แค่นี้คิดไม่ออกหรอ..!?

อ่านยาวจนปวดตาปัญหาคนในประเทศนี้มีแค่รัฐบาล"นายทุนใหญ่"

กับฝ่ายค้า"นักกฏหมายดีแต่พูด"เอือมระอากับพวกนักการเมืองอาชีพ

ที่แบ่งแยกเป็น"รัฐทหาร รัฐตำรวจ"กับวาจาอมตะ ประชาธิปไตย

ในเมื่อนักกรเมืองในประเทศนี้มีอาชีพเป็น "อาชีพนักการเมือง"แล้วจะมองหาคุณธรรม จริยธรรมในตัวมันได้ไง

ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาก็พอควร ไม่มีอะไรเปลี่ยน เรื่องทั้งสินค้าราคาเกษตรกร ชาวนาตอนหาเสียงอย่าง

ตอนที่ทำ เร่งด่วนมีไหม ไม่มี

งานชิ้นแรกที่ทำเสร็จ วีซ่าเข้าเจแปน ตามด้วยหางจุ่ม นิรโทษกรรม แล้วก็ แก้รัฐุธรรมนูญมาตรา112

ถามจริงๆครับ ชาวนาเห็นด้วยไหม เกษตรกรเห็นด้วยหรือ ชาวไร่อีก แล้วมันก็อ้าง เป็นเสียงส่วนใหญ่

สิ่งที่หาเสียงกับสิ่งที่ทำมันคนละเรื่อง เฮ้อ เป็นไงก็ยังไม่เลือกใครอยู่ดี ไม่ว่าจะดีแต่พูดหรือเผาไทย

แชร์เฉยๆนา อย่าว่ากันนะ แต่ตอบอาจไม่ตรงคำถาม อภัยให้ข้าน้อยด้วย อิอิ

แนวคิดตั้ง ธกส.(โดยรัฐบาล)

หรือสหกรณ์ย่อย (โดยการรวมตัวของคนท้องถิ่นซึ่งรัฐบาลน่าจะนำร่องให้ก่อน)

เป็นแนวคิดที่มากกว่าน่าสนใจ

เพราะโครงการเหล่านี้จะทำให้ประชาชนยืนได้ด้วยตนเอง

และน่าจะเป็นโครงสร้างหลักที่ทำให้รัฐบาลมีรายได้เป็นของตนเองอีกทางหนึ่ง (นอกเหนือจากการเก็บภาษี)

งานนี้ยักษ์สินค้าเกษตรทั้งหลายอาจยอมให้เกิด (ถ้าดวงตาเริ่มเห็นธรรม)

ฝ่ายการเมืองที่รู้จักสร้างนโยบายระยะยาว (จากเดิมที่เน้นนโยบายระยะสั้นเห็นผลงานเร็ว)

อย่างไรก็ตามไม่ว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นในยุคเราหรือรุ่นลูกหลาน

ขอให้โครงการนี้ได้เกิดขึ้น เพราะเป็นโครงการเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

และโครงการนี้เองจะทำให้นักการเมืองเป็นผู้รับใช้ประชาชนจริง ๆ

เพราะประชาชนจะมีอำนาจต่อรองจนฝ่ายการเมืองต้องคิดหน้าคิดหลัง

ก่อนจะทำอะไรตามใจตนเองอีกต่อไป

(ถ้าโครงการนี้นักการเมืà¸��งยอมให้เกิดได้ แปลว่าประเทศไทยกำลังจะเข้ายุคศิวิไลซ์จริง ๆ แล้ว)

ขอเรียนว่า ไม่จำเป็น ต้องให้ ธกส. หรอกครับ ระบบสหกรณ์ ของประเทศไทย มีมานานมากแล้ว

เพียงแต่ ในอดีต กลุ่มคนทีี่มีความรู้ ความสามารถ มักไม่ค่อยกลับ ไปอยู่ในชนบท หรือ กลับเข้าหา เกษตรกรรม คิดแต่การหางานทำในโรงงาน ตามเมืองใหญ่ โดยอ้างว่า มีเงินเดือนมากกว่า ทำไร่ ทำนา

ประกอบกับ สภาพของสังคม ที่บ่มเพาะให้ คนเห็นและชื่นชม กับ วัตถุ เงินทอง ความร่ำรวย การมีหน้ามีตา มีบ้านสวยกว่าหลังอื่นๆ รวมถึง รัฐบาล ในอดีตที่ผ่านมา สร้างนโยบาย ที่ทำให้ประชาชนกลุ่มหนึ่ง หวังรอ ความช่วยเหลือจากรัฐ โดยลืมการรวมกลุ่ม เพื่อความแข็งแรง และ ในสมัยนั้น หากมีการรวมกลุ่ม อาจถูกมองว่า เป็น คอมมิวนิสต์ หรือ ต่อต้านการปกครอง ได้เช่นกัน บางคนตายเพราะพยายาม สร้างหลักให้กับ ชุมชนท้องถิ่น

การลุกขึ้น สู้ กับ ระบบทุนนิยม ของคนบางคน ถูกมองว่า ทำทำไม เสียเวลา เดี๋ยวรัฐ ก็จำเป็นต้องเข้ามา ช่วยเหลือ แต่บางท้องถื่น ที่ ชุมชน สามารถรวมตัวได้อย่างแข็งแรง และต่อรอง กับ สภาพการค้า หรือ ผู้กำหนดราคาได้ หรือ แม้แต่ เรียกร้อง ให้มี วิทยากร จากบางหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือบางส่วน

ก่อเกิดเป็น กลุ่มสหกรณ์ ที่สมาชิกสามารถยืนหยัดได้ด้วยผลผลิตของตนเอง และ มีกำลังในการหาทุน แลà��°à¹à¸šà¹ˆà¸‡à¸›à¸±à¸™ รายได้ เพียงแต่ ช่วงก่อตั้ง หากใจไม่เย็นพอ หรือ ผู้นำท้องถิน เห็นแก่ตัว ประกอบกับ ขาดแคลนทุน ก็อาจทำให้ ระบบสหกรณ์ของท้องถิ่นนั้น ล้มเหลว หรือ เดินหน้าต่อไป ได้ลำบาก

หากพิจารณาด้วยใจเป็น ธรรม ความแข็งแรงของสังคมนั้น ควรเริ่มจาก ชุมชนเล็กๆ เช่น จากครอบครัว ขยายไปสู่ ตำบล หมู่บ้าน อำเภอ และ จังหวัด แต่ละคน ลดละ ความเห็นแก่ตัวลงบ้าง

แต่ใน สภาวะปัจจุบัน การขยายให้ใหญ่ ระดับจังหวัดคงเป็นไปได้ยาก และ ความแข็งแรง ระดับตำบล ก็ไม่มีอำนาจเพียงพอในการต่อรองให้มีการปรับเปลี่ยน ใดๆ ของภาครัฐ

"อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" หมายถึง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

หลักทฤษฎี เศรษฐกิจพอเพียง และ โครงการ 84 ตำบล ที่เขากำลังทำกันอยู่ ในบางพื้นที่ เป็นข้อพิสูจน์ ความสุขของผู้ที่เข้าร่วมมือกัน ซึ่งบางแห่ง ไม่ค่อยได้ใช้ "เงิน" ในชีวิต ประจำวัน และ เมื่อ สังคมครอบครัว แข็งแรง รายได้ แค่เล็กๆ ของตำบล เมื่อรวมกัน อาจก่อเกิดเป็น แหล่งทุน ขนาดใหญ่ ที่จะพัฒนาต่อ โดยไม่ต้อง หวังพึ่ง ความช่วยเหลือจาก รัฐ ให้เสียเวลา เสียน้ำลาย

หากเห็น แตกต่าง ก็ต้องขออภัย เพราะบางอย่างในสายตา เห็นมาแบบนั้น จริงๆ

พูดยากครับ ของเก่าที่เขามีกันมาในอดีต......ไม่ง่ายแน่นอน ถ้าโรงสีก็ยังพอไหว แต่ถ้าอ้อย...อิทธิฤทธิของเก่าเขาแรงน่า...ผมไม่ได้พูดถึงรัฐน่ะครับ อิอิ

แนวคิดนี้ยอดเยี่ยมกระเทียมดองเลยล่ะ พ่อยอดกะหมองอิ่ม