"คำว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร"ในวงการเมืองแปลได้อย่างไรบ้างค่ะ?

ผมว่าการที่จะเป็นมิตรหรือศัตรูกันในวงการเมือง ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ที่จะได้รับมันลงตัว หรือเหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่ลงตัวก็คงเป็นศัตรูกัน เช่นเดียวกันถ้าลงตัวก็เป็นมิตรกันได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเดียวกันฝ่ายเีดียวกัน หรือคนละพรรคคนละฝ่ายก็ตาม ผมว่าการเมืองไทยใช้ผลประโยชน์เป็นหลัก เขาถึงว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรในวงการเมือง

เยอะแยะไปครับ จำกันไม่หวาดไหวสำหรับวงการการเมืองไทย จะลองยกตัวอย่างให้

ดูพอท้วมๆนะครับ

1.ปู่ชัยพูดเรื่องความหล่อของลูกชายเทียบกับอภิสิทธิ์ในขณะนั้นว่าลูกเขาก็เป็นนายก

รัฐมนตรีได้ (อยู่กันละขั้ว) พูดแบบไม่อยากจะเผาผีกัน วันนี้ จูบปากกันดูดดื่ม

2.รัฐบาลบรรหารโดนกล่าวหาว่าเป็นเจ๊กเป็นต่างด้าว ด่าพ่อล่อบรรพบุรุษ โดยพรรค

ประชาธิปัตย์ ถล่มกันในสภาอย่างสาดเสียเทเสีย วันนี้ กอดคอกันเป็นรัฐบาล

3.เนวินกับทักษิณ ที่เคยกอดคอกันเดินเป็นขุนพรในการจัดทำอาจสามารถ(ร้อยเอ็ด)

โมเดล ทำทัวร์นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้วเป็นนอนที่นั่น วันนี้แยกทางกันเดินทิ้งความ

สัมพันธ์เบื้องหลังไว้ก่อน

4.ทักษิณกับการเซงลี้พรรค5พรรคการเมือง วันนี้บุญลดบารมีหมด นกกาโบยบิน

ทั้งๆที่พยายามป่าวประกาศว่า พรรคข้านี่แหละสร้างความเจริญให้บ้านเมืองแต่พวกลิ่ว

ล้อตีหนีซะฉิบ (ให้ตายเถอะโรบิ้น)

5.อื่นๆอีกมากมาย

โขน ย่อมมีหัวให้สวมใส่ ใครเล่นบทใดก็สวมหัวนั้น จากนั้นก็แสดงตามบทบาทของตนบนหน้าเวทีไป หมดฉากจบบทแสดงก็ไปพบพุดจากันฉันท์มิตรหลังเวที ทั้งที่อยุ่หน้าเวทีห่ำหั่นเอาเป็นเอาตายเพื่อความประทับใจของท่านผู้ชม หลงงมงายกับบทการแสดง

เมื่อใดที่ผลประโยชน์เกลี่ยได้ลงตัวศรัตรูก็กลายเป็นมิตร ในทางตรงข้ามหากเกลี่ยไม่ลงตัวมิตรก็เป็นศรัตรูทันที ภาพที่เห็นในสภาก็ไม่ต่างกัน ฝ่ายไม่มีผลประโยชน์ก็นำมา แฉ แฉ แฉ กลางสภา แต่พอเข้าห้องน้ำปัสสาวะลดองศาความร้อนลงหน่อย พอออกมาท่าทีก็เปลี่ยนไป จึงไม่มีอะไรแท้และถาวรเท่าผลประโยชน์

มันเป็นเรื่องของการแสวงหาอำนาจ จึงคิดประดิษย์คำนี้ขึ้นมาให้ดูว่าไม่รุนแรง ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ความเป็นจริงน่ากลัวกว่าที่คิด เช่นลากเอาต้นตระกูลมาประจานกันออกสื่อยังทนได้ หากเป็นชาวบ้านธรรมดาคนประจานอาจได้ไปเกิดใหม่แล้ว แต่นักการเมืองไทยทนได้เสมอ...

เว้าแบบคนไม่มีความรู้เรื่องการเมืองอย่างอิฉัน อิฉันก็ว่าว่า อย่าไปเอาอะไรมากกับวงการนี้ มีอะไรให้ก็กอดจูบรักใคร่ ขัดใจเมื่อไหร่ก็อย่าอยู่(ร่วมชาติเดียว)กันเลยมรึงงงงงง

ด่ากันในสภาเป็นเกมถ่วงความเจริญชาติมาแต่สมัยไหนแล้วนา ถ้าด่าแล้วได้ดีกันบ้างก็คงน่าด่า

ส่วนคนนามสกุลเดียวกันต่างพรรค... เอาเป็นว่า นามสกุลน่าจะใหญ่โตกว้างขวางจนคนที่ใช้ร่วมกันมิจำเป็นต้องร่วมอุดมการการเมืองเดียวกัน ละกัน

อย่าพยายามทำความเข้าใจค่ะ เรืองราวการเมือง เป็นเรื่องเกินความเข้าใจสามัญชนเช่นเรา ๆ

เห็นด้วยกับคุณเมาครับ คือผลประโยชน์จริงๆ ดุอย่างคุณบรรณหารกับพรรคประชาธิปัตย์ถึงขนาดขุดโคตรเง่ามาแฉกัน สุดท้ายก็มาร่วมรัฐบาลกัน

แปลว่าผลประโยชน์ครับ คำเดียวเลยจริงๆนะจะบอกให้

เป็น นิยามของผลประโยชน์ ร่วมกัน อาจไม่ใช่วันนี้และอาจจะเป็นวันขà¹��างหน้า แต่วันนี้ก็มีให้เห็นเมื่อสมัยรัฐบาลคุณชวน มีคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรมต.เกษตร นโยบายสปก4-01 จัดสรรที่ดินให้เกษตรกร แต่คุณสุเทพ จัดให้คนรวยพวกเดียวกัน(ศาลตัดสินคืนที่กลับมาแล้ว) คุณ เนวิน กลุ่ม16 อภิปรายไม่ไว้วางใจ จนนายกฯชวนต้องยุบสภา ทุกวันนี้ มาร่วมจัดทำรัฐบาลกันได้เลย

ที่เค้าว่า รถไฟ เรือเมล์ ยี่เก ตำรวจ เชื่อไม่ค่อยได้งั้นคง

ต้องเพื่ม นักการเมืองเข้าไปต่อท้าย อีกสักกลุ่ม ใช่มั๊ยคะอิอิ

การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ฝ่ายใดชนะได้เป็นรัฐบาลฝ่ายใดได้เปรียบกระแสแรงก็ย่อมที่จะมีพวกมากใครๆก็อยากเป็นพรรคร่วม ฝ่ายที่เพี่ยงพ้ำก็อาจจะต้องเป็นฝ่ายที่เป็นศัตรูไปโดยธรรมชาติ เขาถึงบอกว่าเล่นการเมืองไง