คำว่า จัดตั้ง หมายความว่าอะไร?

คำว่า "จัดตั้ง" เป็นการซื้อเสียงโดยตรงครับ แต่ไม่ใช้คำว่าซื้อเสียงเพราะฟังเท่าไหร่ก็ดูไม่ลื่นหู

วิธีการจัดตั้งคือ หัวคะแนนจะนำรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ตนสามารถนำมาลงคะแนนเสียงได้ตามจำนวนที่ระบุไว้ เริ่มตั้งแต่ระดับ พรรค จะถาม สส ผู้จะลงสมัครว่าคะแนนจัดตั้งของคุณมีเท่าไหร่เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิลงคะแนนในเขตคุณหรือไม่ หาก สส ผู้นั้นมีคะแนนจัดตั้งเกินกึ่งหนึ่ง ก็จะเป็น สส ที่พรรคต้องการตัวและยินยอมจ่ายเงินอย่างชนิดไม่อั้นให้ไปซื้อเสียงเพื่อมาเลือก สส คนนั้น (ไม่ต้องถามว่าเท่าไหร่...ต้องไม่อั้น เพราะไม่รู้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเกทับมาอีกเท่าไหร่...เงินในการจัดตั้งจึงอั้นไม่ได้...อั้นเมื่อไหร่ก็แพ้เมื่อนั้น)

จากนั้น สส ก็จะเรียก สจ นายก.อบต,ส.อบต กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอคะแนนที่พวกเขาคุมอยู่ มาไม่น้อยกว่า 60 % ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละหมู่ โดยการขอคะแนนไม่ได้ขอเปล่า แต่ต้องส่งมอบเงินให้ไปจัดซื้อเสียง ส่วนเสียงละเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับแต่ละท้องที่ ว่าซี้อเสียงกันเท่าไร ส่วนคนผู้ควบคุมเสียงก็จะได้เงินค่าตอบแทน จำนวนหนึ่งพร้อมเงินค่าหัวอีกต่างหากแล้วแต่ตกลงกัน ส่วนใหญ่ระหว่าง 20-50 บาท และเมื่อหัวคะแนนพวกนี้ตอบตกลงแบ่งคะแนนให้ สส ฝ่ายไหนมากกว่า สส ฝ่ายนั้นก็จะชนะ ส่วนฝ่ายที่แบ่งให้น้อยกว่าก็จะแพ้ โดยหัวคะแนนพวกนี้เขาคุมคะแนนเสียงได้ 100 % เพียงแต่ว่าเขาจะให้ใครชนะเท่านั้นเอง อันที่จริงหัวคะแนนพวกนี้ก็อึดอัด เพราะ สส คนนี้ก็นาย คนนั้นก็นาย ตัดสินใจยากเหมือนกันที่จะแบ่งคะแนนให้ใครสูงสุด ส่วนใหญ่ใครที่เคย เป็น สส แล้ว มักจะได้เพราะความเกรงใจ และอิทธิพลที่มีผลจากการที่ สส ดึงงบประมาณมาจากสภาให้ตกได้แก่ท้องถิ่นของหัวคะแนน แต่ทั้งนี้ สส คนนั้นต้องมีเงินในการจัดตั้งด้วย หากไม่จ่ายเงินการจัดตั้งก็ไม่สำเร็จ

ดังนั้นการจัดตั้งจึงสามารถรู้ได้เลยว่า สส จะแพ้หรือชนะตั้งแต่ยังไม่หย่อนบัตรเลยครับ ดังนั้น พรรค จึงชอบ สส ที่มีคะแนนจัดตั้งมากกว่า สส. ที่ประชาชนชอบครับ เพราะไม่อาจกำหนดได้ว่าจะชนะหรือแพ้ครับ เพราะ 1 เสียงของ สส มีผลต่อพรรคยี่งนัก สามารถกำหนดชะตาของพรรคได้ว่างั้นเถอะ

และเมื่อจะรวมพรรคให้ตนเป็นเสียงข้างมากในสภา พรรคที่จะรวมด้วย ก็ต้องพูดถึงการจัดตั้งของ สส.ในพรรคของตน ที่ต้องใช้เม็ดเงินที่ใช้ไปทั้งหมด และหากพรรคไม่ได้เงินจากการจัดตั้ง รบ. จะเอาเงินที่ไหนไปจัดตั้ง สส. มาครับ ธุรกิจมั๊ยครับ คำว่าจัดตั้งจึงมีที่มาดังที่กล่าวแล้วครับ

ก็จัดตั้งขึ้นมาไงจ๊ะ แต่น่าจะเฉพาะกิจ มากกว่านะ

คำว่าจัดตั้งน่าจะมาจากคำสมาทกันระหว่างคำว่าจัดการกับคำว่าตั้ง เรียเรียกว่าจัดตั้ง

ซึ่งในทางการเมืองก็หากไล่ไปหารากศัพท์แล้ว การจัดการทำอะไรหรือทำสิ่งนึงสิ่งใด

ให้ขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง หรือสามารถมองหรือเห็นได้ น่าจะเรียกว่าจัดตั้งครับ

โดยการจัดตั้งนี้ ก็มีเกิดขึ้นมานานแล้ว อาทิการตั้งกองผ้าป่า กองกฐิน ที่มีผู้นำในการ

ไปหาวัด ในการนำกองกฐินหรือผ้าป่าไปทอด โดยการตั้งกองผ้าป่าหรือกฐินก็จะมีผู้นำ

และอาจแบ่งให้มีคนหรือคณะทำงาน แบ่งเป็นสายๆในการไปหากรรมการเพื่อนำมาประ

กอบกันเข้าเป็นกองกฐินหรือผ้าป่า

การเมืองก็เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเราอาจมองเห็นการรวบรวมกลุ่มคนขึ้นมา เพื่อใช้ใน

การสร้างทางเลือกในการเลือกตั้งในแต่ละครั้งบ้าง หรือบางครั้งอาจเห็นในเรื่องของการ

รวมการเฉพาะกิจเพื่อการต่อรองของพรรคขนาดกลาง ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นเพื่อใช้ในการ

ต่อรอง เพราะพรรคขนาดกลางหากเทไปอยู่ซีกหนึ่งฝ่ายใดแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้เป็นรัฐบาล

อย่างแน่นอน ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็à¸��การจัดตั้งได้เหมือนกัน

ดูเหมือนว่า ตัวหนังสือที่ใช้เพื่อพยายามอธิบายการกระทำนี้มากมายก่ายกองเหลือเกินค่ะคุณดุ๊ก เข้ามาอ่านเป็นความรู้ แต่ความรู้นี้ ดิฉันรับไม่ได้ ไม่เข้าใจ เปลืองจัง ทั้งตัวอักษรและตัวเงินที่ต้องหมดไปกับการกระทำอะไรก็ไม่รู้ อายุไม่ได้มาควบคู่กับคุณธรรมจริยธรรมเลย คุณว่ามะ

หลายๆท่านอธิบายไว้ค่อนข้างชัดเจน คะแนนจัดตั้งมีทั้งแบบใช้เงิน แบบใช้ชื่อเสียง หรืออาจจะผสมกันทั้งสองส่วน ผมขอเพิ่มความคิดเห็นอีกหน่อย คือระบบคะแนนจัดตั้งผู้จัดตั้งจะต้องตรวจสอบอ้างอิงได้ เช่น สมมุติว่าใน1หน่วยเลือกตั้ง รายชื่อผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเท่ากับ 1,000คน สมมุติคะแนนจัดตั้งอยู่ที่ 300 คน ถ้าผลการนับคะแนนของหน่วยนั้น แตกต่างจากคะแนนที่จัดตั้งไว้มาก หัวคะแนนที่ดูแลรายชื่อของหน่วยนี้ก็จะมีปัญหา ไปไหนมาไหนก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ และถ้าถามว่ามีพรรคไหนที่ใช้คะแนนจัดตั้ง ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามีทุกพรรค ทุกเขต

และในเมื่อผู้สมัครทุกคนใช้ระบบนี้อยู่แล้ว ถ้าคุณเป็นคนใหม่ของวงการ คุณคิดว่าคุณจะทำตามเขาหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เขาเอาเปรียบคุณ โดยที่คุณไม่ต้องสนใจทำคะแนนจัดตั้งเหมือนคนอื่นเขา ดังนั้น ไม่ว่าจะมีหน้าใหม่เข้าวงการมาอึกเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้นระบบนี้

ซึ่งผมคิดว่าทุกคนในวงการเมืองก็รู้ดี จึงมีการพยายามให้คนออกมาใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด โดยออกกฎหมายการตัดสิทธิ์ทางการเมือง บางประการของผู้ที่ไม่ออกมาใช้สิทธิ์ และผมก็คิดว่าการที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องการให้ รัฐบาล แก้รัฐธรรมนูญ ในหมวดกฎหมายการเลือกตั้งจากรวมเขตพวงใหญ่ ให้เป็นเขตเล็กแยกคน ก็เพื่อการควบคุมและตรวจสอบคะแนนจัดตั้งนี้เอง เพราะถ้ารวมเขà¸��พวงใหญ่ คะแนนจัดตั้งจะทำเฉพาะคนในพวงนั้นลำบาก ถ้าทำรวมก็ครวจสอบอ้างอิงได้ยาก ใช้งบสูงเพราะจำนวนผู้มีสิทธิ์ในวิธีรวมเขตจะมีจำนวนมาก

โดยส่วนตัวผมอยากให้ออกกฎหมาย จ่ายค่าการใช้สิทธิ์ อาจจะซัก1,000บาท ให้ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อให้มีผู้ออกใช้สิทธิ์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อระบบคะแนนจัดตั้งจะได้ไม่เกิดผลกระทบกับการเลือกตั้งมากนัก และปชช.น่าจะออกมาใช้สิทธิ์มากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าทวีคูณ พอถึงเวลานั้น ผู้สมัครหรือนักการเมืองอาจจะเลิกใช้ระบบคะแนนจัดตั้งก็ไ้ด้ เพราะมันรับรองผลได้ยาก แต่ผมก็ยังคิดว่าเขาก็คงจะใช้กันต่อไป เพียงแต่จำนวนผู้ใช้อาจจะลดน้อยลงเท่านั้นเอง

ความหมายมันอยู่ในตัวอยู่แล้ว คือ ยกมาตั้งไว้ จะอยู่นานเมื่อไหร่ก็แล้วแต่สถานการณ์ จะตั้งเป็นหุ่น(เชิด) ตั้งเพื่อความเหมาะสม ตั้งเพราะมีการเรียกร้อง ผลย่อมมาจากเหตุเสมอไป ไม่มีเหตุการณ์เค้าไม่ตั้งขึ้นมาหรอก เปลืองงบประมาณ รึจัดตั้งขึ้นมาเพื่ออ้างจะใช้งบประมาณ 555

กทม. ในยุค พรรคประชาธิปัตย์ บริหาร

มีการจ้างลูกจ้างชั่วคราว ถึง สามผลัด เป็นจำนวนมาก ทุกเขต

เมื่อถึงเวลา เลือกตั้ง ก็คงมีคนกลุ่มนี้ เห็นคุณงามความดีของพรรคนี้บ้างล่ะ ปัดโธ่ ! มีกินมีใช้ทุกเดือน จะไม่ทดแทนคุณกันบ้างหรือ

ชื่อมันเรียกว่าลูกจ้างชั่วคราว แต่จริงจริงก็คือ จ้างกันไปตลอดชีวิตน่ะแหละ

การ "จัดตั้ง" หมายถึง การดำเนินการใดๆที่มีการวางแผนงานไว้อย่างรัดกุมแล้วที่จะสามารถหวังผลได้ตามเป้าหมาย ซึ่งมักจะใช้เรียกกันใน "วิธีการรูปแบบหนึงของการรวบรวมคะแนนเสียงผู้สนับสนุนของตนไว้ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง" ซึ่งอาจไม่ใช่การได้เสียงสนับสนุนที่มาจากเฉพาะการซื้อเสียงเท่านั้น เช่น การบล๊อคโหวตเพื่อให้ออกเสียงโหวตไปในทิศทางเดียวกัน หรือการรวบรวมผู้ให้การสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมต่อการเลือกตั้งของตน กล่าวคือ เมื่อมีการเลือกตั้งขึ้นมาครั้งใดแล้ว พรรคการเมืองที่คาดหวังผลการแพ้ชนะอย่างเด็ดขาดจริงจังก็มักจะไม่รอให้มีผลการเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างธรรมชาติเพียงอย่างเดียว พรรคการเมืองเหล่านั้นมักจะต้องมีขบวนการในการรวบรวมผู้สนับสนุนของตนเองไว้อย่างชัดเจนอีกทางหนึ่งด้วย โดยจะสรรหาหัวคะแนนที่ตนเชื่อถือได้ให้มาเป็นพวกเพื่อเป็นแกนนำในแต่ละสายแต่ละกลุ่มของตนที่จะเรียกว่า "คะแนนจัดตั้ง" ซึ่งจะใช้ควบคุมเสียงในพื้นที่ที่ตนคาดหวังให้เป็นไปตามเป้าหมายของตนเพียงอย่างเดียว โดยอาจจะมีการใช้เงินทองเป็นค่าใช้จ่าย เป็นรางวัล หรืออาจใช้แค่ศรัทธาเพียงอย่างเดียวก็ได้ ซึ่งเมื่อมีการบันทึกรวบรวมผลไว้ได้แล้วก็จะสามารถคาดเดาผลการแพ้ชนะของการเลือกตั้งครั้งนั้นในพื้นที่นั้นๆได้เลย โดยเฉพาะถ้าหากในพื้นที่นั้นๆมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันน้อยๆก็ยิ่งจะทำให้ฝ่ายที่มีคะแนนจัดตั้งเป็นทุนอยู่แล้วก็ย่อมสามารถควบคุมคะแนนเสียงของตนเองได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในกรณีนี้ "คะแนนจัดตั้ง" จะมีผลสูงสุดต่อผลของการเลือกตั้งที่สุด ฉะนั้น ขบวนการ "จัดตั้ง" จึงนับได้ว่าเป็นสิ่งà��—ี่จำเป็นอย่างยิ่งของเหล่า "นักเลือกตั้ง" ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนกลุ่มไหนก็ตามที่พึงจะต้องกระทำควบคู่กันไปด้วยในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งเสมอ...นั่นเอง

ฐานเสียงจัดตั้ง ก็พรรคการเมืองทุกพรรคมีคะแนนเสียงที่เป็นพวกของตัวเองแน่นอนแล้ว ส่วนรัฐบาลจัดตังก็มีเช่น รัฐบาลของคุณ ธานินทร์ กรัยวิเชียร คณะปฎิรูปจัดตั้งให้ รัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ คมช.ก็จัดตั้งให้ ส่วนรัฐบาลปัจจุบันก็ใช่ทหารจัดตั้งให้ เพราะไปจัดตั้งกันในค่ายทหาร มันเป็นความจริง ความจริงเป็นธรรมชาติ ความจริงไม่จำเป็นต้องจัดตั้ง เพราะมันคือความจริง