Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

ทำไมพระพุทธองค์จึงทรงเลือกไปปรินิพพานที่เมืองกุสินารา?

เมื่อพระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ กรุงเวสาลี แคว้นวัชชีแล้วนั้น ต้องทรงดำเนินด้วยพระบาทนานถึง ๓ เดือน กว่าจะถึงเมืองกุสินารา แคว้นมัลละ

ทั้งๆที่พระชนมายุก็มากแล้ว และเพิ่งหายจากพระอาการประชวร

ขอถามว่า ทำไม.....จึงต้องเป็นเมืองกุสินารา ค่ะ

11 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    ทำไมพระพุทธองค์จึงทรงเลือกไปปรินิพพานที่เมืองกุสินารา?

    1. เบื้องหลังของเรื่องนี้

    1.1 ความสงสัยของพระอานนท์

    ถ้าพิจารณาจากพระไตรปิฎกพบว่า พระอานนท์ก็เคยสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน จึงกราบทูลว่า "อย่าปรินิพพานในเมืองกุสินาราซึ่งเป็นเมืองเล็ก เมืองดอย เป็นกิ่งเมือง ขอให้เสด็จไปปรินิพพานในเมืองใหญ่ ๆ เช่น จัมปา ราชคฤห์ สาวัตถี สาเกต โกสัมภี พาราณสี"

    1.2 คำตอบของพระพุทธองค์

    พระองค์ตรัสตอบว่า "สาเหตุที่ทรงเลือกเมืองกุสินาราเพราะเมืองกุสินาราเคยเป็นราชาธานีนามว่า "กุสาวดี" ซึ่งพระเจ้ามหาทัสสนะจักรพรรดิทรงปกครอง เคยเจริญรุ่งเรืองยิ่งมาแล้ว"

    พระองค์ได้ทรงขยายความเพิ่มเติมให้พระอานนท์ได้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทรงเลือกเมืองกุสินารา โดยพรรณนาถึงความมั่งคั่งสมบูรณ์ของเมืองกุสาวดีและทรงพรรณนาถึงรัตนะ 7 ประการ ที่เกิดขึ้นแก่พระเจ้ามหาสุทัสสนะจักรพรรดิ คือ

    1) เพราะเมืองนี้มี จักรแก้ว ซึ่งหมุนไปในทิศต่าง ๆ ได้ จึงนำชัยชนะมาให้

    2) เพราะเมืองนี้มี ช้างแก้ว เป็นช้างเผือกชื่อ อุโบสถ

    3) เพราะเมืองนี้มี ม้าแก้ว สีขาวล้วน ชื่อ วลากห

    4) เพราะเมืองนี้มี แก้วมณี เป็นแก้วไพฑูรย์

    5) เพราะเมืองนี้มี นางแก้ว รูปร่างงดงาม มีสัมผัสนิ่มนวล

    6) เพราะเมืองนี้มี ขุนคลังแก้ว (คหปติรตนะ) ช่วยจัดการทรัพย์สินอย่างดีเลิศ

    7) เพราะเมืองนี้มี ขุนพลแก้ว (ปริณายกรตนะ) บัณฑิตผู้สั่งสอนแนะนำ

    อนึ่ง พระเจ้ามหาสุทัสสนะจักรพรรดิทรงมีความสำเร็จ (ฤทธิ์) 4 ประการ คือ

    1) รูปงาม

    2) อายุยืน

    3) มีโรคน้อย

    4) เป็นที่รักของพราหมณ์และคฤหสบดี (ประชาชน)

    2. เหตุผลของนักปราชญ์รุ่นหลัง ๆ หลายท่านได้ให้ความเห็นไว้ดังนี้ เช่น

    2.1 พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญา นันทภิกขุ )

    “......ท่านบอกล่วงหน้า ๓ เดือน ๓เดือนต่อจากนี้ตถาคตจะปรินิพพาน บอกไว้เลย แล้วก็จะไปปรินิพพานที่เมืองกุสินารา พระอานนท์ก็ค้านว่า โอย....เมืองใหญ่ๆเยอะแยะ เมืองราชคฤห์ เมืองสาวัตถี เมืองสา���กต เมืองใหญ่ๆ พระองค์ก็เป็นพระบรมครูของโลก ทำไมจะไปตายเมืองเล็กๆ ทำไมไม่ไปตายเมืองใหญ่

    พระองค์ก็บอกว่า กุสินาราไม่ใช่เมืองเล็ก ครั้งสมัยโน้นเคยเป็นเมืองใหญ่ นี่พูดให้เป็นในเรื่องเก่าว่าเป็นเมืองใหญ่ ความจริงนั้น พระผู้มีพระภาคท่านทรงเห็นการณ์ไกล ตัดปัญหาไม่ให้มันยุ่ง คือถ้าไปตายเมืองใหญ่ กษัตริย์ผู้ใหญ่มีอำนาจก็ไม่แบ่งอะไรให้ใคร เช่น ใครต้องการ���ะไรก็ไม่ให้ ฉันใหญ่ ฉันไม่ยอม มันก็ยุ่ง

    แต่ไปตายเมืองเล็ก มันก็ไม่ลำบาก เขามาพร้อมกัน กษัตริย์เมืองเล็กก็ไม่ว่าอะไร ต้องจัดการไป เช่นพระธาตุนี่เป็นตัวอย่าง .... กระดูกนะ คนนี้ต้องการ คนนี้ก็ต้องการกระดูกของพระพุทธเจ้า ถ้าไปเมืองใหญ่เขาก็ไม่ให้ เดี๋ยวเดียวรบกัน เป็นปัญหาแก่สังคม เลยไปนิพพานเมืองเล็ก

    เมืองเล็กนี่ไม่มีกำลัง เมื่อพวกมาขอก็ต้องให้ไปๆ แล้วให้อย่างถูกต้อง ชั้นแรกไม่รู้จะให้กันอย่างไร ต่างคนต่างมาขอกันมาก ลำบาก ก็เลย เอ้า รอให้พร้อมกันเสียก่อน พอพร้อมกันแล้วก็ให้โทณพราหมณ์จัดการแบ่งให้ไปตามสมควร เรื่องมันก็ไม่ยุ่ง

    2.2 พระธรรมโกศาจารย์ ( ประยูร ธมมฺจิตฺโต )

    “เนื่องจากพระพุทธเจ้าไม่ใช่บุคคลของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นบุคคลของโลกในสมัยนั้น ซึ่งมองชมพูทวีปเป็นโลกนี่ เมื่อเป็นบุคคลของโลก การเสด็จไปดับขันธ์ปรินิพพานในเมืองใหญ่ ก็จะทำให้เมืองใหญ่ยึดเป็นเจ้าของ แล้วอาจจะสถาปนาตัวเองในทางการเมืองเป็นพี่เบิ้มโดยอ้างพระพุทธเจ้า ก่อให้เกิดความขัดแย้ง”

    2.3 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ร.ท. ดร.บรรจบ บรรณรุจิ

    “เหตุผลตรงนี้ชัดเจนปรากฏอยู่ในมหาปรินิพพานสูตรนะครับ คือว่าพระพุทธเจ้าคงทราบแล้วละว่า หลังจากถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว พระธาตุของพระองค์จะถูกแบ่ง เพราะฉะนั้น ถ้าปรินิพพานในเมืองใหญ่ๆที่มีกำลังกองทัพเข้มแข็งก็คงเกิดศึกแน่นอน อย่างถ้าปรินิพพานที่แคว้นมคธ แคว้นมคธก็คงไม่ยอมให้และก็มีกำลังที่จะป้องกันได้ เพราะฉะนั้นจึงเสด็จไปที่เมืองกุสินารา ซึ่งเป็นเมืองชายแดนนะ ไกล และไม่มีกำลังที่จะป้องกันตนเองได้อย่างเต็มที่”

    2.4 ศาสตราจารย์พิเศษ เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต

    อีกเหตุผลหนึ่งที่ทรงเลือกเมืองนี้คือ เพื่อทรงโปรดผู้ที่อาจจะเป็นพระญาติ ท่านได้ให้ความเห็นถึงเหตุผลที่อาจเพราะเพื่อการโปรดพระญาตินั้นไว้ว่า “เหล่ามัลลกษัตริย์นี่แหละครับ ปราชญ์บางท่านบอกว่าเป็นเชื้อสายเดียวกับพระพุทธองค์ เรียกพวกเขาว่า “วาเสฏฐะ” และที่ทรงต้องการปรินิพพาน ณ เมืองนี้ คงมิใช่เพราะยึดประเพณีประจำเผ่า (คือถือสายเลือดตนบริสุทธิ์ ไม่ยอมแต่งงานกับเผ่าพันธุ์อื่น เวลาจะคลอดบุตร หรือจะตาย ต้องกลับไปตายที่บ้านเกิด – ผู้เขียนบันทึก) แต่คงทรงต้องการกระทำ “ญาติสังคหะ” (การสงเคราะห์พระประยูรญาติ) ให้สมบูรณ์นั่นเอง

    พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญ จริยา ทั้ง ๒ ประการ คือ พุทธัตถจริยา (การบำเพ็ญประโยชน์ในฐานะพระพุทธเจ้า) และโลกัตถจริยา (การบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ชาวโลก) สมบูรณ์แล้ว ส่วนญัตถจริยา (การบำเพ็ญประโยชน์แก่พระประยูรญาติ) ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ พระญาติฝ่ายโกลิยวงศ์ และศากยวงศ์ พระองค์ก็ทรงสงเคราะห์หมดสิ้นแล้ว ยังเหลือแต่พระญาติทางฝ่ายมัลลกษัตริย์ ”

    แหล่งข้อมูล: สุชีพ ปุญญานุภาพ, พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน, (พิมพ์ครั้งที่ 14) กรุงเทพฯ, มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2535, 328-330
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    "พุทธวิสัย"ซึ่งเป็นหนึ่งใน อจินไตย๔ เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์จะเข้าใจได้ จึงขอตอบตามความคิดเห็นและมุมมองของตนเองนะครับ เหตุที่เป็นเมืองกุสินารา เพราะเป็นเมืองไม่ใหญ่กองกำลังทหารไม่เข้มแขงมาก พระธาตุของพระพุทธองค์จะได้ถูกแบ่งปันให้ชาวเมืองอื่นๆได้นำไปสักการะบูชา หากทรงปรินิพพานในเมืองใหญ่ที่กองกำลังทหารเข้มแข็ง พระธาตุของพระพุทธองค์ก็จะถูกเมืองนั้นอ้างสิทธิ์ครอบครองไว้โดยลำพัง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงตามมา อาจก่อให้เกิดมหาสงครามระหว่างเมืองระหว่างแคว้นก็เป็นได้ครับ

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เหตุที่พระพุทธองต์ทรงเลิอก ไปปรินินพพานที่เมืองกุสินารา คือ

    ๑. เพื่อเป็นเหตุตรัสมหาสุทัสสนสูตร มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมากได้ฟัง ก็จะเชื่อในผลทานจักกระทำกุศลต่างๆมาก

    ๒. เพื่อโปรดสุภัททปริพาชก ซึ่งเป็นพุทธเวไนย มิใช่สาวกเวไนย หมายถึง พระพุทะองค์เท่านั้นที่โปรดให้บรรลุธรรมได้ พระสาวกทั้งหลายไม่สามารถสอนสุภัททให้บรรลุธรรม คือพระองค์เล็งพระญาณดูแล้วว่า สุภัททปริพาชกจะเข้าไปถามปัญหา เมื่อพระพุทธองค์วิสัชชนาจบก็ จะขอบวช แล้วเรียนพระกรรมฐานต่อพระองค์ และจะบรรลุพระอรหัตตผล ในเวลาที่พระพุทธองค์ยังมีพระชน์อยู่

    ๓. โทณพราหมณ์จะห้ามสงครามแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุได้ พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า หากพระองค์ปรินิพพานที่เมืองอื่น จะเกิดสงครามในการแจกพระสรีรธาตุ เลือดจะนองไปทั่ว แต่ที่ใดมี โทณพราหมณ์ก็จะห้ามปรามข้อวิวาทได้

    ทรงพิจารณาถึงเหตุสามประการนี้ จึงทรงพระมหาอุตสาหะเสด็จมาถึงเมืองกุสินารานี้

    ที่ผมตอบ อ่านจาก หนังสือพระปฐมสมโพธิกถา ฉบับพิสดาร พระนิพนธ์สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส เล่มละ60บาท ไม่ใช่ที่ออกใหม่เล่มละพันกว่าครับ อีกอย่างในเวปแรกจะเขียน เข้าใจยากอ่านยากครับ

    แหล่งข้อมูล: เข้าweb search http://board.palungjit.com/f13/ http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/buddhist98.htm
  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    1. หมู่เฮาถามไม่ทัน เกิดหลังท่านบ้ายบายสองพันกับหลายร้อยปี 2. มัวโฟกัสฝึก data mining ค้นหา microcosm namas macrocosm (โยนิโสนมันสิการ) ontological (uplink) methodology 3. หลายศาสดาบอก อย่าเดา (เติมทักษะใช้ Intellect ลำดับ Logic ไม่ได้ เพราะ Analytical Intellect คอรัปชั่น เลือกตัดต่อตามชอบ/ ไม่ชอบ)

    4. เส้นทาง (Path สัจจธรรมเต็มวงล้ออภิธรรม/ Tao/ HG OS/ fortune wheel (life sciences/ metaphysichological pervasions) ลื่นไหลซินโครไนซ์ ทวนสัง+ญาณ กับคอมพิวเตอร์ตัวบน (wireless, 6 simutaneous senses, modus viendi, biocomputer กายทิพย์/ กายพลังงาน -- บายพาสสมองซ้ายฝั่ง analytical intellect -- ฟังก์ชั่นแบบปิดทองหลังพระ (Tunnellinks) แอบอุ้มสม (เมขลา) สลายอารมณ์ลบ+บรรดากะลากริดล๊อค (Nutshells) ทั่วระบบ reactive mind -- อั๊พเกรด ดีท๊อกซ์ อัพเดท และ เอมพาวเวอร์ analytical intellect)

    โดย เข้าออกคลื่นความถี่นิโรธด้วยตามกลไก prana narayam ผ่านก้านสมอง (หนวดแมวเร้าเตอร์) ผ่านสมองหลัง ผ่านช่องแคบ chiastma [กรีก จีนเรียก Chi เกาหลี อียิปต์ยุค Hellenism คลีโอพัตรา เรียกช่องสิงห์โตคู่) จีซัสเรียกรูเข็ม อยู่ใต้สมองกลางใกล้สมองหลัง (จุดกุมภกรรณทดน้ำ เลือดคั่งเส้นเลือดฝอยแตกแบบขงเบ้ง อัจฉรยะ Intelligence เครียดนาน อั๊พลิ้ง Autocharge ไม่เป็น ช่องแคบ Chi อุดตัน ตรงข้ามกับไอสไตน์) ลิ้งค์สมองกลาง สมองซ้าย กระดูกสันหลัง ทุกต่อมไร้ท่อ เรดิเอทกลับตาละปัตรบิดตะกูด (Chisastic paradigm Flip) ยิงเข้าสมองซ้ายมาจากฝั่ง Synthetic Intellect

    5. หมู่เฮาศึกษท่าน ทางวินโด้วภาระกิจกู้คืนชีวิตมนุษย์ชาติ หมู่ท่านค้นทางวินโด้ว์ประวัติบุคคล พบอะไรแปลก ๆ ที่เป็นัยสำคัญบอกหมู่เฮาบ้างเน้อ!

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    อือมม..ข้างบนตอบคำถามแล้วหลา่ยคน ผมค้นมาไม่ได้ข้อมูลแตกต่างจากคนอื่นเรื่องเหตุใดท่านจึงเลือกเมืองนี้

    จึงขอนำลิ้งค์ เรื่องราวสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังสมัยพุทธกาล มาเผยแพร่ให้อ่าน

    เมืองนี้ปัจจุบันมีฐานะเป็นอำเภอ ชื่อ กุสินคร(Kushinaga) หรือกาเซีย(Kasia) หรือกาสยา (Kasaya) ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเทวริยา (Devria; Devriya), รัฐอุตตรประเทศ, ประเทศอินเดีย

    หลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว เมืองกุสินารากลายเป็นเมืองสำคัญแห่งการสักการะบูชาของพุทธ ศาสนิกชน เหล่ามัลลกษัตริย์ได้สร้างเจดีย์และวิหารเป็นจำนวนมากไว้รอบๆสถูปใหญ่

    หลวงจีนฟาเหียน (Fa-hsien) ที่ได้เข้ามาสืบศาสนาในช่วงปี พ.ศ. 942 - 947 รัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 (พระเจ้าวิกรมาทิตย์) แห่งราชวงศ์คุปตะ ซึ่งหลวงจีนท่านได้พรรณาไว้ว่า

    "เมื่อมาถึงกุสินารา มีแต่เมืองที่ทรุดโทรม หมู่บ้านเป็นหย่อมๆ ห่างกันไป โบสถ์ วิหาร และปูชนียวัตถุ ปรักหักพังโดยมาก สังฆารามที่ควรเป็นที่อยู่อาศัย ก็ไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ ได้เห็นศิลาจารึกพระเจ้าอโศก 2 หลัก ในอุทยานสาลวัน จารึกนั้นบอกว่า "ณ ที่นี้ เป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์"

    บันทึกของพระถังซำจั๋ง (Hiuen-Tsang) ​ซึ่งได้จาริกมาเมืองกุสินาราราวปี พ.ศ. 1300 ได้พรรณาไว้ในจดหมายเหตุของท่านว่า

    "...เมืองกุสินาราเต็มไปด้วยป้อมปราการ หอสูง และสังฆาราม อยู่ห่างจากเมืองเวสาลี 19 โยชน์ กุสินาราเป็นเมืองหลวงของมัลละกษัตริย์ อยู่ในสภาพปรักหักพัง หมู่บ้านเป็นสถานที่รกร้าง หาคนอยู่อาศัยมิได้ กำแพงเมืองเก่าก่อด้วยอิฐ มองดูโดยรอบยาวประมาณ 1 ลี้ มีคนอาศัยในกำแพงเมืองเก่าเพียงเล็กน้อย ตามถนนสายเล็ก ๆ ของเมืองเป็นที่ร้าง... ประตูทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีสถูปแห่งหนึ่งเหลือแต่ซาก มีหลักฐานว่าผู้สร้างคือพระเจ้าอโศกมหาราช สถานที่แห่งนี้เป็นซากบ้านของนายจุนทะบุตรของนายช่างทอง (จุนทะกัมมารบุตร) คนที่ได้ถวายภัตตาหารครั้งสุดท้ายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลางหมู่บ้าน มีบ่อแห่งหนึ่ง เป็นบ่อที่ขุดฝังอาหารที่เหลือจากเศษเสวยของพระพุทธองค์ และพระพุทธองค์รับสั่งให้ฝังเสีย ไม่ทรงยอมให้ภิกษุอื่นบริโภค น้ำในบ่อนั้นล่วงเลยมานานเพียงใดก็ดี ก็ยังมีน้ำสะอาดใสอยู่เสมอ... ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมือง ห่างไป 3-4 ลี้ เราข้ามแม่น้ำอชิตวดีไปทางตะวันตกของแม่น้ำนั้น ไม่ไกลนักเป็นสาลวโนทยาน มีไม้สาละขึ้นเป็นหมู่ใหญ่ ลักษณะของไม้เป็นเปลือกสีขาว ส่วนใบสะอาดเป็นเงาไม่มีขรุขระ ในป่าไม้สาละนั้น มีสาละใหญ่อยู่ 4 ต้น ที่มีลักษณะใหญ่กว่าไม้อื่น ๆ ... ในสาลวโนทยาน มีสถูปแห่งหนึ่งเหลือแต่ซาก มีหลักฐานว่าสร้างโดยพระเจ้าอโศก ทางตะวันออกเฉียงเหนือมีแม่น้ำหิรัญญวดี (ในบันทึกบอกว่าอชิตวดี) มีน้ำเปี่ยมอยู่ มีไม้สาละขึ้นอยู่เต็มทั้งป่า วิหารใหญ่ก่ออิฐถือปูน มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และปางปรินิพพานหันเศียรไปทางทิศเà¸��นือ มีลักษณะเหมือนบรรทมหลับ ข้าง ๆ มีสถูปใหญ่ มีจารึกว่าพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผู้สร้าง แม้จะทรุดโทรม แต่ก็ยังเหลือความสูงถึง 200 ฟุต ข้างสถูปมีศิลาจารึกว่า

    "ที่นี่ เป็นที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระตถาคต"...

    ทางทิศเหนือของเมืองกุสินารา (ในมหาปรินิพพานสูตรว่าทางทิศตะวันออก) เราเดินข้ามแม่น้ำสายหนึ่ง

    เดินไปประมาณ 300 ก้าว ได้พบพระสถูปองค์หนึ่ง สถานที่นี้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

    พื้นดินตรงที่ถวายพระเพลิง บางแห่งเป็นสีเหลืองปนดำ บางแห่งร่วนเหมือนกับถ่านไฟ

    ใครก็ตามเมื่อจาริกแสวงบุญมาถึงสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแห่งนี้

    ถ้าตั้งจิตให้เป็นสมาธิ สาธยายมนต์ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว

    พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านั้นก็จะเสด็จมาสู่ตน..."

    ในปี พ.ศ. 2397 นายวิลสัน นักโบราณคดีอังกฤษ ได้ทำการพิสูจน์ขั้นต้นว่าหมู่บ้านกาเซียคือกุสินารา

    ปี พ.ศ. 2404-2420 เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ได้เริ่มทำการขุดค้นเนินดินในสาลวโนทยาน

    ปี พ.ศ. 2418-2420 นายคาร์ลลีเล่ หนึ่งในผู้ช่วยทีมขุดค้นของท่านเซอร์ อเล็กซานเดอร์

    ได้ทำการขุดค้นต่อจนได้พบพระพุทธรูปปางปรินิพพาน วิหารปรินิพพาน และสถูปจำนวนมากที่ผู้ศรัทธาได้สร้างไว้ในอดีต เมื่อครั้งพระพุทธศาสนายังรุ่งเรือง

    โดยนายคาร์ลลีเล่ เป็นท่านแรกที่เอาใจใส่ในงานบูรณะและรักษาคุ้มครองพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ ขุดพบ

    ปัจจุบันชาวพุทธทั่วโลกได้มาก่อสร้างวัดไว้มากมาย โดยมีวัดของไทยด้วย ชื่อ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ปัจจุบันชาวไทยที่มาสักการะ ณ กุสินารา นิยมมาพักที่นี่ ในส่วนพุทธสถานโบราณลุมพินีนั้น ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นอย่างดีจากรัฐบาลอินเดีย โดยรอบมีสภาพเป็นสวนป่าสาละร่มรื่นเหมือนครั้งพุทธกาล ชวนให้เจริญศรัทธาแก่ผู้มาสักการะตลอดมาจนปัจจุบัน

    อ่านเรื่องราวเพิ่มเติม และดูภาพได้ที่นี่

    http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0...

    .

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    เพราะมีสาวก ที่ต้องทรงไปโปรดสัตว์ คนสุดท้ายที่นี่

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    จริง ๆ เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก แต่ก็น่าอยู่มากนะ พระองค์ทรงมีเหตุผลอยู่หลายประการ แต่หนึ่งในความปรารถนาของพระองค์ คือ โปรดท่านผู้หนึ่ง (ผมก็จำชื่อท่านไม่ได้นะ น่าเขกหัวตัวเองจริง ๆ ) ที่ท่านมาถวายอาหาร คือ เนื้อสุกร และเป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงฉันท์นั่นแหละ คือ ท่านจะต้องได้บรรลุในพระอรหันต์ แต่ต้องเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้โปรดสอน

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ต้องสำเร็จก่อนครับถึงตอบคำถามนี้ได้เพราะจะมีพลังที่อ่านใจได้

  • MI1
    Lv 4
    1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    ความรู้ในเรื่องนี้ คงไม่ใช่รู้จริงนะครับ ฟังเขามาเหมือนกัน เคยได้ยินมาเช่นเดียวกับ ท่าน กรณ์ ตอบนะครับ ในเรื่องทางโลกในยุคสมัยนั้น เป็นอย่างไร เราก็ไม่อาจจะทราบรายละเอียดได้ ถามตัวเราเอง ที่จริงคนดัง ก็ต้องอยากจะไปตาย ในที่ๆ เหมาะสมหรือสมค่า สมราคา ตัวเองนะครับในทางโลก เป็นเรื่องปกติ แต่เพราะสิ่งนี้ เหตุนี้ พระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาในศาสนาพุทธ อุทิศความรู้ที่ตนได้รู้เอง เห็นเอง และเข้าใจแล้วทั้งหมดทั้งสิ้น เพียรสั่งสอนอบรม ทิ้งไว้ซึ่งพระธรรม คำสอน ต่างๆ ของพระองค์ ให้เราๆ ท่านๆ ได้ศึกษา และพยายามทำความเข้าใจ เมื่อพระองค์ทรงคุณเช่นนี้ การเลือกของพระองค์จึงต้องทรงคุณยิ่งใหญ่เสมอ แต่เราจะเข้าใจหรือไม่ โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ของสาระสำคัญที่ยิ่งใหญ่กว่า..ครับ ขอบคุณครับ

  • 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา

    สถานที่เป็นกลาง...ที่เลือกเฟ้นด้วย อภิญญา และเป็นไปตามวิถีที่กำหนด จ้ะ

ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้