ทำไม เด็กสมัยนี้ต้องเรียนพิเศษตั้งแต่ประถม1 เลย มิฉะนั้นจะไม่ทันคนอื่น?

เป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของผู้ปกครอง ในเมื่อบ้านข้างเคียงเขา

ยังส่งให้ลูกเรียนได้ในขณะที่ฐานะของเขาและเราไม่ได้แตก

ต่างกัน ดังนั้นผู้ปกครองจึงต้องส่งบุตรหลานไปเรียนพิเศษ

ถ้าไม่เรียนก็จะทำให้เด็กในปกครอง ช้าไม่ทันเพื่อน ๆ

1 อยู่ที่โรงเรียน การจัดการเรียนการสอน หากพิจารณาแล้วเด็กไม่ได้ผลการเรียนดี

ลองหาโรงเรียนใหม่

2 อยู่ที่ตัวเด็ก ความพร้อมรับ หนักไปหรือไม่ หากหนักเกินเด็กเรียนในโรงเรียนไม่รู้เรื่อง เครียด

ก็ต้องหาทางผ่อนคลาย และเลือกโรงเรียนที่เหมาะกับเด็กนะคะ

ลองคุยกับครูผู้สอน ขอดูการเรียนการสอนได้เพื่อนำไปพิจารณาเลือกโรงเรียน

เ็ป็นค่านิยมคะ อยากบอกว่าจะสอนเองเขาก็ไม่รับคะ อื่ม มีแบบนี้ด้วยคะ อีกทั้งการเรียนพิเศษ เด็กๆได้เจอเพื่อนใหม่ด้วยคะ

ผมอยากให้วัดต่างๆ สร้างกิจกรà¸��มเพื่อชุมชนในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ผมอยากให้พ่อแม่พาลูกไปวัดมากกว่าไปห้างฯ เหมือนยายผมที่พาผมไปวัดทุกอาทิตย์ ผมไม่มีพ่อไม่มีแม่ แต่รู้ผิดชอบชั่วดีก็เพราะวัดน๊ะ..ไปเที่ยวห้างก็เห็นแต่บ้าวัตถุนิยมกัน ไปเรียนพิเศษเดี๋ยวเก่งมากๆ แล้วมากินบ้านกินเมืองก็เท่านั้น..เลว!

เพราะบริหารการจัดการศึกษาของบ้านเรา เน้นเรื่องสมัยนิยม นำผลได้ไม่เต็มที่ จึงต้องล้น

ออกนอกเวลาเรียน เพิ่มภาระ เพิ่มปัญหา แต่กดด้านหลักความเข้าใจ ใส่แต่ข้อมูลผิดเพี๊ยน

คิดเห็นแก่ตัว และ เอาแต่ได้ ใครจะยกเรื่องศีลธรรมมาแทรกเสริมในโรงเรียนอย่างไร

ก็ไม่เคยเห็นจะเข้าหูใคร จะนำไปพิจารณา

เน้น ๆ ๆ แต่ประโยชน์ตรงหน้า เด็กเรียนไหวไหม ผู้ใหญ่รู้ไหมหว่า.. หรือข้ารู้แต่ไม่ใส่ใจ

เป่าประกาศโครม ๆ " จะปราบคอ........ให้สิ้น เพื่อแผ่นดินไทยอยู่รอด"

ก็รอดแค่กลุ่มน้อย กลุ่มหย่าย ก็ลอยแพกันต่อไป ตามแรงเหวี่ยงของสัมคมพาไป

รูตัวทันก็รอด ถ้ารู้ไม่ตลอดก็ต้องตกบันไดพลอยโจร (ผู้หย่าย)

เด็กอยากยกมือขอค้าน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะพลังยังน้อยเกินไป

ได้แต่นั่งทำมือเท้าคาง "จะให้หนูเรียนไปถึงไหน เครียด ๆ ๆ ไม่รู้จะพูดกับใคร"

พ่อแม่บอกต้องไปเสริม เด็กจำใจต้องเรียนเพิ่มแต่ภายในใจค้านไม่อยากไป

ใคร ๆ เขาก็เรียน ถ้าเราไม่เรียน ก็จะไม่เข้าใจ

เรียน ๆ ๆ ก้มหน้าก้มตาเรียนมันส์...กันเข้าไป

เด็ก ๆ สมัยใหม่จึงมีหน้าแก่ก่อนวัย รอยยิ้มเด็กใส ๆ หายไปไหน (ใครรู้ช่วยตามกลับมาที)

คิด ๆ แล้วก็สงสาร เด้ก ๆ โดนทรมานกันจังทุกวันนี้

เรียนพิเศษมาก แต่ความรับผิดชอบชั่วดี เหลือน้อยเต็มที

บางทีก็ไม่เข้าใจ ว่าจะเรียนพิเศษกันมากมายไปทำไม?

แต่ประชากรไทย ก็ยังด้อยพัฒนา ทางด้านจิตใจ

ไม่เห็นจะแยกแยะดีชั่วเพิ่มขึ้นมาได้ ก็ยังอยากมีอยากได้

ไม่หมดเสียที...

ก็ขอถามตรงๆ เถอะ ว่า วัตถุประสงค์ของการให้เด็กไปเข้าห้องเรียนีพิเศษตั้งแต่ประถม 1 นั้น คืออะไรกันแน่

- พ่อแม่ หรือผู้ดูแล ไม่มีเวลา ไม่มีความรู้ ความชำนาญ หรือประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กเล็ก หรือพูดง่ายๆ "ไม่อยากเลี้ยงเด็ก"

- ไม่มี สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือ nuresery ใกล้ๆ บ้าน หลงเหลือให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครองเอาไปฝากเลี้ยงอีกต่อไป

- เห็นชาวบ้านข้างๆ เค้าเอาลูกไปเข้าคอร์สเรียนพิเศษกัน ก็ต้องเอาลูกไปเรียน ตามระเบียบ เพราะกลัวไม่ทันเค้า(ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่า ลูกจะได้รับอะไรมาที่เป็นประโยชน์จากการเรียนครั้งนั้นๆ นอกจากจะได้ไปเจอเพื่อนเล่น ไปซื้อของเล่น และซื้อสิ่งของต่างๆ เหมือนเพื่อนๆ ให้ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในครอบครัวเพิ่มขึ้นไปอีก)

ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นค่านิยมไปแล้วกระมังคะ โดยที่ขาดการควบคุมดูแลจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ

ดูเหมือนว่า สมัยนี้ แค่เปิดบ้านที่มีลานโล่งๆ หาของเล่นมาจัดให้ หาวิดีโอช่วยสอน (ที่มีขายกันทั่วไป) มานำเสนอ หรือ Copy ขายต่อไปให้เด็กดูเล่นที่บ้าน ก็รวยกันได้ไม่ยากแล้ว ในขณะที่พ่อแม่เด็ก ก็จะได้ปลดเปลื้องภาระที่จะต้องเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูกด้วยตนเอง (เนื่องจากขาดประสบการณ์ เพราะคัวเองก็ยังเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่เลย) แค่เห็นเด็กได้ไปวิ่งเล่น ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนได้ในช่วงเวลากลางวัน ก็รู้สึกเป็นสุขแล้ว

นี่แหละ ที่เป็นสาเหตุให้สัมพันธภาพในครอบครัว สูญเสียไป

ถามจริงๆ เถอะ ถ้ารัฐบาลออกกฎหมายห้ามเด็กเข้าเรียนพิเศษตั้งแต่เล็กๆ พ่อแม่จะยินดีหรือเปล่า? แน่ใจ?

เกรงว่าจะเกิดปัญหาไม่มีคนเลี้ยงลูกอีกล่ะสิ

ตอบในฐานะเราก็เป็นครูไทยคนหนึ่งนะคะ ว่า ทุกวันนี้ สถานการณ์ต่างๆในบ้านเมื่องเปลี่ยนไปมากจากสมัยอดีตกาล เราไปเรียนทั้งวัน หลังเลิกเรียน นั้นเราก็ช่วยครอบครัวตามอาชีพฯลฯ แบบเศรษฐกิจพอเพียง หรือถ้ายังเด็กนักเราก็เล่นอยู่ข้างๆทุ่งนาข้าวเรานั่นละคะ ไม่มีอันตรายมากนักถ้าระวังได้ ไม่เล่นในน้ำลึก ไม่ปีนต้นไม้สูงๆ เล่นใบไม้ ใบหญ้า ขายก๋วยเตี๋ยว ขนมครก จากวัสดุธรรมชาติที่เรามีรอบๆตัว นั่นคือคนยุคสมัยของดิฉันเองนะคะ แต่เด็กยุคนี้ สมัยนี้นั้น อันตรายรอบด้าน ที่มาตามยุคโลกาวินาสนี้ มากมายหลายแบบ หลายด้านเช่น เราเคยเเดินด้วยเท้าไปโรงเรียน ปลอดภัยมากในสมัยก่อน ตอนนี้ เขาต้องมีรถจักรยาน มอเตอร์ไซด์ รถยนต์ส่วนตัว และรถรับส่งนักเรียน เพื่ออำนวยความสะดวก ฯลฯ ดังนั้น

ช๊วฺตคนเราทุกวันนี้ จึงอยู่กับการแข่งขัน แข่งกับตัวเอง ว่า เราต้องได้ ต้องมีสิ่งต่างๆเหล่านี้ ให้เหมือนกับที่คนอื่นมี ถ้าไม่ได้ ไม่มี เราก็จะแพ้เขา สà��³à¸„ัญกว่านั้น คือ ผู้ปกครองไม่มีเวลาให้ลูก แม้แต่ลูกครูเองยังต้องมาเรียนพิเศษอีก ความต่อเนื่องกันคือ การเรียน การศึกษา เมื่อลูกคนอื่นเขามี เขาได้ ลูกเราไม่มี ไม่ได้ ก็จะดูมีปมด้อย ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเราเข้าใจการเรียนการสอน และมีเวลาพอ เราก็จะสนับสนุนในการเรียนด้วยตนเองที่บ้านในเวลาหลังเลิกเรียนของลูก การบ้าน ต้องรู้และเข้าใจ กว่าลูก คือ รู้เท่า หรือ พอๆกับครูว่างั้นเถอะ แล้วเราก็จะไม่ได้ต้องไปส่งลูกไปเรียนพิเศษ เพราะเราสอนเขาเองพิเศษที่บ้านได้

สำคัญกว่านั้น คือ ผู้ปกครองไม่มีเวลาให้ลูก แม้แต่ลูกครูเองยังต้องมาเรียนพิเศษ

จากปัจจัยต่างๆดังกล่าวมานี้ นั่นเป็นที่มาของคำว่า "เรียนพิเศษ"

คน ไม่มีลูกอ่านแล้วมึนส์เลย

ตอนเด็กๆเคยไปเรียนพิเศษ อยู่พักนึง

แต่ไปด้วยความสน��¸¸à¸à¸­à¸¢à¸²à¸à¹€à¸ˆà¸­à¹€à¸žà¸·à¹ˆà¸­à¸™à¹ƒà¸«à¸¡à¹ˆà¹€à¸‰à¸¢à¹†

ครูเขาสอน ล่วงหน้า เลยหลักสูตรไปอีก

ตอนเรียนพิเศษทำได้ แต่พอนานไปก็ลืม

พอถึงเวลาเรืยนจริงเลยทำไม่ได้อีก

แต่วัฒนธรรมเรียนพิเศษนี่ ไม่เข้าใจจริงๆ

ครูในเวลาไม่มีความสามารถหรือไร ถึงต้องมาเรียนเพิ่ม

ที่เห็นจำเป็นจริงก็อาจเป็นพวกภาษา

ที่ต้องใช้ทักษะซึ่งเวลาในชั้นเรียนมีไม่พอ

ถ้าเด็กสนุกกับมันได้คงไม่เครียดหรอก

แต่ส่วนตัวไม่ด่อยเห็นด้วยกับการเรียนพิเศษเลย

ครูในเวลาเขาไม่สอนเต็มที่แล้วหรือไร

แล้วถ้าหากรักต้นไม้ดอกไม้ทำไมต้องอัดปุ๋ยเร่งกันขนาดนั้น

แต่ถ้าเด็กเรามันไม่ทันเขาจริงๆ(ด้วยสาเหตุอะไรก็เถอะ)

เรียนก็เรียน....เอ้า