Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้
ปฏิบัติอย่างไรจึงจะ"ตื่น"ได้?
ชาวพุทธเราคุ้นเคยกับคำว่า "รู้ตื่น รู้เบิกบาน" เป็นอย่างดี
หากการที่จะตื่นได้นั้น เราต้องมีพร้อมในหลายๆด้าน เช่น ศรัทธา สติ สัมปชัญญะ ฉันทะ ปัญญา
ขอถามว่า วิธีฝึก หรือ การปฏิบัติ เพื่อให้เป็นบุคคลที่พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า "ผู้ตื่นด้วยดี" มีอะไรบ้างค่ะ
และการปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ตรัสเช่นนั้นเพื่อประโยชน์อะไรค่ะ
.........................................
เนื่องจากพระพุทธองค์ตรัสกับมาร ใน สุปติสูตร ว่า
" ผู้ไม่มีตัณหาดุจข่ายซึ่งซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ
ที่จะนำไปสู่ภพไหนๆ ถึงหลับอยู่ ก็ชื่อว่าตื่น
เพราะอุปธิทั้งปวงสิ้นไป"
จึงพอจะอนุมานได้ว่า อาการที่เรียกว่า "ตื่น" คืออาการดังกล่าว
ส่วนวิธีการปฏิบัติซึ่งทำให้ทรงตรัสเรียกผู้ปฏิบัติว่า "ผู้ตื่นด้วยดี" นั้น ได้ตรัสกับพระราชา และนายทารุสากฎิกะพร้อมครอบครัวไว้ใน ทารุสากฏิกวัตถุ
และ ผลของการปฏิบัติ ตรัสไว้ในหลายๆสูตร ดังที่ปรากฏในสังยุตตนิกาย สคาถวรรค เป็นต้น
.....................................................
ส่วนการมีสติ และมีสัมปชัญญะ ยังไม่เรียกว่า"ผู้ตื่น" ได้ เนื่องจากยังไม่หมดเวร ดังพุทธพจน์ที่ตรัสกับมณิภัททยักษ์ ใน มณิภัททสูตร ว่า
"ความเจริญย่อมมีแก่คนมีสติทุกเมื่อ
คนมีสติย่อมได้รับความสุข
ความดีย่อมมีแก่คนมีสติเป็นนิตย์
แต่คนมีสติยังไม่หลุดพ้นจากเวร
ส่วนผู้ใดมีใจยิน%
.....................................................
ส่วนการมีสติ และมีสัมปชัญญะ ยังไม่เรียกว่า"ผู้ตื่น" ได้ เนื่องจากยังไม่หมดเวร ดังพุทธพจน์ที่ตรัสกับมณิภัททยักษ์ ใน มณิภัททสูตร ว่า
"ความเจริญย่อมมีแก่คนมีสติทุกเมื่อ
คนมีสติย่อมได้รับความสุข
ความดีย่อมมีแก่คนมีสติเป็นนิตย์
แต่คนมีสติยังไม่หลุดพ้นจากเวร
ส่วนผู้ใดมีใจยินดีในความไม่เบียดเบีนตลอดทั้งวันและคืน
และเป็นส่วนแห่งเมตตาในสรรพสัตว์
ผู้นั้นย่อมไม่มีเวรกับใครๆ"
................................................
ขอเฉลยคำถามส่วนแรกที่ว่า ปฏิบัติอย่างไร จึงเรียกว่า "ผู้ตื่นด้วยดี" นะคะ
นั่นคือ
1 ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นนิตย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน
2 ระลึกถึงพระธรรมเป็นนิตย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน
3 ระลึกถึงพระสงฆ์เป็นนิตย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน
4 มีใจยินดีในการไม่เบียดเบียนเป็นนิตย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน
5 มีใจยินดีในภาวนา (สมถะและวิปัสสนา) เป็นนิตย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน
ยังเหลือคำถามอีกส่วนค่ะ ว่าเมื่อระลึกอย่างนั้นเป็นนิตย์แล้ว จะ "ตื่น" ได้อย่างไร
(จากทารุสากฏิกวัตถุ)
เรียนคุณ On-Cess ค่ะ
ผู้ "ตื่น" คือผู้ที่ตัดวงจรปฏิจจสมุปบาทได้แล้ว (ปฏิจจสสมุปบาทไม่ได้เริ่มต้นที่อวิชชาอย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆเพียงอย่างเดียว บางทีก็เริ่มจากจุดอื่น เช่น การตริตรึกได้) แต่การมีสติ มีสัมปชัญญะ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีปฏิบัติเท่านั้นค่ะ เช่น มีสติรู้ชัดว่าเกิดความโกรธขึ้นแล้ว จึงดับความโกรธลงได้ จิตก็ไม่ขุ่นมัว กลับมาเป็นปกติ แต่ เหตุที่ทำให้โกรธ ให้เกิดความยึดถือมั่นจนเกิดเป็นภพ ชาติ ยังไม่ได้ดับค่ะ จึงสามารถโกรธในเรื่องเดิมได้อยู่ตลอด เพียงแต่ โกรธแล้วดับได้ ไม่ก่อให้เกิดเรื่องราวตามมา หรือเกิดกิเลสใหม่ตามมา แต่กิเลสเก่ายังไม่ได้ถูกรื้อถอน
(ท่านพุทธทาสเคยยกตัวอย่าง ถ้าเราไม้ไปแหย่หมา หมาจะปัดปลายไม้ออก แต่ถ้าเราเอาไม้ไปแหย่เสือ เสือจะกระโจนเข้าหาคนแหย่ ซึ่งก็คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ กับที่ต้นเหตุค่ะ)
ในโพชฌงค์ 7 สติเป็นเพียงจุดเริ่มของกระบวนการที่จะเกิดตามมาเป็นชุด (สติ - ธัมมวิจย - วิริยะ - ปิติ - ปัสสัทธิ - สมาธิ - อุเบกขา) เพื่อจะปล่อยวางธรรมต่างๆเท่านั้นค่ะ
เหตุที่ผู้ที่การปฏิบัติดังกล่าว จึงเรียก���ด้ว่าเป็นผู้ตื่น เนื่องจาก
- การระลึกถึงพระพุทธองค์อยู่เป็นนิตย์ ทำให้เชื่อมั่นในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ว่าพระองค์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่ก็สามารถทำพ้นวัฎฎะไปได้ ด้วยความพยายามของมนุษย์ จึงพ้นจากการอ้อนวอนขอพรจากสิ่งต่างๆ และพยายามให้พ้นวัฏฏะด้วยตนเอง
- การระลึกถึงพระธรรมเป็นนิตย์ ทำให้เลื่อมใส น้อมธรรมเข้ามาในตน เมื่อปฏิบัติตามธรรม แล้ว ยิ่งเห็นผล จึงตั้งตนไว้ในธรรม อันยิ่งทำให้กุศลธรรมเจริญยิ่งขึ้น
- การระลึกถึงพระสงฆ์เป็นนิตย์ ทำให้มั่นใจในอริยบุคคลทั้ง 8 เป็นกำลังใจให้ปฏิบัติตาม และบำรุงพระสงฆ์ อันนอกจากจะเพื่อตนแล้ว ยังเพื่อบำรุงผู้สืบพระศาสนา
- การระลึกถึงกายเป็นนิตย์ คือกายอันเป็นกองร่างกาย ในกายคตาสติ ทำให้คลายความยึดถือมั่นในรูปขันธ์ เห็นอนัตตาในตัวตน และกายคือกองลมหายใจในอานาปานสติ นอกจากจะเป็นการทำจิตให้สงบ ยังช่วยให้มีสัมปชัญญะ อันเปิดโอกาสแก่โพชฌงค์ 7 และฝึกอินทริยสังวร
- การมีใจยินดีในการไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น จึงปฏิบัติในแนวทางที่ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น เช่น มีศีลอันเป็นศีลที่พระอริยะชอบใจ (ไม่ใช่ศีลแบบสีล
(ไม่ใช่ศีลแบบสีลพัตตปรามาส) มีการปฏิบัติตาม อปัณณกปฏิปทา (อินทรียสังวร - การสำรวมอินทรีย์, โภชเนมัตตัญญุตา - ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภค, ชาคริยานุโยค - การหมั่นประกอบความตื่น ไม่เห็นแก่นอน) เป็นต้นซึ่งนอกจากจะเป็นการทำอกุศลธรรมให้ลดลง หรือป้องกันการเกิดอกุศลธรรมใหม่แล้ว ยังเป็นการเพิ่มพูนกุศลธรรมอีกด้วย เพราะทำให้โน้มไปสู่องค์ธรรมฝ่ายที่เป็นกุศลอื่นได้ เช่น การมีเมตตา(ในพรหมวิหาร 4) การมีใจยินดีช่วยเหลือกิจของผู้อื่น (สังคหวัตถุ 4) อันนอกจากจะฝึกตนแล้ว ยังช่วยให้สังคมเป็นสังคมที่มีการเกื้อกูลกัน เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน
- การมีใจยินดีในสมถะและวิปัสสนา ทำหมีการพัฒนาทั้งใจแง่ความตั้งมั่นของจิต และความก้าวหน้าของปัญญา มีความเพียรที่ไม่ท้อถอย เช่น ฝึกสติปัฏฐาน 4 อย่างสม่ำเสมอทั้งในอิริยาบถนั่งและทุกอิริยาบถในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
การปฏิบัติดังกล่าว หนุนส่งซึ่งกันและกัน มรรคที่ปฏิบัติ จึงหมุนวนจนสัมมาทิฏฐิค่อยๆเต็มรอบขึ้นเรื่อยๆ จนคลายความยึดถือมั่นในอายตนะ จึงไม่หลงใหลไปกับสิ่งเร้า
จึง “ตื่น” เพราะไม่ต้องวนเวียนอยู่ในวัฏฏะอีกต่อไป
5 คำตอบ
- ไม่ประสงค์ออกนาม10 ปี ที่ผ่านมาคำตอบที่โปรดปราน
จิตที่ไม่ติดต่อกับสิ่งใด มีความสะอาดปราศจากอารมณ์ภายนอก มีสติสัมปชัญญะ รู้รอบคอบปลดปล่อยอารมณ์เสียได้
แหล่งข้อมูล: คำสอนท่านพ่อลีวัดอโศการาม ความหมายของวิปัสสนา (อย่าเอาอารมณืมาเจือปนกับจิตใจ) จะถึงซึ่งโสดาบันและรวมไปจนถึงซึ่งนิพพาน - ไม่ประสงค์ออกนาม10 ปี ที่ผ่านมา
มาà¸à¹à¸²à¸à¸à¹à¸°
รà¸à¸à¹à¸²à¸à¸à¸³à¸à¸à¸à¸à¹à¸°
- ไม่ประสงค์ออกนาม10 ปี ที่ผ่านมา
à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¸à¸²à¸¡à¸¨à¸µà¸¥ 5 à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¹à¸à¸£à¹à¸à¸à¸£à¸±à¸à¸à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¹à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸£à¸±à¸
- on-cesLv 510 ปี ที่ผ่านมา
à¹à¸à¸²à¸§à¹à¸²à¸à¸³à¸à¸à¸à¸à¸à¸à¸à¸³à¸à¸²à¸¡à¸à¸µà¹ à¸à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸£à¸°à¸ªà¸à¸à¸²à¸£à¸à¹à¹à¸¡à¹à¹à¸à¹
à¸à¹à¸à¸à¸à¹à¸à¸à¸£à¸°à¸ªà¸¹à¸à¸£à¸¡à¸²à¸à¸à¸ ^_^
---------------------------------------
สà¸à¸ªà¸±à¸¢à¸ªà¸à¸à¸à¸²à¸¡à¸à¹à¸°
"สà¹à¸§à¸à¸à¸²à¸£à¸¡à¸µà¸ªà¸à¸´ à¹à¸¥à¸°à¸¡à¸µà¸ªà¸±à¸¡à¸à¸à¸±à¸à¸à¸° ยัà¸à¹à¸¡à¹à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸²"à¸à¸¹à¹à¸à¸·à¹à¸" à¹à¸à¹ à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸à¸²à¸à¸¢à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¸«à¸¡à¸à¹à¸§à¸£ à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸à¸à¸à¹à¸à¸µà¹à¸à¸£à¸±à¸ªà¸à¸±à¸à¸¡à¸à¸´à¸ ัà¸à¸à¸¢à¸±à¸à¸©à¹ à¹à¸ มà¸à¸´à¸ ัà¸à¸à¸ªà¸¹à¸à¸£"
à¹à¸à¸à¸à¸à¸à¸µà¹à¸¢à¸à¸¡à¸²à¸à¸µà¹à¸à¸µà¹à¸à¸¹à¸à¸à¸¶à¸à¹à¸à¸à¸²à¸°à¸ªà¸à¸´ à¸à¸³à¹à¸¡à¸à¸²à¸£à¸¢à¸±à¸à¸¡à¸µà¹à¸§à¸£à¸à¸¶à¸à¸à¸·à¸à¸§à¹à¸²à¸¢à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¹à¸°
- T.K.รักในหลวงLv 610 ปี ที่ผ่านมา
à¸à¸³à¸à¸²à¸¡à¸à¸à¸à¸à¸¸à¸ Aunty à¹à¸à¹à¸à¸à¸³à¸à¸²à¸¡à¸à¸µà¹à¸à¸µà¸¡à¸²à¸à¸à¹à¸°
à¹à¸à¹à¸à¸£à¸´à¸ ๠à¸à¸´à¸à¸±à¸à¹à¸à¸°à¸à¸³à¹à¸«à¹à¸à¸²à¸¡à¸à¸£à¸¹à¸à¸²à¸à¸²à¸£à¸¢à¹à¸à¸µà¹à¸à¹à¸²à¸à¸£à¸¹à¹à¸à¸£à¸´à¸ à¸à¸°à¸à¸µà¸à¸§à¹à¸²à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸¡à¸à¸²à¸à¸à¸¹à¹à¸à¸µà¹à¸£à¸¹à¹à¸à¸¹ ๠à¸à¸¥à¸² ๠à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¹à¸ªà¸à¸à¹à¸à¸£à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸´à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸à¸à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸³à¸ªà¸±à¹à¸à¸ªà¸à¸à¸à¸à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸¸à¸à¸à¸à¸à¸à¹à¸à¹à¸²à¸ à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸²à¸à¸à¸³à¹à¸«à¹à¹à¸£à¸²à¹à¸à¸§à¹à¹à¸à¸§à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸°
à¸à¸µà¹à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸à¸°à¸à¸à¸à¸à¸µà¹ à¸à¹à¸à¸à¸à¸à¸²à¸¡à¸ªà¸´à¹à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¸¢à¸à¸±à¸à¸¡à¸²à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¸¡à¸² à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸à¹à¸¡à¹à¸ªà¸²à¸¡à¸²à¸£à¸à¸à¸à¸´à¸à¸²à¸¢à¸à¸±à¹à¸à¸«à¸¡à¸à¹à¸à¹ à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸à¸à¸à¸à¸´à¸à¸²à¸¢à¸à¸£à¹à¸²à¸§ ๠ยà¹à¸ ๠à¸à¸°à¸à¸° à¹à¸¥à¸°à¸à¸à¹à¸«à¹à¸à¸¸à¸à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸à¸²à¸¡à¸à¸£à¸¹à¸à¸²à¸à¸²à¸£à¸¢à¹à¸à¸µà¹à¸à¹à¸²à¸à¸£à¸¹à¹à¸à¸£à¸´à¸à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸°à¸à¸° à¸à¹à¸²à¸¢à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¸à¸£à¸²à¸à¸§à¹à¸²à¸à¸°à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸à¸²à¸¡à¸à¸£à¸¹à¸à¸²à¸à¸²à¸£à¸¢à¹à¸£à¸¹à¸à¹à¸«à¸ à¸à¸´à¸à¸±à¸à¹à¸à¸°à¸à¸³à¹à¸«à¹à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸²à¸à¸²à¸£à¸¢à¹à¸ªà¸¸à¸à¸²à¸à¸´ à¸à¸µà¹à¸§à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸ªà¸±à¸à¸§à¸£à¸²à¸£à¸²à¸¡ à¸à¸±à¸à¸«à¸§à¸±à¸ à¸à¸¥à¸à¸¸à¸£à¸µà¸à¹à¸°
à¸à¹à¸²à¸à¸²à¸¡à¸§à¹à¸²à¸à¸²à¸£à¸£à¸¹à¹à¸à¸·à¹à¸ รูà¹à¹à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸à¸à¸±à¹à¸ หมายà¸à¸¶à¸à¹à¸£à¸²à¸à¹à¸à¸à¸¡à¸µà¸ªà¸à¸´ สà¸à¸´à¹à¸à¸à¸²à¸à¸à¸£à¸£à¸¡ à¸à¸·à¸ à¸à¸²à¸£à¸£à¸¹à¹à¹à¸à¹à¸²à¸à¸±à¸ à¸à¸´à¸à¸à¸µà¹à¸¡à¸±à¸à¹à¸«à¸¥à¸«à¸¥à¸à¹à¸à¸à¸±à¸à¸à¸´à¹à¸¥à¸ªà¸à¸±à¹à¸à¸«à¸¥à¸²à¸¢ à¹à¸¥à¸°à¸£à¸¹à¹à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸±à¸à¸à¸µà¸à¸±à¸à¹à¸ à¹à¸à¹à¸ à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸¸à¸à¹à¸à¸´à¸à¹à¸à¸ªà¸° สà¸à¸´à¸à¸à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸°à¹à¸«à¹à¸à¸à¸±à¸à¸à¸µ วà¹à¸²à¹à¸à¸ªà¸°à¹à¸à¸´à¸à¸à¸µà¹à¸à¸´à¸à¸à¸¸à¸à¹à¸¥à¹à¸§ (à¹à¸à¸ªà¸° à¸à¸°à¹à¸à¹à¸à¸ าวะà¸à¸´à¸à¸à¸µà¹à¹à¸«à¹à¸à¸à¹à¸²à¸¢à¸à¸µà¹à¸ªà¸¸à¸ à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸¡à¸±à¸à¸ªà¸°à¹à¸à¸·à¸à¸à¸£à¸¸à¸à¹à¸£à¸ สà¹à¸§à¸à¹à¸¡à¸«à¸° หรืà¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸«à¸¥à¸ à¸à¸°à¹à¸à¹à¸à¸ าวะà¸à¸µà¹à¹à¸«à¹à¸à¸¢à¸²à¸à¸à¸µà¹à¸ªà¸¸à¸)
à¸à¹à¸²à¸à¸¸à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸£à¸´à¸ ๠...à¸à¸à¸¢à¹à¸³à¸§à¹à¸²..à¸à¹à¸à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸´à¸ ๠à¸à¸°à¸à¸°...à¸à¸´à¸à¸à¸°à¹à¸à¸´à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸§à¹à¸²à¸à¸à¸¶à¹à¸à¸¡à¸² à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸²à¸à¸´à¸à¸à¸·à¹à¸
ภาวะà¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸·à¹à¸à¸à¸µà¹ à¸à¸°à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¢à¸¹à¹ à¸à¸±à¹à¸§à¸£à¸°à¸¢à¸°à¹à¸§à¸¥à¸²à¸ªà¸±à¹à¸ ๠à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸±à¸à¹à¸ ภาวะà¸à¸´à¸à¸à¸·à¹à¸à¸à¸µà¹ à¸à¹à¸²à¹à¸à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸£à¸«à¸±à¸à¸à¹à¸à¹à¸²à¸à¸à¸°à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¥à¸à¸à¹à¸§à¸¥à¸²
à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸´à¸à¹à¸à¸¥à¸·à¹à¸à¸à¹à¸«à¸§à¸à¸µà¸à¸à¸£à¸±à¹à¸ สà¸à¸´à¹à¸£à¸²à¸à¹à¸à¸°à¸£à¸¹à¹à¸à¸±à¸à¸à¸µà¸ วà¹à¸²à¸à¸´à¸à¹à¸£à¸²à¹à¸à¸´à¸à¸ าวะà¹à¸ ๠à¸à¸¶à¹à¸ à¸à¸´à¸à¸à¸à¸à¹à¸£à¸²à¸à¸±à¹à¸à¹à¸à¸¥à¸·à¹à¸à¸à¹à¸«à¸§à¸à¸¢à¸¹à¹à¸à¸¥à¸à¸à¹à¸§à¸¥à¸² à¹à¸à¸à¸±à¹à¸§à¹à¸§à¸¥à¸²à¹à¸à¹à¹à¸¡à¹à¸à¸µà¹à¸à¸²à¸à¸µ à¸à¸´à¸à¸à¸à¸à¹à¸£à¸²à¹à¸à¸¥à¸·à¹à¸à¸à¹à¸«à¸§ à¹à¸¡à¹à¸£à¸¹à¹à¸à¸µà¹à¸ªà¸´à¸à¸à¸£à¸±à¹à¸ ...
à¸à¸à¸à¸à¸´à¸à¸²à¸¢à¹à¸à¹à¸¢à¹à¸ ๠ละà¸à¸±à¸à¸à¸°à¸à¸° à¸à¸µà¹à¸ªà¸³à¸à¸±à¸à¸ªà¹à¸§à¸à¸à¸µà¹à¸à¸°à¸ªà¸à¸±à¸à¸ªà¸à¸¸à¸à¹à¸«à¹à¹à¸£à¸²à¸à¸¶à¸à¸ªà¸à¸´à¹à¸à¹à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¸à¸µà¹à¸ªà¸¸à¸ à¸à¸·à¸ à¹à¸£à¸²à¸à¹à¸à¸à¸¡à¸µà¸¨à¸µà¸¥à¸à¸µà¹à¸ªà¸¡à¸à¸¹à¸£à¸à¹ à¹à¸¥à¸°à¸ªà¸¡à¸²à¸à¸´à¸à¸µà¹à¸à¸µ à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸±à¹à¸à¸¡à¸±à¹à¸à¸à¸à¸à¸à¸´à¸à¸à¹à¸° à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸¸��¸à¸£à¸¹à¹à¸à¸·à¹à¸à¹à¸à¹à¹à¸¥à¹à¸§ à¸à¸¸à¸à¸à¸°à¹à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸²à¸à¸à¸£à¸£à¸¡ à¹à¸¥à¸°à¸à¸§à¸²à¸¡à¹à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸à¸à¸²à¸¡à¸¡à¸²à¹à¸à¸à¸µà¹à¸ªà¸¸à¸à¸à¹à¸°
à¸à¸à¸à¸à¸¸à¹à¸¡à¸à¸à¸²à¸à¸±à¸à¸à¹à¸à¸à¸£à¸£à¸¡à¹à¸à¸ªà¸´à¹à¸à¸à¸µà¹à¸à¸¸à¸à¸à¸±à¹à¸à¹à¸à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸£à¸¹à¹à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸°à¸à¸°