Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

? ถามใน ครอบครัวและความสัมพันธ์ครอบครัว · 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

รักแล้วเหนื่อยเรายังจะรักต่อไปไหม?

เรื่องของความรักที่เรารู้ว่าเรารักเขามาก และก็รู้ว่าเขาก็รักเรามากเช่นกัน ไม่ได้คิดไปเอง ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ระยะเวลาที่คบกันก็นานพอ ผ่านอะไรมาด้วยกันก็มาก

แต่การกระทำบางอย่างของเขาที่ทำให้เราเหนื่อยใจ และมันเกิดขึ้นซ้ำซาก คุยแล้ว บอกแล้วแต่ก็ยังซ้ำแบบเดิมๆ จนเหนื่อย

ความไกลกันมันคืออุปสรรคใหญ่ อาศัยการโทรคุยกัน คุยทุกวัน ทุกครั้งที่เราว่าง จนตีหนึ่งตีสอง

แต่บางครั้งเขาเครียดและเงียบไป หายไปข้ามคืน โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ เราห่วงแทบตายกลัวเขาะได้รับอุบัติเหตุ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาเคยแต่มาหาเรา แต่เรายังไม่เคยไปหาเขา ไม่รู้จะติดต่อยังไง การรอคนที่เรารักอย่างไร้จุดหมาย คือความทรมานอย่างที่สุด เป็นแบบนี้มา 2 ครั้ง จนเขาสัญญาด้วยน้ำตาลูกผู้ชาย จะไม่ทำให้เราห่วงอีก ถ้ามีอะไรจะบอกเราทุกครั้ง จะไม่ทิ้งเราไว้กับคำถาม

สุดท้าย.. วันนี้เขาก็เป็นอีก ติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ ทั้งที่นัดเจอกันพยายามคิดว่าเขาคงไม่เป็นอะไร แต่ใจมันก็ฝืนไม่ได้ ห่วงสารพัด ได้แต่รอ รออย่างทรมาน อย่างน้อยถ้าโทรศัพท์เสีย ทำไมไม่โทรตู้มา ได้แต่รอจนถึงพรุ่งนี้เพื่อจะเช็คไปที่ทำงาน แต่กว่าจะผ่านนาที ผ่านชั่วโมงไปได้ มันทรมานอย่างที่สุด

ถ้าเขาเป็นอะไรไป เราจะมีชีวิตต่อไปยังไง

หรือถ้าเขาไม่ได้เป็นอะไร เราจะไปต่อ หรือขอเวลาพักใจ ห่างกันสักพักดีไหม ถ้าเราเหนื่อยใจขนาดนี้

แต่สิ่งดีๆ ในตัวเขา ความรักความอาทรที่เขามีให้เรามันก็มาก คือสิ่งที่ทำให้เราอภัยเขาเสมอมา

คิดไม่ตกค่ะ

อัปเดต:

การโทรคุยกันทุกวันนั้น เป็นสิ่งธรรมดาสำหรับเรา เกือบปีที่เราคบกัน ก็คุยกันทุกวัน ทุกครั้งที่คุยกัน เราต้องพยายามเตือนกันว่า นานไปแล้วนะ ดึกแล้วนะ พักผ่อนกันเถอะ ไม่ใช่การบังคับ การรายงานตัวใดๆ เลย เพราะเหตุนี้แหละทำให้เวลาเขาหายไป เราถึงห่วงที่สุด ถ้านานๆ คุยกันที นั่นแหละค่ะ เราถึงจะไม่คิดอะไร ไม่ห่วงมาก

อัปเดต 2:

บางครั้งเขาไม่สบาย เราก็สั่งแล้วว่าให้รีบนอนไม่ต้องโทร แต่เขาก็ยังพยายามจะโทร ความรู้สึกที่มีไม่ใช่ว่าอยากบังคับเขา แค่ห่วงค่ะ

อัปเดต 3:

คุณหนูเล็กคะ จะบอกว่าวันนี้พยายามเข้มแข็งที่สุดแล้ว แต่อ่านคำตอบคุณหนูเล็กแล้วทำนบแตกเลยค่ะ แต่ยังเชื่อในความรักและความเป็นสุภาพบุรุษของเขาค่ะ

อัปเดต 4:

เขาก็ย้ำเสมอว่าให้เชื่อในความรักของเขาว่าเขารักเรามาก รักจนไม่อยากให้เราทุกข์กับเขาในหลายเรื่อง เขาอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเขาเองก่อน ถ้าไม่ไหวแล้วจะบอกเอง

แต่เราก็อดห่วงเขาไม่ได้ อยากร่วมทั้งสุขและทุกข์กับเขา

มันไม่พอดีเลยนะคะ

ขอโทษนะคะ ที่ความอัดอั้นต้องมาระบายในนี้ ขอบคุณทุกท่านค่ะ

อัปเดต 5:

ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นค่ะ เมื่อเขากลับมา คำแรกที่ได้ยินจากปากเขาคือ "เธอเป็นอะไรไหม" ไม่ใช่คำแก้ตัว คำขอความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น เราคุยกันเยอะ สุดท้ายสิ่งที%

อัปเดต 6:

ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นค่ะ เมื่อเขากลับมา คำแรกที่ได้ยินจากปากเขาคือ "เธอเป็นอะไรไหม" ไม่ใช่คำแก้ตัว คำขอความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น เราคุยกันเยอะ สุดท้ายสิ่งที่ตัดสินใจคือ ดิฉันยังเลือกที่จะอยู่ข้างเขา เป็นกำลังใจให้เขา ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ซึ่งมันหมายถึงความรักที่เขายังมีให้เราเสมอ

ขอบคุณนะคะที่เพื่อนๆ ทุกคน ช่วยถางทางที่ดูเหมือนแคบและตีบตันเหลือเกินให้มันกว้างขึ้น ทุกๆ คำตอบดิฉันได้นำมาคิดพิจารณา และได้เตือนตัวเองจริงๆ ค่ะ

19 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • Kimmim
    Lv 7
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    ดิฉันก็"เคยมี"คนที่รักมากๆขนาดนี้และ"เคยเป็น"อย่างที่คุณรู้สึกมา...แต่ ณ วันนี้ดิฉันไม่เป็นอีกแล้วค่ะด้วยหลายๆเหตุผลคือ

    1.การที่เรารักเขามากๆห่วงใยและคิดถึงมากจนสุดลิ่มทิ่มประตูขนาดนี้..เขาเองเขาก็รู้ดี เขาจึง"พยายาม"ที่จะติดต่อกลับมาเพราะรู้ว่า ถ้าไม่ติดต่อกลับหรือเงียบไปเราจะกระวนกระวายขนาดไหน? มันเลยทำให้ดิฉันรู้สึกว่า ดิฉันกำลังเป็นภาระทางอารมณ์สำหรับคนที่ดิฉันรักอยู่รึเปล่า? ไม่สบาย..ก็ต้องตะเกียกตะกายโทรมาหา ซึ่งเราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้นอกจากคุยทางโทรศัพท์แทนที่เขาจะได้เอาเวลานั้นไปพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นตัวแข็งแรงขึ้นโดยเร็วไม่ดีกว่าหรือ

    2.ดิฉันคิดว่า"คนรักกัน..ควรจะเข้าใจกันให้มากที่สุด"....ดิฉันกับเขาคนนี้เหมือนกันอยู่อย่างคือเราเป็นคนบ้างานทั้งคู่ หากทำงานจะทำเกินร้อยเสมอ ทุ่มสุดตัวจนหลายๆครั้งเราลืมที่จะกินข้าวด้วยซ้ำไป แล้วการที่ต้องมาพะวงกับจะต้องโทรศัพท์หาเนี่ย มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างรบกวนสมาธิในการทำงาน ดิฉันต้องปรับความคิดตัวเองใหม่ว่า"ไม่มีใครรู้ตารางของใครดีกว่าเจ้าตัว"ครั้นจะให้เราหรือเขาต้องมาแจงรายละเอียดงานกันยิบตลอดทุกความเคลื่อนไหวมันก็คงไม่ใช่และคงเป็นไปไม่ได้เพราะบางทีงานก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตารางระหว่างวันเช่นกัน หากดิฉันหรือเขาจะต้องมานั่งกังวลว่า"เอ...ตอนนี้เราหายไปนานแล้วรึยัง/ควรต้องโทรรึยัง" ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นตัวถ่วงความเจริญก้าวหน้าในงานของเขา

    3.ดิฉันจะเป็นคนที่..หากเครียด..จะขอใช้เวลาอยู่คนเดียวเงียบๆสักพักเพื่อใช้สมองอย่างหนัก ใครก็ห้ามมายุ่งเด็ดขาด เอาไว้ผ่อนคลายลงเมื่อไหร่ดิฉันจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาทุกคนเอง มันทำให้ดิฉันยิ่งเห็นใจเขามากขึ้น

    ก็เวลาเขาเครียด..เขาก็คงรู้สึกเหมือนดิฉัน แต่จะเงียบหายไม่ได้เพราะดิฉันไม่ได้เครียดกับเขานิ แต่ดิฉันจะเครียดเพราะเขาหายไปซะมากกว่า.. มันเลยเหมือนกับว่าดิฉันกำลังเอาเปรียบเขาอยู่.. ดิฉันเลยต้องพยายามควบคุมตนเองให้มากขึ้น, เอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น.. ไม่ใช่ว่า"รู้ว่าเขารัก เขาจึงต้องทำให้ดิฉัน"...ดิฉันก็อยากจะให้เขามีความสุข-แฮปปี้กับสิ่งที่ดิฉันทำเพื่อเขาบ้าง แล้วอะไรล่ะที่ดิฉันจะทำให้เขาได้บ้าง....

    -อย่าห่วงให้มากเกินไป..คิดซะว่าธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนย่อมมีสัญชาติญานในการเอาตัวรอดเสมอ เราอยู่ห่างเขา ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนักนอกจากฟัง และเป็นกำลังใจให้ ดังนั้น..บางที การเงียบของเรา ก็เป็นกำลังใจที่ดีสำหรับเขาได้..ให้เขารับรู้ด้วยความรู้สึกว่า หากคุณเหนื่อย,ท้อ,ล้า...ยังมีฉันที่รอคุณอยู่เสมอตรงนี้ทุกเวลานะ

    -คิดซะว่า เราเป็นแฟนไม่ใช่เป็นแม่เขา..แม่เขาเขายังไม่ต้องรายงานขนาดนี้เลยทั้งๆที่ความห่วงของแม่ มันต้องมากกว่าแฟนอยู่แล้วล่ะ หากเราคือความสุขของเขา...ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาวะไหน เขาจะนึกถึงเราเป็นคนแรกแล้วติดต่อมา แล้วเรานี่แหละที่พร้อมจะร่วมด้วยหรือฉุดดึงเขาได้ทุกสภาวะการณ์ ..ใหม่ๆเราอาจยังไม่ชิน ยังคงจะติดวุ่นวายใจอยู่บ้าง ก็ให้หางานของตนเองทำไป ทำตัวทำสมองตัวเองให้วุ่นเข้าไว้ แล้วมันจะค่อยๆปรับไปได้เองโดยอัตโนมัติ...เราเองก็จะไม่รู้สึกว่า"ต้องรอ"แล้วมันก็จะไม่รู้สึกผิดหวัง,เสียใจ,เหนื่อยซ้ำๆซากๆอีก...เขาเองก็จะรู้สึกโล่งและเบาขึ้น...ความรักมันก็จะเจริญงอกงามมากขึ้น

    4.คิดซะว่า"การห่วงมากไป = แช่ง" ...อันนี้ไปอ่านเจอในหนังสือซึ่งเป็นเรื่องจริงของผู้เขียน คือห่วงสามีมากเกินไป..คิดไปเองเป็นตุเป็นตะสารพัดในทางร้ายเสมอจนพระอาจารย์ต้องเตือน ว่าเหมือนกับการแช่งเขาไปในตัว แต่ผู้เขียนคนนั้นก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้และยังคงคิดมาตลอด จนในที่สุดสามีเธอก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเข้าจริงๆ

    มันไม่ใช่"การรออย่างไร้จุดหมาย"หรอกนะคะเพราะคนที่รักเราน่ะ หากเขาจะหายไปนานผิดปกติเช่น เคยโทรมาทุกวัน แต่จะต้องหายไปสัก 3-5วัน เขาจะบอกล่วงหน้า หรือไม่ก็รีบติดต่อกลับมาทันทีที่สามารถทำได้พร้อมทั้งขอโทษเราเช่น เมื่อวานไม่ได้โทรเพราะอะไร

    แต่การรออย่างไร้จุดหมายคือ เขาไม่แคร์ว่าเรารอ จะเป็นเดือน, หลายๆเดือน ก็ไม่แยแสที่จะโทรมาหา...ครั้นเราโทรไปหาก็บอกสั้นๆว่ายุ่งอยู่แล้วขอวางสาย ถ้าเราโมโหและบอกว่าจะตัดใจเลิกยุ่งแล้วนะเขากลับมาง้อขอโทษขอโพยแล้วบอกว่าทีนี้จะโทรมาหาบ่อยๆไม่หายไปนานหลายเดือนอีก...แต่สุดท้ายเขาก็หายไปหลายเดือนอีก...แบบนี้ขอแนะนำว่า จงทำตัวให้หายไปจากเขาซะเอง ไม่ต้องไปรื้อฟื้นความจำเขาแล้วว่ายังมีเราอยู่ตรงนี้อีกคน

    ดิฉันจะไม่ให้ใครมาพูดได้ว่า"รักแท้แพ้ระยะทาง" ต่อให้อยู่ไกลกันแค่ไหน แต่ถ้าดิฉันจะรัก...ก็จะรักให้ดีที่สุด

    รักอย่างมีเหตุมีผลเหนืออารมณ์ รักด้วยความพยายามเข้าใจมากกว่าให้อภัย(เพราะหากคุณเข้าใจ...คุณจะไม่จำเป็นต้องมีคำว่าอภัยเลย ไม่ว่าเขาจะทำอะไร..คุณจะตอบตัวเองเสมอว่าก็เพราะเขาเป็นยังงี้เขาจึงทำอย่างนี้ ถ้าไม่ทำสิแปลก-ไม่ใช่เขาหรอก และเพราะเขาเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ?เราถึงรักเขาน่ะ ดังนั้นอย่าเปลี่ยนเขาเลย..เพราะถ้าเขาเปลี่ยนไป..เขาจะไม่ใช่คนที่เรารักแล้วล่ะ)

    หลายๆคนบอกว่า รักแล้ว....ต้องทน, ต้องอภัย, ฯลฯสารพัดต้อง

    ดิฉันงงนะ...มีรักแล้วทำไมมี"ต้อง..."

    ความรักมันเกิดจากการรู้จักใน"ตัวตน"ของกันและกันอย่างแท้จริงไม่ใช่เหรอ?

    มันเกิดจากการยอมรับ"ซึ่งกันและกัน"ไม่ใช่เหรอ?

    เมื่อรู้จักเป็นอย่างดี...เข้าใจแล���ยอมรับได้อย่างดี....แล้วทำไมถึงต้องทน-ต้องอภัย?

    มันจะไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้นหรอกค่ะถ้ามันคือความรักที่แท้จริงจากใจทั้งดวง..ทั้งหมดที่เรา(และเขา)มี

    ไม่จำเป็นต้องมี"คำอธิบาย"ใดๆเลยด้วยซ้ำ(ต่อให้ไม่ต้องจ้องตากันด้วยซ้ำ)

    เพราะหากใจสองดวงเชื่อมต่อหากันแล้ว..ต่อให้ไร้เสียง..ก็สามารถสื่อ-สัมผัสกันได้ด้วยความรู้สึกค่ะ ^^o

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    อยากบอกว่า "มีอะไรให้พูดคุยกัน" เพราะการพูดคุยกันนั้น เป็นหนทางที่ดีที่สุดและนำมาซึ่งความคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

    อ่านที่คุณลิลลี่พิมพ์มาทั้งหมด ก็เหมือนกับระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาออกมาหมดแล้ว ถ้าเขาได้รับรู้อย่างที่คุณลิลลี่บ่นมา สุภาพบุรุษผู้นั้นเขาคงรับรู้ เพราะหัวใจเขาก็มีเลื้อดเนื้อ มีวิญญาณ ยังไงก็คงรับรู้ความรู้สึกได้แน่นอน

    แต่บางครั้ง ภาระหน้าที่ เพื่อไปสู่ความสุข ความมั่นคงมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ก็คงมีความเหนื่อยล้า อ่อนล้า หรือเป็นไข้บ้าง เป็นเรื่องธรรมดา (ย่อหน้านี้เหมือนแก้ตัวให้เลยว่ะ)

    ผมเชื่อว่าเขาคงเข้าใจและคงปรับตัวเข้าหากัน บางครั้งบางที เวลาการปรับตัวเข้าหากันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ บางคู่อาจไม่ถึงปี บางคู่อาจจะนานกว่านั้น ก็ขอให้อดทน อดทน และ อดทน เชื่อเถอะว่าที่เขาหายไปคงไม่เป็นอะไร ถ้าเขาเป็นอะไรเชื่อเถอะว่านาทีสุดท้ายของเขาคงโทรมาหาคุณแน่นอน

    ครั้งต่อไป พอเขามาเจอ แนะนำว่า ให้เตรียมเหรียญบาทหรือเหรียญห้า ประมาณ 20 - 30 บาท พร้อมกระดาษเขียนเบอร์โทรศัพท์คุณเอาไว้ ใส่ถุงพลาสติกมัดยางให้แน่น เผื่อฉุกเฉิน มือถือแบตหมด

    สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า

    ความรัก...ไม่ใช่จุดสุดท้ายของความพยายาม

    แต่คือ...จุดเริ่มต้นของความเข้าใจ

    ขอตอบตามที่ถามมาว่า "รักต่อไป" ครับ

    เพราะ...รักแท้ เหนื่อยหน่อย...

    เสือ ธนพล เท่าที่มี

    http://www.youtube.com/watch?v=Ea42m3tgawQ&feature...

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    น่า น่า น่า ห่วงสุดที่รักแล้ว ก็ต้องดูแลหัวใจน้อยน้อยของเราด้วยนะ

    สุภาษิตจีนว่าไว้ว่า ยิ่งมีอุปสรรค ความรักยิ่งมั่นคง

    แต่ตอนนี้ ตอนที่เราเดิน ล้ม ลุก คลุก คลาน อยู่บนเส้นทางนั้น

    ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดของเราคือความเหนื่อยนั่นหล่ะค่ะ

    แล้วต้องทำไง สองข้างทาง ยังมีลำธารใสเย็นนะ มีที่นั่งเล่น มีนกน้อยร้องเพลง มีแมกไม้ให้ร่มเงาอยู่

    ต้องดูแลพละกำลังของตัวเราด้วยจ้ะ อย่าหักโหมกับจินตนาการห่วงใยเกินไป

    และที่สำคัญ ต้องเชื่อมั่นค่ะ เชื่อมั่นในความรักของเราที่มีต่อเขา เชื่อมั่นในความรักของเขาที่มีต่อเรา

    และแน่นอน ความรัก นำมาซึ่งสิ่งสวยงามเสมอ หากเราอดทนและอดกลั้นพอ

    จิตใจร้อนรนได้ ก็สงบเย็นลงได้

    เพราะหากไม่เคยร้อนรน จะรู้จักความสงบเย็นแท้จริงได้อย่างไร

    ไม่ต้องคิดอะไรค่ะ

    พักสมองบ้าง

    คลายเส้นประสาทตึงตึงทั้งหลายลงบ้าง

    อย่าลืมนะ ยิ่งเราตึง เค้าก็มึนไม่แพ้เราค่ะ

    "ซึ่งกันและกัน"นะ

    ถ้าเราสงบเย็นลง พลังนั้นย่อมส่งไปหาเค้าเช่นกัน

    แล้วระยะทางไกลแค่ไหน ก็ไม่สามารถมากั้นสองใจที่เชื่อในกันและกันได้เลย

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    รักแล้วเหนื่อย แล้วะจะรักต่อไปหรือไม่

    ตอบด้วยความมั่นใจว่า ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็จะรักตลอดไปค่ะ

    เพราะความรัก เป็นสิ่งที่ทำให้เราทั้งทุกข์และสุข

    แต่เราก็เต็มใจที่จะรับเข้ามาค่ะ : )

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เหนื่อยแล้วก็ยังรักต่อได้ครับ..

    ถ้าเขาทำให้คุณครูเหนื่อยใจ และเป็นเหนื่อยที่ ยิ้มออกไม่ว่ายามใด

    ..แต่ถ้าเหนื่อยแล้วยิ้มไม่ออก เป็นเหนื่อยที่ไม่มีคำตอบจากเขา

    เป็นเหนื่อยที่สร้างความงุนงง เหมือนโยนหินถามทางจากหน้าผาเต็มไปด้วยหมอก

    ไม่ได้ยินเสียงหินกระทบพื้น สายตามองไม่ผ่านสายหมอก

    ประมาณมิได้ว่ามันห่า่ง มันลึกจากที่เรายืนอยู่เพียงไร

    เหตุใดเมื่อเขาบอกว่า เขารักเรามาก

    แต่เขาไม่พยายาม-ไม่สามารถ หาวิธีหยุดความห่วง

    ความวิตกกังวลของเราเมื่อเขาไม่ติดต่อมา

    ทั้งๆที่เขานัดหมายไว้แล้ว

    ถ้าสิ่งที่คลางแคลงใจนี้ ไม่สามารถแก้ให้กระจ่างได้

    หลังจากมันเกิดมา 3 ครั้ง..

    ผมคิดว่า ทางข้างหน้า-ทางสายใหม่ น่าจะมีกลีบกุหลาบปูมากกว่าตอนนึ้

    อย่างน้อยก็หนึ่งกลีบ..

    ขอให้คุณครูหนักแน่น เป็นตัวของตัวเอง

    มองทุกอย่างในมุมกว้าง แล้วตัดสินใจนะครับ

    ขออนุญาตเอาใจช่วยคุณครู ให้พบกับความสุขที่มียิ้มครับ

    .

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    อยากให้เผื่อใจไว้สำหรับความผิดหวังสักนิด การคาดหวังกับคนอื่นมากมาย ทำให้เราเจ็บปวดค่ะ ฉะนั้น อยากให้ยอมรับสิ่งที่เขาเป็นมากกว่านะ เพราะนั่นหมายความว่า การทำใจ การเชื่อใจ การแสดงออกด้วยการพูดคุย การติดต่อไปมาหากัน เป็นสื่อที่ให้รู้ว่า เขาก็ยังรักคุณค่ะ และคุณก็ยังรักเขาคะ ควรปล่อยวางนะค่ะ การบังคับ การตื้อทำให้อีกฝ่ายอึดอัดคะ เมื่อคุณปล่อยวางจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพราะไม่ต้องคาดหวังจนเกินเหตุค่ะ ถือว่าให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ขอโทษนะคะ ดิฉันอ่านแล้วเข้าใจในความเป็นห่วง

    อยากให้ไปกันต่อ มากกว่าจะพักใจเพราะตัวคุณเป็นอย่างเดิมและเขาเป็นอย่างเดิม

    คือ เป็นลักษณะนิสัยของทั้งสองคน คุณจะพักใจโดยไม่ห่วง ไม่ได้หรือได้ไม่นาน

    ส่วนทางแฟนคุณ ก็จะโล่งใจ ทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันอย่างสบายใจขึ้น อย่างนี้

    ถ้าคิดว่า หลังจากพักใจแล้วจะเริ่มใหม่ มันก็เหมือนเดิม

    คือ เขาจะหาย คุณจะห่วง

    แต่ถ้า ลองคุยกันว่า เขาต้องการให้ห่วงขนาดนั้นไหม และเขาเข้าใจไหมว่าห่วงขนาดไหน

    เข้าใจแล้วจะมีวิธีการสื่อสารอย่างไรที่เขาจะไม่ต้องให้เวลาที่เขาอยากจะไม่ติดต่อ

    แต่สื่อสารให้คุณคลายความห่วงได้อย่างนี้คิดว่าน่าจะพอประคองกันไปได้ค่ะ

    (จริงค่ะ ยิ่งเรารู้ว่าจะทำอะไรในวันต่อไป มีปัญหาตรงไหนก็ยิ่งห่วงมาก รับรู้และรู้สึกได้ดูจะเป็น

    ความรู้สึกพิเศษระหว่างคนรักกับเรา คนเราไม่ได้จะมีความรู้สึกชนิดนี้กับใครได้ง่ายๆ พยายามต่อไปนะคะ)

    http://www.youtube.com/watch?v=YTSNOO53q4Y รักคือคำคำนี้

    แหล่งข้อมูล: ลองคิดดู
  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เฮ้อ...ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์เน้อ...

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    อ่านเรื่องราวของคุณแล้วนะค่ะ สรุปสั้นๆง่ายๆนะค่ะ บ้างที่คุณห่วงและยึดติดกับความรักเกินไป มันทำให้คุณคิดแต่เรื่องของแฟนคุณว่าเค้าทำอะไรอยู่ตอนนีเพราะ เราไม่สามารถติดต่อเค้าได้ ที่ผ่านมาคุณก็ติดต่อเค้าไม่ได้ แล้วพอติดต่อเค้าได้ เค้าเป็นอย่างที่คุณคิดหรือป่าวค่ะ เช่นเกิดอุบัติเหตุอย่างที่คิดหรือมั้ย? คุณลองนึกดูว่าถ้าเค้าเล่าให้คุณฟังแล้ว คุณจะเกิดอาการอย่างไรเช่น คิดมาก นอนไม่หลับ หรือป่าว? เค้าเลยไม่อยากบอกอะไรอีก ลองเปลี่ยนตัวเองใหม่ดีมั้ยค่ะ เช่น ปล่อยวาง หาอะไรทำที่ไม่ต้องมีเวลาไปคิดว่าเค้าจะทำอะไรอยู่ตอนนี้ แล้วความรักของคุณจะมีจุดหมาย และไม่เหนื่อยอีกต่อไป เพราะคุณเองก็บอกว่าแฟนคุณรักคุณมาก และคุณก็รักแฟนมากด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น คุณจะมั่วนั้งคิดด้านลบทำไมอีกหระค่ะ คิดด้านบวก ดูมั้ยเช่นแฟนอาจทำงานแล้วไม่สามารถเปิดโทรศัพย์เพราะอาจจะอยู่กับหัวหน้าหรือกำลังคุยกับลูกน้องอยู่ ดีกว่ามั้ยค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องคิดมากและมันจะส่งผลให้สุขภาพคุณดีขึ้น หน้าตาก็จะสดใสขึ้นนะค่ะ และถ้าคุณยังทำไม่ได้ก็ไหว้พระภาวนาให้แฟนคุณไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น นี่ก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่งนะค่ะ ถ้าคุณมัวแต่กังวลตัวคุณเองนะแหระ จะแย่ หน้าตาก็จะไม่สวย สุขภาพทรุดโทรม นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่จะทำให้คุณทั้งสองมีปัญหาตามมาอีกนะค่ะ ดังนั้น เปลี่ยนความคิดใหม่ ทำให้ได้แล้วคุณจะหลุดพ้นจากความเศร้า���ละทุกข์ใจ แน่นอนเลย รับประกันค่ะ

  • ?
    Lv 4
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ควรรักต่อครับ.../แต่,,ก็ควรตั้งรับให้ดี เตรียมพร้อมสำหรับความผิดหวังหรือสมหวัง

    อนาคตไม่มีใครรู้ อยู่ที่เราจะยอมรับมันได้ไหม ถ้ามันสุขสมหวังก็ดีไป แต่ถ้าเมื่อไหร่

    ไม่ได้ดั่งใจ ให้ถือว่ามันเป็นประสบการณ์ที่มีค่า แต่อย่าให้คุณค่าของความรักหมดไป

    รักมีหลายรูปแบบ,,ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบฉบับอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ถ้าเรารู้จัก

    วิธีรัก,,มักจะมีความสุข แต่ถ้ายังเป็นทุกข์กับความรัก ควรจะพิจารณาดูให้ดีว่านี่มันใช่ไหม

    ใช่ความรักไหม,,ความรักน่าจะคือความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ถ้ามันยังเป็นทุกข์

    ขอใ้ห้คุณดูให้ดี,,ว่ารักที่เขามีให้เรามันใช่ไหม..อย่าไว้ใจอะไรมากจนเกินไป..ขอเตือน

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้