Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณ���มบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

เห็นรูปทางตาแล้วไม่รวบถือหรือแยกถือ คืออะไร?

การสำรวมจักขุนทรีย์ เป็นวิธีหนึ่งที่จะปิดกั้นไม่ให้อกุศลธรรมคือ อภิชฌา (มักพบคำแปลบ่อยๆว่า "โลภอยากได้ของเขา" แต่ดิฉันชอบคำแปลที่พระคุณเจ้า ป.อ.ปยุตฺโต แปลไว้ในที่หนึ่งว่า "ความร่านทะยานอยาก" มากกว่าค่ะ) และโทมนัส (ความทุกข์ใจ) ครอบงำได้

เช่นเดียวกับการสำรวมอินทรีย์อื่นๆ

อยากถามว่า การ "รวบถือ" และ "แยกถือ" คืออะไรค่ะ

อัปเดต:

************

ขอเพิ่มเติมรายละเอียดอีกเล็กน้อยค่ะ (ขอบพระคุณค่ะที่เตือนนะคะ)

ในมรรคมีองค์ 8 ข้อสัมมาวายามะ ความพยายามชอบ คือเพียรระวังอกุศลธรรมไม่ให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เพียรสร้างกุศลธรรมให้เกิด และเพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว

ในการสร้างฉันทะ ปรารภความเพียร ประคองจิต มุ่งมั่นเพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้นนั้น เรียกสังวรปธาน

ซึ่งการปฏิบัติคือ การสำรวมอินทรีย์ เพื่อไม่ให้เป็นเหตุให้อกุศลธรรมครอบงำได้ และการปฏิบัตินั้น คือเมื่อรู้รูป รส กลิ่น เสียง ธรรมารมณ์แล้ว ไม่รวบถือ ไม่แยกถือ

การรู้รูปทางตาแล้ว ไม่แยกถือ ไม่รวบถือ อันเป็นคำถามนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสำรวมค่ะ

อัปเดต 2:

การสำรวมอินทรีย์นี้ เรียก ทมา ปฏิปทา (อินทริยทมนปฏิปทา) ด้วย เพราะเป็นข้อปฏิบัติที่ข่มอินทรีย์ทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ให้ถึงความสำรวมอินทรีย์

อัปเดต 3:

การสำรวมอินทรีย์นี้ เป็นเพียงการปิดกั้นกิเลสใหม่ไม่ให้เกิดขึ้นเท่านั้นค่ะ ยังไม่ได้ขูดล้างของเก่าออก (ดังที่ปรากฏในสัมมาวายามะอยู่แล้ว ว่าปธานมี 4 สังวรปธานเป็นองค์ธรรมเพียงหนึ่งในสี่เท่านั้น)

อัปเดต 4:

ความเพียรในการสำรวมอินทรีย์เพื่อปิดกั้นอกุศลธรรม จัดเป็นวิริยะพละด้วย

อัปเดต 5:

ความหมายของการรวบถือ แยกถือ

รวบถือ (นิมิตฺตคฺคาหี - มองภาพด้านเดียว) คือมองภาพรวม โดยเห็นเป็นหญิง หรือชาย เห็นว่ารูปสวย เสียงไพเราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสที่อ่อนนุ่ม เป็นอารมณ���ที่น่าปรารถนาด้วยอำนาจฉันทราคะ

แยกถือ (อนุพฺยญฺชนคฺคาหี - มองภาพ 2 ด้าน) คือมองแยกเป็นส่วนๆไปด้วยอำนาจกิเลส เช่น เห็นมือ เท้า ว่าสวยหรือไม่สวย เห็นอาการยิ้มแย้ม หัวเราะ การพูด ว่าน่ารัก หรือไม่น่ารัก

ถ้าเห็นว่าว่าสวย น่ารัก ก็เกิดอิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่น่าปรารถนาด้วยอำนาจราคะ)

ถ้าเห็นว่าไม่สวย ไม่น่ารัก ก็เกิดอนิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาด้วยอำนาจปฏิฆะ หรือความขัดใจ)

9 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    ลากชีวิตเข้าวัด โบสถ์ สุเหร่า ก็ดีเหมือนกัน จะได้เวียนติกกริดล๊อคอยู่ในวังวนเศรษฐจิตสงคราม หาทางออกไม่พบ อีกหลายพันปี เหมือนทึ่เคยเป็นกันมา ไม่เคยสังเกตกันบ้างเลยหรือ ว่าบรรดาศาสดาล้วน ติดตั้งระบบออนไลน์ Tao OS สำเร็จนอกวัดโบส์สุเหร่ากันทั้งนั้น และปรากฏการณ์ทั่วโลกวันนี้ก็ฟ้องอยู่ ว่า วัดโบสถ์ สุเหร่า ส่องนำวิถีชีวิตสันติสุขไม่ได้

    สำรวมอินทรีย์ ผ่านผัสสะช่องไหน (ใน 5 ช่อง) ก็ทำไม่ได้ยั่งยืนจริง (ชั่วคราวได้โดยฝึกสมาธิพิธีข่มใจ (แปลว่าเก็บกดรอระเบิด -- เป็นสมาธิไสยศาสตร์/ Blind faith, ritual meditation) จนกว่าจะฝึกสมาธิปลดปล่อยยามเคลื่อนไหวใชัชีวิต 6 spontaneous <> simultaneous, wireless senses ขี่คร่อม 5 neuro senses

    สำรวมมาจากศัพท์ Integration อำนาจสำรวม nano-integrity มาจาก 6 senses, wireless biocomputer (กายทิพย์/ กายพลังงาน: energybody parameter set ของ Cosmos <> soul <> mind synchrony โลกกุตรธรรม Upper Ionization Whirling) overriding 5 sense, neuro biocomputer (Mind <> Body <> Surrounding touch โลกียธรรม Lower Ionization Whirling)

    ถ้าคอมพิวเตอร์ตัวบน ขี่หลังตัวล่างวันยังค่ำในคน นั่นคือภาวะเทวมนุษย์สานังบังเกิด (บน Pathway โสดาบัน อรหันต์) กระแสอภิญญาญาณ หมุนวนผ่าน Chiasma Passage (ช่องกากะบาทใต้สมองกลางต่อสมองหลังต่อก้านสมอง) กระบวนการชีวิต (Ionization manifesting materialization) เดินจักรชีวิต Ozonization เป็นกระแสหลัก (กระแสนิโรธ: Rapturism (Fr: Eudaemonism/ สุขยาธรรมา/ กงล้ออภิธร���ม/ เต๋า Fortune Wheel) -- คือทางสายกลาง Interbeing Pathway (วิถีพ้นทุกข์/ วิถีสุข) -- BioNet System

    ทุกชีวิต (ตั้งแต่ Cosmos, stars, planets, bacteria, plants, animals, man beings, human beings) เป็นกระบวนการ metaphysichological ionization (6 senses, wireless biocomputer) manifesting metaphysical ionization (5 senses, neuro biocomputer)

    คอมพิวเตอร์ตัวล่างกำพร้า (orphaned 5 senses, neuro metaphysics) disconnect ตัวบน ขณะ TTT (think, talk, touch) ด้วย Feeling รัก/ ชอบ)/ เกลียด/ โกรธ/ โลภ/ อิจฉา/ พยาบาท เกินพอดี เป็นกระบวนการ disintegrative Benzined Ionization เผา membrane's chromosomes ของเซลล์แตกตัวเกิดใหม่แทนเซลล์เก่า จนเม็ดเลือดขาวหลง(ผิด) จำ RNA (ระบบโทรคมนาคมสื่อ ID ของ DNA คุณ) ไม่ได้นึกว่าเป็นศรัตรูของร่างกาย รุมสกรัมบุฟเฟ่ต์ (แบบ อศฉ. จำไม่ได้ว่าเสื้อแดงก็คนไทยที่บรรพบุรุษเขาช่วยรักษาแผ่นดินนี้ไว้เหมือนกัน)

    สรุป 5 senses, neuro metaphysics (lower upper biocomputer กมลสันดานคน (ช่างคิด) สัตว์ (ช่างมั่ว หึง หวง ผูกขาด ครอบงำ ไล่ล่า เข่นฆ่า ทำลายล้าง สังวาสตามกระสันต์) บนฐานความรู้ ego self [intellect+ต่อมอารมณ์+ต่อมเสพย์ติดกริดล๊อค 5 เคย (เคยรู้ เคยคิด เคยชอบ เคยเชื่อ เคยชิน)] พลวัฒน์วงจร ionization กระแสร้อน แผดเผา lock off Cosmos <> Soul จิตลากกระแสไปหนุนสมองและพยุงกาย วิญญาณป่วย (วิญญาณคือ Substation ของอำนาจฟ้าดิน) กายป่วย ดำรง Humanism Integrity (the Noble Self) ไม่คงที่ แตกแยก พาตาย -- ที่วุ่นวาย ทุกหย่อมหญ้าทั่วโลกวันนี้ เพราะเหตุนี้

    ค้นต่อเติมแจ้ง (พอประมาณด้วยตนเองก่อนนะ) พร้อมจะฝึกใชัชีวิต หมุนจักรชีวิตมหาปุริสธรรม/ อภยากตาธรรมา มหาญาณ/ มหาธรรมจักรกัปวัฒนสูตร (BioNet hosting living) ค่อยบอกไป จะปูพรมสีหวานบานเย็นมารับ (เรื่องเล็ก ๆ ยิ่งใหญ่ที่คนอยากใหญ่มองข้ามน่ะ อย่าคิดมาก Sanctified feeling kinเdom ของคุณคือความว่างแห่งความยิ่งใหญ่ ถนอมมันไว้ นะนางฟ้านะ): http://www.perfspot.com/AesopMice

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    อย่าไปคิดให้ลึกเกินไปเพราะการที่เที่ยวเอามาขยายตà¹��อกันจนเกินที่บุคคลจะรับได้นะมันปิดกั้นตัวเองจากการพยายามเข้าใจมาเป็นการเอาชนะต่อความเข้าใจ..

    คิดง่ายๆแบบไม่ยึดติดก็... รวบถือ ก็แค่เหมาพิจารณารวมเป็นหนึ่ง.. แยกถือ คือ แยกขยายรายละเอียดที่จะพิจารณามากเกินไป ... คิดเอาเองง่ายๆ เห็นทางตาก็มองแบบเป็นกลางๆที่จะสามารถเข้าใจได้อย่างเป็นจริง.....สังเกตุดูกุญแจสำคัญมีคำว่า ไม่ อยู่ด้วยน่ะซี..คิดมากไปก็มี 2 อย่างไม่ได้ กับไม่คุ้ม....จบ

  • SATAN
    Lv 6
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    การรวบถือ อาจหมายถึง การนำเอาสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัสทั้งห้าคือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มาทำให้เกิดความรู้สึก ชอบ ไม่ชอบ (เวทนา) และเกิดตัณหาตามมา จนเกิดเป็นอุปาทาน ตัวกู ของกู ในที่สุด แล้วตัว เวทนา ตัณหา อุปาทาน ทำให้เกิดความอยากและเป็นทุกข์

    การแยกถือก็คงหมายความ แยกเบญจขันธ์ ออกพิจารณา ว่าเป็น รูป เวทนา สัญญา สังขารและ วิญญาณ เพื่อทำให้เกิดนิวรณ์ ว่าทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง (ตอบตามความเข้าใจนะครับ)

  • ?
    Lv 5
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ...........ยุบหนอ พองหนอ..........

    แหล่งข้อมูล: เจ๊
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ผมว่าคงเข้าใจดีอยู่แล้วคงไม่ต้องไปอธิบายอะไรมาก

    แต่พอเวลาอ่านแล้วต้องไม่ขยายความมากเอาแค่เนื้อๆพอน้ำที้งไปบ้าง

    ทราบเพียงว่า แค่ให้รู้ว่าเป็น รูป รส กลิ่น เสียง ธรรมารมณ์ แล้วปล่อยซะอย่าปรุงแต่ง ตั้งสมาธิจิตต่อไป

  • MI1
    Lv 4
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ทังสองกรณีมีถือ เป็นที่สุด การถือก็หมายถึง ยังอยู่ ครองไว้ ยังไม่ได้สละทิ้ง รวมถือ หรือ แยกถือ ที่สุดแล้วก็ต้องถืออยู่ มี่อยู่ คืออะไร คือใจที่ถืออยู่มีอยู่ แล้วจะทำอย่างไรหากต้องถืออยู่คำตอบคือ ต้อง สติ อย่างเดียวนะ

  • on-ces
    Lv 5
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    คุณอันตี้ค่ะ ขอข้อความยาวกว่านี้หน่อยได้หรือไม่ค่ะ

    ไม่รู้ว่าคำตอบที่คิดอยู่ถูกหรือไม่ ถ้าได้บริบทของข้อความนี้ด้วยจะดีมากเลยค่ะ

    แต่ถ้าเป็นคำถามเพื่อทดสอบเชาว์ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องใส่เพิ่มแล้ว

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เข้ามาขอความรู้ครับ...

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    อายตนะทั้ง 6 ทั้งภายนอก และภายใน (ภายในคือ ตา ภายนอก คือ รูป จมูกก็ภายใน กลิ่น ก็ภายนอก เป็นต้น)

    หากเรารู้ในสติสัมปชัญญะ และปราศจากตัณหา คือ ความทะยานอยากใน อายตนะดังกล่าว เราก็น่าที่จะขจัดกิเลสได้ทางหนึ่ง แต่à¸��าจจะต้องใช้วิปัสนาญาณควบคู่ด้วย

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้