การยึดอำนาจจะแก้ปัญหาประเทศได้จริงหรือ?

การประกาศใช้กฏอัยการศึก (Martial Law) ทุกประเทศที่เจริญแล้วเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศษ และสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศใช้ในเวลาเหตุการณ์ภายในประเทศหมิ่นเหม่ที่จะมีศึกกลางเมือง จะมีการนองเลือด และก่อความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเพราะความไม่สงบนั้น

ประเทศไทยมี พ.ร.บ. กฏอัยการศึก พ.ศ. 2457 ตราโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้า ร.6 ซึ่งในระยะ 100 ปีที่ผ่านมา มีการประกาศใช้มาแล้วในอดีต 7 ครั้ง ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 เป็นการประกาศใช้เป็นครั้งที่ 8 [1]

เนื่องจากทหารมีแสนยานุภาพ และวินัย มีหน้าที่ป้องกันประเทศจากศึกภายนอกและศึกภายในประเทศ จะนิ่งดูดายให้เกิดการนองเลือดเหมือนเมื่อไม่กี่ปีนี้ คงจะเป็นเรื่องเหลือคิด และสุดความอดกลั้นแล้วที่จะให้เกิดขึ้นอีก เพราะถ้ารัฐบาล รัฐสภา และศาลยุติธรรม ฝ่ายพลเรือนไม่แก้ไข หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศ ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างสงบและเป็นธรรม ใครเล่าที่จะช่วยแก้ให้ หรือเป็นกรรมการให้? ปล่อยให้เป็นไปโดยยะถากรรมหรือ? ใครช่วยตอบผมหน่อย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ได้ไหมครับ?

เรื่องสี 2 สีนั้นจะหมดไปเมื่อ สส มีหน้าที่ออกกฏหมาย และเป็นปากเสียงของประชาชนแห่งจังหวัดที่ได้เลือกตนเข้ามาเป็น สส ของเขา ทำหน้าที่เป็นผู้แทนให้ในรัฐสภา ตามที่รัฐธรรมนูญระบุให้ทำเช่นนั้น

เรื่องสี 2 สีจะหมดไป เมื่อ สว ในวุฒิสภา ทำหน้าที่รับรองกฏหมายที่สภาผู้แทนร่างกฏหมายใหม่ขึ้นมา ลงมติให้ผ่านหรือไม่ ? เหมาะสมต่อประเทศชาติหรือไม่? วุฒิสภาจะเป็นหูเป็นตาของประชาชน รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และวุฒิสภาต้องมีกระดูกสันหลัง และกล้าหาญเด็ดขาด เพราะรัฐธรรมนูญได้มอบอำนาจหน้าที่ให้ทำการ สอบสวน ไต่ถาม ลงมติ ถอดถอนผู้ที่ทำการทุจริตทุกคนได้ ในคณะรัฐบาล ในรัฐสภา ในศาลยุติธรรม ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รองนายก รัฐมนตรี สส สว ผู้พิพากษาสูงสุด อัยการสูงสุด โดยไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดแม้แต่คนเดียว เหตุใดจึงนิ่งดูดายกัน ตาถั่วหรืออย่างไรครับ?

เรื่องสี 2 สีจะหมดไปเมื่อคณะรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารประเทศจะไม่มีโอกาสกุมอำนาจ รวบอำนาจทั้งสองเสาหลักของระบบประชาธิปไตยไว้ในกำมืออีก ทั้งฝ่ายบริหารคือคณะรัฐบาลประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี และฝ่ายนิติบัญญุติซึ่งประกอบด้วยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนซึ่งจะยกมือออกเสียงให้เป็นฝักถั่วประทับตราออกกฏหมายให้ตามใจชอบ เพื่อผลประโยชน์ของพรรคพวกของตน แต่มิใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั่วประเทศที่ได้เลือกและมอบอำนาจให้แก่เขา หมายว่า จะได้ไปหากิน กอบโกยผลประโยชน์ สำหรับตัวเองในตำแหน่งนั้นๆหรือ?

ทหารเป็นกรรมการให้ได้ชั่วคราว รักษาความสงบภายในประเทศให้ได้ แต่ทหารมิใช่ผู้เชี่ยวชาญทางฝ่ายบริหารงานของรัฐบาลพลเรือน มิใช่ผู้เชี่ยวชาญทางนิติบัญญุติในสภา และมิได้มีหน้าที่ตัดสินให้ความยุติธรรมต่อคู่กรณีทั้งทางแพ่งหรือทางอาญาให้ประชากรทั่วประเทศ ทหารจำต้องมอบหน้าที่เหล่านี้ ให้พลเรือนผู้ได้รับการฝึกฝนเล่าเรียน ให้ผู้มีวุฒิในด้านต่างๆเฉพาะทาง ให้เป็นคณะกรรมการ ช่วยกันแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น เหมาะสมกับความรู้สึกนึกคิดและความประสงค์ของประชาชนชาวไทยมากขึ้น ให้ช่วยกันออกความคิด และเป็นผู้ดูแลกิจกรรมเหล่านี้ ในที่สุด

ถ้าผู้นำของประเทศทุกคนมีความกระจ่างแจ้งในขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของตนอย่างชัดเจน ความสับสน ความกลัว ความขัดแย้ง ความก้าวก่ายกัน จะน้อยลงไป ครับผม

เราต้องรอดูว่า เขาทำการบ้านมาดี และลงมือแก้ไขปัญหาจริง หรือไม่ ผมหวังว่า จะไม่เหมือน 19 กันยายน 2549 ก็เป็นความหวังของคนไทยที่รักชาติครับ

ก็เห็นๆอยู่ ค่อยๆปรับตัวตามสถานการณ์ให้ทันก็แล้วกัน

เมื่อต้องลงมือทำแบบที่ว่าแบบที่มีทั้งชอบและไม่ชอบการตัดสินใจของคสช.ในครั้งนี้ถือว่าเด็ดเดี่ยวน่ายกย่องครับ เราๆท่านๆจะได้เห็นการกวาดล้างจับกุมพวกนอกกฎหมายภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน นั่นก็หมายความว่าคณะ คสช.กำลังปรับปรุงตกแต่งสร้างบ้านเมืองให้มีเอกภาพไปในแนวทางที่คิดว่าดีที่สุดกับสังคมไทยครับ และคำถามที่จะสามารถสลายสีของแต่ละกลุ่มนั้นได้หรือนั้น?ผมเองค่อนข้างมีความหวังครับ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตามทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน เพียงแต่โดนกลุ่มทุนกลุ่มไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองยุยงให้เกิดความขัดแย้งกันทางการเมืองโดยเอาสีต่างๆมาเป็นตัวชี้วัด ซึ่งอันนี้ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และเมื่อถึงวันที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปทุกๆด้านในสังคมตลอดจนกฎหมายต่างๆที่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อเอาใช้บังคับกับการบ้านการเมืองเป็นที่เรียบร้อยเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นแหละครับทุกอย่างน่าจะเข้าร่องเข้ารอยและเข้าสู่ฟ้าใหม่ของเมืองไทยอีกครั้งหนึ่งได้

กระบวนการในคำถามนั้นเป็นภาพวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลง

ทางการเมือง มันจะเป็นดังวงล้อที่หมุนไปและค่อยเสื่อมจนไม่เหลืออะไร

หากประชาชนท้อแท้ อ่อนแอ ไร้การศึกษา ไม่รู้ถึงอำนาจของตัวเอง

เพียงเลือดเนื้อที่สามารถล้มตายได้นี้ ยังมีส่วนของสมองเปิดรับการเรียนรู้

หากมีโอกาสแม้การเลือกตั้งท่ามกลางการควบคุมสถานการณ์ ก็ต้องเลือก

ที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หลังจากนั้นเป็นเรื่องผล

จะต้องกระทำกันอย่างนี้ไปสู่รุ่นลูกหลาน คิด ทำ ในปัจจุบันให้ถูกต้องค่ะ

คำพยากรณ์ คาดคิด ประมาณการณ์ เหมือนการคิดล่วงหน้าไป ในบางคนทำได้โดยไม่หลง แต่ในบางคน.."หลง"และสับสนทุกข์จนหมดแรงหรือกระทำเกินกว่าเหตุ จึงควรระวังค่ะ

ประเทศอื่นผมไม่แน่ใจ แต่กับคนไทย ผมว่าแก้ได้ แต่ต้องขึ้นกับว่า ใครเป็นคนยึด และยึดเพื่อตัวเองหรือพวกพ้อง ครอบครัว ครับ

ดูตลกดี

การยึดอำนาจจะแก้ปัญหาประเทศได้จริงหรือนั้นผมมองว่ามันขึ้นอยู่กับการจัดการหลังจากยึดอำนาจแล้ว จะทำยังไงให้ทั้งสองฝั่งขั้วอำนาจยอมรับ แต่ผมว่ายากพอสมควร เพราะความเห็นทั้งสองขั้วค่อนข้างต่างกันมาก

ต่อไปขอแสดงความคิดเห็นนิดหนึ่งครับ อาจจะไม่จริงแต่เป็นความคิดเห็นจากข้อมูลที่ผมได้รับมาทางอินเตอร์เน็ตและอื่นๆ ซึ่งผมก็ไม่สามารถยืนยันว่าที่ได้รับมาถูกต้องหรือไม่ ผมมองว่าความต้องการของผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายเป็นแบบนี้ (เป็นความต้องการของผู้ชุมนุมไม่ใช่แกนนำ)

ฝ่ายหนึ่งวัตถุประสงค์หลักคือล้มระบอบคอรัปชั่น (เขาเรียกอีกอย่างนะผมไม่เรียกตามเขาแล้วกันเพราะจริงมันมีมานานแล้วแต่เพิ่มมากในช่วงหลังๆ) ฝ่ายนี้จะเห็นชัดหน่อยเพราะว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายรุก ทำให้เห็นการเรียกร้องหลายๆอย่าง ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ตั้งนายกคนกลาง ผมมองว่าเหตุผลของกลุ่มนี้คือเขาคิดว่า ตอนนี้ในสังคมไทยโดยเฉพาะต่างจังหวัด ประชาชนมองยังไม่ลึกพอ คือมองว่าบริหารประเทศเจริญก้าวหน้าและหลงนิยมรัฐบาลช่วงนั้นไป แต่คนกลุ่มนี้มองว่าระบบที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นมันทำให้เกิดการคอรัปชั่นมากมาย และในระยะยาวมันจะส่งผลเสียต่อประเทศ ถ้าใช้การเลือกตั้งไม่ดีต่อประเทศแน่เพราะคนส่วนมากหลงไปกับความเจริญของระบอบนั้นแล้วแต่ไม่เห็นปัญหาที่จะตามมา ดังจะเห็นว่ามีการแก้กฏหมายให้มีระบบสรรหาด้วย ไม่ใช่เลือกตั้งอย่างเดียว

แต่ไอ้เหตุผลมาสนันสนุนว่ามันจริงไหม ระบอบคอรัปชั่นมันเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลช่วงนั้นหรือมันฝั่งรากลึกมากับสังคมไทยนานแล้ว แล้วคนในต่างจังหวัดมองไม่ลึกพอหรือเปล่า ท่านคงต้องหาเองครับผมก็ไม่ทราบได้ และข่าวสารสมัยนี้ต้องตรวจสอบ ที่ผมรับมาก็ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน

สิ่งที่คนกลุ่มนี้น่าจะไม่ยอม

1. ถ้าหลังรัฐประหารมีเลือกตั้ง ฝ่ายเดิมชนะพวกเขาจะมองว่าคนส่วนใหญ่ยังมองไม่ลึกและยังไม่เห็นความจริงคนกลุ่มนี้น่าจะประท้วงอีก

อีกฝ่ายหนึ่งเขาคิดว่าเขาโดนเอาเปรียบเขาโดนยึดสิทธิของเขาไป และเขาเห็นว่ารัฐบายที่เขาเลือกโดนเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยออกมาเรียกร้องสิทธิ อยากให้มีเลือกตั้ง

ฝั่งนี้ทำไมสั้นจัง ไม่ต้องตกใจครับ ผมเอียงมาอยากให้มีเลือกตั้ง เลยถ่วงดุลไปหาข้อมูลของอีกฝั่ง ก็เลยน้อยหน่อยครับฮ่าๆๆ และจุดที่ทำให้เกิดปัญหามาถึงทุกวันนี้น่าจะมาจากคำตัดสินศาลตัดสินอดีตนายกทัnษิu ก่อนมีเสื้อเหลือง ดูเขาให้เหตุผลไม่ผิดจากปัจจุบันมากนักหรอกครับ ผมได้ยินจากเจาะข่าวตื้นครั้งแรกยังนึกกลัวเลยครับ ถ้าระบอบนั้นมีจริงก็น่ากลัวครับ

สิ่งที่คนกลุ่มนี้น่าจะไม่ยอม

1.เลือกปฏิบัติ

ปัญหาประเทศแก้ปัญายังไงนี้คงยาก ถ้าในอารมณ์โกรธก็เอายุบสองพรรคและห้ามบุคคลในพรคและญาติลงสมัครรับเลือกตั้ง และห้ามยุ่งเรื่องการเมือง แต่ก็อาจมีการหาพักพวกมาลงอีก แต่ก็น่าจะดีก��่าไม่ทำ ส่วนปัญหาคอรัปชั่นนั้นต้องใช้เวลาเพราะสังคมเราเดียวนี้มีการคอรัปชั่นในระดับองกรเล็กมาถึงใหญ่ ต้องมีคนตรวจสอบและต้องไม่ใช่คนกลุ่มเดียวต้องหลายกลุ่ม คนดีแบบไม่มีที่ติหาได้ที่ไหน

ถ้าพูดถึงการยึดอำนาจสำหรับผม ผมไม่ได้เห็นด้วยและก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วย ถ้าปล่อยประท้วงไปก็เสียหายเรื่อยๆถ้ายึดอำนาจก็เสียหายเร็วแต่ใครจะรู้ว่าทางไหนจะเสียหายน้อยกว่ากัน ผมคิดว่านะปัจจุบันไม่มีใครตอบได้ทั้งนั้นแหละครับ มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่มีใครรู้ มันจะแก้ปัญหาประเทศได้จริงหรือไม่ ก็ต้องดูกันครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดทุกๆคนทำให้มันเกิดหรือยอมให้มันเกิดเองไม่ต้องโทษใคร ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบ

เห็นด้วยอย่างที่น้า ชายชาติ ตอบ น้าอยู่ไกล้จากประเทศไทย ยังเข้าใจการเมือง มากกว่า คนไทย ไทยในประเทศ

แค่ชั่วคราวน่ะ..