The Nou

ช่วงภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ หรือช่วงการประกาศขึ้นภาษีอากรต่างๆของภาครัฐ ตลาดมืด "เหล้าเถื่อน" จะดี๊ด้าคึกคักเป็นพิเศษ ถือเป็นสินค้ายอดฮิตลำดับต้นๆ ที่นิยมลักลอบหนีภาษีกันอย่างมาก นอกจาก "เหล้าเถื่อน" จะทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้อย่างมหาศาลแล้ว บรรดาขาเมา นักดื่ม นักเที่ยวทั้งหลาย คงต้องผวากันเป็นแถว เพราะจากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระบุถึงอันตรายของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ที่เคยพบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปลอมจะใช้เมทิลแอลกอฮอล์มาผลิตแทน ซึ่งจะมีฤทธิ์ทำลายประสาทตา ทำให้ประสาทตาเสื่อมถาวรได้

ส่วนรู้ลูกค้าของขบวนการค้า"เหล้าเถื่อน" เท่าที่รู้แหล่งใหญ่จะเป็นสถานบันเทิงในแถบภาคตะวันออก และภาคกลาง โดยเฉพาะสถานบังเทิงในกรุงเทพฯและชลบุรี ถือเป็นลูกค้าสำคัญของขบวนการ"เหล้าเถื่อน" ด้วยเหตุผลที่ผู้ประกอบการอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าเป็นเหล้าปลอมหรือไม่ แต่ด้วยเหตุที่เหล้าปลอมมีราคาถูกกว่าเหล้าจริงอย่างมาก เมื่อซื้อมาขายให้ลูกค้าขาเมาทั้งหลายแหล่มันได้กำไรดีกว่า ด้วยเหตุนี้จึงมีสถานประกอบการจำนวนไม่น้อยที่นิยมเป็นลูกค้าของ "ขบวนการเหล้าเถื่อน"

จากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน แหล่งเหล้าปอมใหญ่ๆจะมีฐานการผลิตอยู่ที่ตามแนวชายแดนกัมพูชา แต่ปัจจุบันพบว่าขบวนการ"เหล้าเถื่อน" ได้แตก "เฟร์นชายน์" ผุดขึ้นในจังหวัดต่างๆของไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ที่สำคัญคงถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงต้องใส่ใจกับปัญหาเหล่านี้และเพิ่มมาตรการเชิงรุกมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะลำพังเหล้าไม่ปลอมดื่มเข้าไปก็แย่พออยู่แล้ว หาก"แด๊ก"เหล้าปลอมเข้าไปมีหวังตายยกกำลังสองแน่อน....!!!

เกือบทุกครั้งหลังการจับกุมแรงงานต่างด้าว ก็มักจะมีการออกมาแฉของแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุม ว่าต้องเสียค่านายหน้า และค่าผ่านด่านต่างๆ มากมาย มันเลยกลายเป็นเน่าที่สะท้อนว่าทำไม๊...ทำไม ปัญหาเหล่านี้จึงเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น....????

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 253 พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และประธานคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) พร้อมด้วย นายอิสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.สตม.ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างแก๊งขอทานต่างด้าวตามแหล่งสะพานลอย สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมตัวขอทานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาได้ทั้งสิ้น 557 คน เป็นชาย 220 คนและหญิงอีก 337 คน

พล.ต.สนั่น กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวและขจัดขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งแฝงเข้ามาในรูปแบบของแรงงานต่างด้าว โดยก่อนหน้านี้มีผู้ร้องเรียนว่า พบชาวต่างด้าวแฝงตัวเข้ามาขอทานอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในกรุงเทพมหานครจำนวนมาก โดยขอทานเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อประชาชน และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ สตม.ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำการสืบสวนกวาดล้างชาวต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 8-10 ม.ค.ที่ผ่านมา มุ่งเน้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตรอยต่อปริมณฑล และจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว จนสามารถ

ระดมกวาดล้างมาได้จำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ ที่มีทั้งชาวไทยและคนต่างด้าวร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์

เบื้องต้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาเหล่านี้เอาไว้รอการผลักดันกลับสู่ประเทศ และได้กำชับให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองไทยตามชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้เข้มงวดและช่วยกันสกัดกั้นขบวนการนำพาขอทานดังกล่าวเข้ามาสร้างความเดือดร้อนในราชอาณาจักรไทยให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ส่วนผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ บังคับ หรือนำคนต่างด้าวโดยเฉพาะเด็กๆ มานั่งขอทาน จะมีความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการสอบสวนขยายผลและหาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อไป

แม้เหตุการณ์จะลดลง แต่การก่อเหตุรุนแรงก็ยังมีอยู่ในระดับที่ยอมรับไม่ได้ จึงต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากในการทำงาน แถมเตรียมใช้ มาตรา 21 ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อให้โอกาสผู้หลงผิดในภาคใต้กลับมาร่วมมือกับรัฐ ซึ่งจะมีการหารือกับหลายฝ่าย เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ โดยคาดว่าไม่เกินวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ หลักเกณฑ์ต่างๆจะมีความชัดเจนในการบังคับใช้

ล่าสุดเด็กชายแก๊งเร่ร่อนขอทาน 2 คน ถูกตำรวจสภ.พัทยา จับกุมตัว หลังเข้ามารุมขอเงินจาก MR.MIREO CAVALLE TTI สัญชาติ อิตาลี่ พร้อมกับเพื่อนๆร่วมชาติและแฟนสาวชาวไทย โดยทำทีโอบกอดรัดตามแขนขาชาวต่างชาติ ก่อนที่จะฉวยโอกาสตอนเผลอล้วงเอาเงินในกระเป๋ากางเกงแล้วพากันวิ่งหลบหนีไป แต่หนีไม่รอด

กรุงเทพมหานคร สำรวจขอทานในกทม. พบว่ามีรายได้เฉลี่ยต่อวันประมาณ 300-1,000 บาทต่อวัน ทำงานวันละ 8-18 ชั่วโมง และเมื่อรวมแล้วมีเงินสะพัดแต่ละเดือนกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ จะใช้เด็กเป็นเครื่องมือ โดยกำหนดจุดขอทานเป็นบริเวณสถานที่ชุมชน เช่น สะพานลอย สถานีรถไฟ รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วงเวียนใหญ่ สถานีขนส่ง สนามหลวง โดยจากการตรวจสอบพบว่า ขอทานมีทั้งที่เป็นคนไทย และต่างด้าว ทำงานเป็นขบวนการ มีการจัดระบบผลัดเปลี่ยนเด็กหมุนเวียนไปตามจุดต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กทม.จะใช้อำนาจจากคำสั่งกระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม เมื่อ พ.ศ. 2540 เรื่องการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2484 ที่ให้อำนาจผู้อำนวยการเขต เจ้าหน้าที่เทศกิจ ในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน โดยจะเชิญผู้แทนกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ประชาบดี มูลนิธิกระจกเงา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือในกลางเดือน ม.ค. 2553 เพื่อกำหนดแนวทางทำงานร่วมกัน ในระหว่างนี้ กทม. จะจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจ จำนวนขอทานทั้งหมดทั้ง 50 เขต รวมถึงแหล่งที่อยู่และข้อมูล ที่จำเป็นเพื่อประกอบการหารือ ผลักดันไปสู่วาระในระดับชาติ ให้การแก้ไขปัญหาขอทานของ กทม. เป็นแบบอย่างในการจัดการปัญหา ในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป

ในการประชุมสภาครูอาเซียนที่ประเทศเวียดนาม เมื่อเร็วๆนี้ ประเทศไทยได้ส่งตัวแทนของสมาพันธ์และสมาคมต่าง ๆ ประมาณ 40 คน เข้าร่วมประชุมด้วย ในที่ประชุมได้มีการถกและพูดถึงสภาพปัญหาของครูในกลุ่มประเทศสมาชิกอย่างกว้างขวาง แต่ประเด็นที่น่าสนใจเห็นจะเป็นกรณีที่สมาชิกลุกขึ้นถามถึงงบประมาณด้านการศึกษาของประเทศไทยว่ามีการคอร์รัปชั่นมากเกิน 50% จริงหรือไม่ โดยเฉพาะงบประมาณการจัดซื้อในส่วนวัสดุ ครุภัณฑ์การศึกษาของทุกระดับ ไม่ว่าระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอาชีวศึกษา โดยเฉพาะระดับอาชีวศึกษาที่ถูกระบุว่ามีการคอร์รัปชั่นมากที่สุด

บรรดาครูบาอาจารย์ของไทย ในที่ประชุมวันนั้นถึงกลับหน้าชามองตากันปิบๆ "หน้าแหก" หมอไม่รับเย็บ เพราะสิ่งหนึ่งที่ครูอาเชี่ยนเค้าเปิดปมร้อนครั้งนี้ ส���วนหนึ่งมันมีมูลจริงซึ่งคงปฎิเสธได้ยาก