วิทยุชุมชน และอินเตอร์เน็ต ช่วยแพร่กระจายข่าวสารด้านการเมืองในชนบท ได้มากน้อยเพียงใด?

คงไม่มีชาวไร่ชาวนาคนไหน ทำงานโดยไมรับรู้ข่าวสาร

ผมก็ลูกชาวนาติดตามพ่อแม่ไปทำนา ก็มีวิทยุทรานซิสเตอร์ไปด้วย

แสงว่าคุณไม่เคยออกไปทำไร่ทำนาถึงไม่รู้ใช่ไหม

ไม่เช่นนั้นชาวไร่ชาวนาเขารู้ราคาสินค้าการเกษตรได้อย่างไร

แล้วก็คงไม่ีชาวไร่ชาวนาคนไหนทำทั้งปี เข��ก็้ต้องมีวันหยุดบ้าง

ทุกบ้านตองมีทีวี ข่าวมีทุกต้นชั่วโมง ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะกลับเข้าตอนไหน

ไม่รู้ว่าเป็นนักข่าวได้อย่างไร

*****ผมคิดว่าคุณข้องใจมากๆกับผลการเลือกตั้ง เพราะตั้งคำถามเชิง

ดูถูกสติปัญญาคนอื่น มาถึงสองครั้ง แทนที่จะวิเคราะห์ได้เอง ทั้งที่เป็นนักข่าว

จริงหรือไม่กับที่อ้างมา แต่ถ้าเป็นจริง ผมว่าคุณยังบกผ่องต่อหน้าที่การงาน

ถ้าพ่อแม่เราทำไร่ทำนา แล้วมีปัญญาส่งให้พวกเราได้เรียนสูงๆ จงตระหนักให้ดี

นั้นหล่ะครับเขามีความรู้และความสามารถมากกว่าเราหลายเท่านัก

ถ้าเรียนสูงๆแล้ว มีแต่หลักการ แต่หลักทำหลักปฏิบัิติไม่มีก็หมือนกับที่เสพสื่อ

อย่างเดียวโดยที่ไม่หาข้อเท็จจริงของข่าวนั้น

*****ดูถูกกระดูกสันหลังของชาติ ก็อย่าหวังจะเจริญ เพราะความเจริญมาจากกระดูก

สันหลังทั้งสิ้น****

***ตอบอีกครั้ง***

ผมไม่ทราบหรอกว่าคุณเป็นใคร จะเป็นคนของรัฐก็ว่าไป แต่คุณบอกว่าคลุกคลี

และเป็นคนชนบท คุณตอบคำถามผมให้ได้ก่อนว่า คนบ้านนอกคอกนาเวลาไปเลี้ยงควาย

ทำไร่ทำนา เขาก็สามารถฟังข่าวสารจากวิทยูทรานซิสเตอร์เครื่องเล็กๆ ที่สามารถเอาไปได้

แต่คุณพยายามบอกว่า คนพวกนี้ไม่มีทางที่จะรับรู้ข่าวสาร โดยเป็นคำถามต่อเนื่องจากคำถาม

ครั้งที่แล้วเพราะมีบางคนตอบว่า เดี๋ยวนี้ระบบสื่อสารทีทั้งเน็ตและวิทยุ คุณก็เลยมาต่อประเด็น

ตรงนี้ พูดง่ายๆพยายามตั้งคำถามขึ้นมาเพื่อให้คนที่มาตอบจนต่อคำถาม ตรงนี้ผมแปลเจตนารมณ์

ของคุณจากตัวอักษรครับ ไม่ได้มานั้งเดาว่าคุณเป็นใคร แล้วคิดอย่างไร ผมก็เห็นคนที่ตอบ

คำถามคุณเขาก็แปลเจตนาอย่างผมเหมือนกัน ถ้าผมเข้าใจผิดอย่างแรง ผมว่าในนี้ก็ผิดแบบผมไม่น้อย

****เอาเถอะครับถ้าคุณหวังดีต่อชาวเกษตรผมก็สรรเสริญครับ

แต่ก็ควรทำให้มันเป็นรูปธรรมหน่อย และก็ศึกษาปัญหาที่แท้จริงของคนรากหญ้า

ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ถ้าคุณรู้ว่าข่าวสารมันไปไม่ถึง คุณก็ควรที่จะให้มันถึงครับ

****ส่วนตัวผมมีหน้าที่ เสียภาษีไปแล้ว ผมก็หวังว่าเงินของผมคงกลับไปถึงพ่อแม่ผม

ที่อยู่บ้านนอกครับ ไม่ใช่เอาแต่ตั้งโปรเจ็คหรือโครงการ คิดได้ต้องทำด้วยครับ กลัวจะเหมือน

รัฐบาลชุดที่แล้วที่ดีแต่พูด ขอยืมคำคุณมาพูดหน่อย

****เป็นคำยกยอปอปั้นให้คนฟังเคลิบเคลิ้มซะมากกว่า****

ถือว่าช่วยได้มากค่ะ เพราะคนชนบทไม่ซื้อหนังสือพิมพ์อ่าน แต่ส่วนใหญ่ข่าวที่เอามาอ่านออกวิทยุชุมชนผู้ประกาศก็เอามาจากหนังสือพิมพ์หรือทีวีไม่ได้เขียนขึ้นเองเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการถูกฟ้องหรือปิดสถานีในกรณีเขียนข่าวขึ้นมาเอง ถึงคนชนบทจะไม่ซื้อหนังสือพิมพ์หรือดูข่าวจากทีวีก็ถือว่าไม่ตกข่าว อีกอย่างคือสถานีวิทยุชุมชนรู้ว่าคนในชุมชนนของตนต้องการหรือสนใจในข่าวประเภทไหน

ก็คงมีส่วนช่วยได้บ้างนะคะ

ถ้าผู้จัดรายการวิทยุชุมชนเป้นคนที่มีใจเป็นกลางและตรวจสอบข่าวสารก่อนเผยแพร่ ทำให้สารที่ส่งไปถูกต้อง

ถ้าผู้รับผู้รับสารรู้จักวิเคราะห์

ถ้าผู้รับสารใส่ใจที่จะรับฟัง

ดิฉันเคยจัดรายการวิทยุเป็นรายการที่ให้ข่าวสารความรู้ แต่ก็จะย่อยให้ฟังง่าย ๆ เหมือนเล่าสู่กันฟัง ตอนจัดก้คิดอยู่เหมือนกันว่า ใครจะฟังเราว้า.... จะมีคนฟังเร้อ.... แต่ปรากฏว่ามีจดหมายจากคนฟังมาจากหลายจังหวัดไกล ๆ เช่น พัทลุง ปัตตานี อุบล สระแก้ว แพร่ น่าน คนฟังที่เขียนจดหมายมามีตั้งแต่เด็กประถมจนถึงคนแก่อายุ ๘๐ กว่า กระดาษที่เขียนฉีกจากสมุดเรียนก็มี เขียนหนังสืออาจไม่ค่อยถูกแต่ลายมือสวยงาม เวลาไม่สบาย ไปจัดรายการไม่ได้ เอาเทปออกซ้ำ เค้าก็ถามไถ่มา คนต่างจังหวัดและคนแก่ยังชอบฟังวิทยุอยู่ หลายคนไม่ชอบดูละครโทรทัศน์แต่จะชอบฟังวิทยุ มีความสุขกับการฟังวิทยุ เรื่องหลายเรื่องที่เราเองไม่รู้ เขาก็บอกเข้ามา ฉะนั้นวิทยุยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการส่งสารได้ทั้งที่ดีและไม่ดี คือ ถ้าเราสามารถควบคุมรายการให้มีคุณภาพ ได้คนจัดที่มีจิตสำนึก สารที่ส่งไปก็จะดี ขณะเดียวกันถ้าเป็นในมุมตรงกันข้าม คนที่มีสื่ออยู่ในมือไร้จิตสำนึก สารที่ส่งไปก็จะบิดเบี้ยว

วิทยุชุมชน เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องมีการลงทุนที่มาก ดังนั้น วิทยุชุมชนจึงเป็นช่องทางที่เข้าถึงประชาชนซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ได้มากที่สุด เพราะมันมากับสายลม ส่วนอินเตอร์เน็ต จะเป็นเฉพาะกลุ่ม ซึ่งอยู่ในวงเคบกว่า และมีการลงทุนที่ค่อนข้างสูง เพราะมันมากัยเส้นสาย แต่ทั้งสองช่องทางก็ช่วยแพร่กระจายข่าวสารด้านการเมืองในชนบท ได้มาก แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องขุ้นอยู่กับคนที่จะใส่ใจและเสียสละ หรือมีจืตสาธารณะเพียงไร ครับ

จากวิทยุชุมชน มากกว่าช่องทางอื่นๆ แถวบ้านก็จัดรายการดีนะ คนนิยมฟังแà��¥à¸°à¸ˆà¸¹à¸‡à¹ƒà¸ˆà¹ƒà¸«à¹‰à¸•à¸´à¸”ตามโดยจัดรายการแจกเสื้อยืดบ้าง โทรศัพท์มือถือบ้าง คนฟังก็ส่งชิงโชคกันเยอะ ถ้าสถานีนี้แทรกข่าวสารไปเป็นช่วงๆ คนฟังก็ได้ประโยชน์

ดีทางเลือกใหม่หูตาจะได้กว้างไม่เสพสมกับสื่อที่มีอยู่ปกปิดความจิงไม่กล้าเสนอ

ผมว่าวิทยุชุมชนและอินเตอร์เน็ต ก็ช่วยแพร่กระจายข่าวด้านการเมืองได้ดีพอควร แต่เรื่องแนวความเชื่อของคนในชุมชน น่าจะอยู่ที่ตัวผู้นำชุมชนซะมากกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีความหมายมากกว่าข่าวสาร บางท่านคิดว่าการจ่ายเงินซื้อเสียงของชาวบ้าน ก็เอาเงินไปจ่ายและก็รอรับคะแนนได้เลย แต่จริงๆแล้วผุ้สมัครที่จ่ายเงิน เขาต้องทำงานทำประโยชน์ให้ชà��¸à¸¡à¸Šà¸™à¸”้วย ไม่อย่างงั้นเขาจะไม่ได้คะแนนอย่างเต็มเต็มหน่วยแน่นอน

ปัญญาให้ทั้งคุณ ปัญญาให้ทั้งโทษ

เราควรตำนึงถึงพยัญชนะ(เนื้อหา)และอรรถะ(สาระ)

เราคำนึงแค่เนื้อหา โดยไม่คำนึงถึงสาระอันเป็นแก่นแท้ของชีวิตและการกระทำ

พวกที่หลับตาเชื่อมันก็มีทั้งในกรุงนอกกรุง

คั้งแต่ยังไม่จบป4 ยันด็อกเตอร์ละครับ

และคนที่อยู่ในสังคมปิดก็จะรับข่าวกันแต่เฉพาะที่ตัวเองชอบ

ตัวเองเชื่อ และศาสดาฝ่ายการเมืองของตน มาแสดงโปรด

การขาดความหลากหลายของข่าวสาร

กับการปิดกั้น ไม่อยากรับรู้ สิ่งที่บั่นทอนความเชื่อของตนเอง ต่างหาก

ที่ทำให้คนสติปัญญาสูง การศึกษาดี ติดหล่ม จมศรัทธา เชิดชูโจร

จนลากประเทศชาติลงไปในกองเพลิง

คนเขาอยากรู้ก็เพราะเขายังไม่รู้ และอาจไม่มีมุมมองโลก อย่างเราก็ได้

คงไม่น่าไปคิดว่าใครจะดูถูกใครหรอกครับ

ถ้าเป็นเพราะเขาไม่รู้เรารู้ก็บอกไป ไม่น่าไปคิดอะไร

ถ้าใครคิดไม่ดี มันก็จะฟ้องตัวเอง

ดูไปสักหน่อยจะเห็นจะแจ้ง ถึงจะแสร้งปากหวานแต่มุ่งร้ายก็มี

คนบางกลุ่มพวก หรือบางคนที่มีเจตนาเข้ามาสร้างความแตกแยก

จากลัทธิศาสนา

รวมทั้งความเชื่อทางการเมือง ในนี้มีแน่นอน

ถ้าเราไปตั้งหลัก ตั้งใจ ว่าคนโน้นจะเหยียดหยามดูถูก ความคิดเรา

คงได้เป็นบ้ากันไปทุกวันแน่ๆ และสำคัญ ถูกปั่นจนมึน

กินข้าวหม้อเดียวกันกับพี่น้องไม่อร่อยเปล่าๆ

วิทยุชุมชนน่ะมันก็มีเจ้าของเป็นกลุ่ม อิทธิพล ก็มี

อินเตอร์เน็ท บางทีคนดูก็ไม่มีความสามารถแยกแยะ

และคนที่ไม่อยากจะรู้เรื่องการเมือง เพราะโดนหลอกบ่อย จนเบื่อก็มี

การยอมรับความหลากหลายของข่าวสาร

มีความสำคัญมากกว่า โอกาสของการได้รับข่าวสารที่ผิดๆ

แน่นอนนะ

แต่คนที่อยู่นอกสังคมของการรับรู้ข่าวสาร ก็ยังมีอยู่จริงแน่ๆ

ทั้งบนตึกสูงกลางกรุง และ กลางเปลวแดดในท้องทุ่งชนบท

เพราะไม่ฟังใคร นอกจากท่านอภิมหาศาสดา ในกลุ่มของตัวเอง

จนหัวปักหัวปำ คะมำหน้ามืด ก็ยังคงภักดี ศรัทธา เชิดชูโจร

นี้แหละรากเหง้าปัญหาของประชาธิปไตยในเมืองไทย ยังไม่เต็มใบสักที ช่องว่าง ช่องโหว่ ทำให้มีการซื้อเสียง ขายเสียง ได้สบายๆ ทำให้ได้นักการเมืองที่ไม่มีคุณภาพเข้าไปนั่งในสภา มีการถอนทุน คอรับชั่นยืดเยื้อ บ้านเมืองวุ่นวาย ไม่สงบ ในทุกวันนี้แล....

ความจริงส่วนใหญ่ก็มีทีวีนะ แต่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน การบ้านการเมืองเขาไม่ค่อยสนใจหรอก ส่วนใหญ่ก็ดูละครทีวีน้ำเน่า แนวบันเทิงเสียมากกว่า ข่าวสารวิทยุชุมชน ก็ฟังนะ ฟังรายการเพลงเสียมากกว่า อิ อิ... ข่าวสารบ้านเมืองก็ผ่าน ๆ ถามเอาจากคนรู้จักบ้าง จากร้านค้าบ้าง มีน้อยเต็มที่จะติดตามดูข่าวสาร บ้านเมือง อย่างสนใจจริงๆ... จึงรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืืองเลวๆ และก็มีบางพวกบางกลุ่มต้องตกเป็นเครื่องมือ ของนักการเมืองเลว ๆ ถูกหลอกใช้ หลอกให้มาตายแทน....จนเป็นข่าวให้สังคมสะเทือนใจนั้นแล....