. / ปวส. หรือ ปริญญาโท / เอก

- ได้เกรดเฉลี่ย 2.7

- ไม่เคยทำงานอะไรมาก่อน แต่เคยรับ job เล็กๆ น้อยๆ

- มีใบรับรองการสอบเป็น "ตัวแทนออกของ" แต่ยังไม่ได้เอาใบรับรองที่ว่านี้ ไปยื่นสมัครสอบเป็นตัวแทนออกของ ที่กรมศุลกากร แต่เลือกที่จะมาสมัครงานกับคุณแทน

ถ้าหากว่า บุคคลที่มีลักษณะตรงกัน / ใกล้เคียงกันกับที่เรากล่าวมาแล้วนี้ (เช่น อาจจะเรียน���บ จากสาขาอื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันในด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้านก็ตาม) มาสมัครงานกับคุณ คุณจะรับเขาเข้าทำงานไหมคะ หรือว่า คุณจะไม่รับไว้ และคุณจะต้องพิจารณาอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยคะ??

เราอยากจะขอร้องให้เพื่อนๆ ใน "รู้รอบ" ได้โปรดช่วยสละเวลาเข้ามาแชร์ความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆ คำตอบค่ะ

อัปเดต 4:

เราได้อ่านคำตอบของเพื่อนๆ แล้ว ขอบคุณมากค่ะ ที่คุณสละเวลาเข้ามาตอบให้เรา

ส่วนเรื่องที่ว่า ทั้ง 3 คนนี้ จะมาสมัครงานในตำแหน่งอะไรนั้น ... ขอตอบว่า ทั้ง 3 คนนี้ บอกเราว่า ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะได้งานที่ตรงกับสาขาที่เขาเรียนมา กล่าวคือ

- คนที่จบนิติศาสตร์ มาสมัครตำแหน่งนิติกร แต่ถ้าไม่ได้ (คือ ในใบสมัครจะให้โอกาสเลือกตำแหน่งสำรองได้อีก 1 ตำแหน่งน่ะค่ะ) ก็เอาเป็นฝ่าย claim ประกัน

- คนจบศิลปศาสตร์ มาสมัครเป็นฝ่ายติดต่อต่างประเทศ หรือ call center

- คนจบการตลาด สมัครตำแหน่งพนักงานขาย หรือ ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน

คือว่า ทั้ง 3 คนนี้ เขามีประสบการณ์แย่ๆ ที่ค่อนข้างจะฝังใจว่า ทำยังไงๆ ตัวเองก็คงไม่มีวันหางานได้น่ะค่ะ เพราะตั้งแต่จบปริญญาตรีใบแรก พวกเขาก็ได้ไปสมัครงานกันมาคนละหลายๆ แห่งแล้ว แต่ในเรื่องนี้ ตัวเราเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรลงไปหรอกนะคะ

เราอยากจะขอถามเพิ่มเติม อีก 1 คำถามนะคะว่า ... ในความเห็นของเพื่อนๆ เนี่ย เกรดเฉลี่ยขนาดนี้ จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะ "ตัดอนาคตในการหางานทำ" ของคนทั้ง 3 คนนี้มั้ยคะ??

เราขอขอบคุณสำหรับทุกๆ คำตอบนะคะ

7 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    หากให้เลือก ขอเลือกคนที่ สอง

    มาฝึกงานก่อน ดูในความสามารถของภาษาที่เรียนมา

    ส่วนคนที่แรกและคนสุดท้าย

    ถ้าตรงกับตำแหน่งงานก็จะรับฝึกงานแต่ถ้าเป็นงานที่

    ไม่ตรงตำแหน่งยังไม่รับฝึกงาน เพราะ ดูจากความพร้อม

    ที่ยังขาดเอกสารเล็กน้อยๆ

    ------------------

    อาจพิจารณาเพิ่มเติมในการใช้อุปกรณ์ในสำนักงานดูคับ

    เช่น รับส่งแฟ็กส์ ถ่ายเอกสาร ใช้ปริ้นเตอร์ หรือ แม้แต่ล้างห้องน้ำคับ...

    ทดสอบไหวพริบ และสติอารมณ์ในการทำงาน..

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เท่าที่อ่านดู ดิฉันเองก็ยังไม่รู้ว่า ตำแหน่งงานของคุณคืออะไร

    ในการทำงานด้าน HR นั้น เราต้องมี Job Description และ Qualification ค่ะ ภาษาไทยอาจจะแปลว่า รายละเอียดงานที่รับผิดชอบ และคุณสมบัติของคนที่ทำงานนั้น หากเป็นดิฉัน เมื่อดูจากข้อมูลสองเรื่องนี้ ดิฉันก็จะพิจารณาว่า ใครที่คุณสมบัติพอที่จะเรียกมาคุยได้บ้าง หรือในนี้อาจจะไม่เหมาะสักคนเดียว

    แต่เมื่อสัมภาษณ์แล้ว เราก็จะตัดสินใจไ้ด้ว่า เราจะลองเลือกใครมาทำงานของเราดู แต่หากสัมภาษณ์แล้วไม่ใช่ ก็หาใหม่ค่ะ เพราะคนที่ไม่ใช่ นั้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่อยู่นั่นเอง อย่าฝืนดีกว่า แต่ละคนเหมาะกับงานบางอย่าง แต่ไม่เหมาะกับงานทุกอย่างค่ะ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    คุณPloyไม่ได้ระบุว่า ตำแหน่งหรือหน้าที่ และบริษัทที่รับสมัครทำธุรกิจอะไร ถ้าให้เหมารวมๆกัน พอสรุปได้ว่า

    คนที่1 ไม่สู้งานหนัก สำควรแนะนำให้ไปต่อเนฯให้จบ พื้นที่การว่าความจะได้ครอบคลุมทั่วประเทศ

    คนที่2 น่าจะเป็นคุณสมบัติที่ บริษัทอยากได้ เพราะสามารถสื่อได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน ซึ่งจำเป็นมากในธุรกิจปัจจุบัน

    และสามารถบรรจุลงในตำแหน่งได้หลากหลาย เช่นreception, operator,secretary,customer's relation, shipping ซึ่งตำแหน่งเหล่านี้เหมาะสมกับคุณสมบัติที่เค้ามีอยู่ แต่จุดอ่อนของคนๆนี้คือ ต้องมีข้อสัญญาว่า หากรับเข้าทำงานกับบริษัทแล้ว ห้ามสร้างเงื่อนไขเช่นขอลาหยุดทุกๆว้นเสาร์เพื่อไปเรียนเพิ่มเติม หรือ การใช้โทรศัพท์ของสำนักงานในการทำsidelineเป็นต้น บางทีเราได้คนเก่งมาช่วยบริษัทแต่กลับมาสร้างเงื่อนไขกับบริษัท จะทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างคนงานในบริษัทว่าเค้ามีสิทธิพิเศษเหนือบุคคลอื่น

    คนที่3 ไปรับใบสำคัญการออกของให้ได้ก่อนเพื่อเอามาเป็นคุณสมบัติในการสมัครงาน อีกทั้งต้องไปฝึกการใช้คอมฯให้คล่อง เพราะแบบฟอร์มการออกของเดี๋ยวนี้ใช้โปรแกรมอัตโนมัติสามารถLinkเข้ากับศุลกากรได้อย่างรวดเร็ว และเอกสารมีหลายแผ่น shippingจำเป็นจะต้องทำงานแข่งกับเวลาและแม่นยำในการกรอกรายละเอียด ในเมื่อเค้ามีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้วก็สมควรสนับสนุนตัวเองให้ถึงที่สุด

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    คนไทยส่วนใหญ่เนี่ย เป็นเหมือนกันหมด

    คือวัดค่าของคนที่ใบปริญญาและเกรดเฉลี่ย

    ตีค่าตนเองว่าเรียนอะไรมาต้องทำงานตามสาขานั้นไปตลอดชีวิต

    พยายามเขียนRESUMEสาธยายข้อดีให้คนอื่นเลือกจิกหัวใช้งาน

    แล้วจ่ายค่าแรงและค่าเวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตเราที่ต้องขายให้เขาไปแบบถูกๆ

    ผมจบเศรษฐศาสตร์อินเตอร์ธรรมศาสตร์

    ผมก็หลวมตัวทำแบบพวกคุณไปให้เขาใช้งานตั้ง 3 ปี

    ตอนนี้ผมรู้แล้ว ชีวิตผม ผมเลือกเอง ทำงานให้ตนเอง

    และแบ่งปันโอกาสและวิธีการให้ผู้อื่นที่อยากเป็นอิสระเหมือนผม

    แต่แปลก คนส่านใหญ่ไม่ชอบอิสระ ชอบคุกที่ทำงาน

    เอาล่ะครับ ขอเข้าเรื่อง

    ทั้ง3คนไม่ต้องกังวลหรอกครับเรื่องสมัครงานน่ะ

    ลองมาฝึกงานกับผมสิ ทำธุรกิจของตนเอง

    ไม่ต้องลงทุน ไม่สนสาขาวิชา

    ขอแค่มีความฝันที่จะประสบความสำเร็จ มั่งคั่ง และมั่นคง

    กล้าลงแรงทำงานของตนเอง ขยัน อดทน

    แล้วชีวิตที่เกินกว่าที่เคยฝันจะเป็นของคุณ

    089-1622220

    chalitpj@yahoo.com

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เลือกเด็กอักษร ค่ะ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    1.เค้าเป็นคนที่น่าสนใจแค่ไหน ความกระตือรือร้นที่จะทำงาน

    2.ตรงกับสายงานที่ต้องการ แต่บางงานก็ไม่จำเป็นอยู่ที่ตัวผู้

    ู้สมัครมากกว่า เพื่อนผมจบนิติแต่หันมาเà��›à¹‡à¸™à¹€à¸‹à¸¥à¸¥à¹Œà¸—ี่ทำยอดขาย

    อันดับต้นๆของบริษัทได้ ครีเอทีพหลายคนก็ไม่ได้จบมาโดยตรง

    ถ้าผมเป็นเจ้าของกิจการผมจะสนใจที่ตัวบุคคลมากกว่าผลการเรียน

    เพิ่มเติม

    มนุษย์ทุกคนมักมีความสามารถพิเศษในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง วิธีที่ดีที่สุดคือหางานที่ตรงกับความถนัดซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่เรียนมาก็ได้

    ต่อให้เป็นคนขายลูกชิ้นปิ้งหากเป็นความถนัดและทำให้คุณมีชีวิตที่เป็นสุขก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ

    แต่หากอยากทำงานตามสายอาชีพที่เรียนมาทั้ง3คนคงต้องเปลี่ยนทัศนคติให้เคารพในคุณค่าของตัวเองก่อน

    คนที่ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ดูถูกตัวเองจะทำให้ขาดความมั่นใจในชีวิต

    ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้การหางานยากน่าจะเป็นเรื่องปรกติ

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ...ในเบืองต้น ถ้าผมเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลและได้สอบสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้ามาทำงานกับบริษัทฯของเรา...!

    จะดูว่า.....เขาเรียนจบมาทางด้านที่เรารับสมัครหรือเปล่าก่อน เช่นเรารับด้านการตลาดเราก็จะดูว่าผู้สมัครจบด้านการตลาดมาหรือเปล่าก่อน ถ้าตรงกับทางด้านที่เราต้องการโอกาศที่จะได้ทำงานก็มากกว่า แต่ถ้าไม่ตรงกับสายงานที่เรารับและบังเอิญไม่มีผู้มัครมาสมัครตรงกับที่เราต้องการเราก็อาจพิจารณาเอาไว้เป็นทางเลือกก้ได้ครับ....!!

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้