Yahoo Answers จะปิดใช้งานในวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 (เวลาตะวันออก) และตอนนี้เว็บไซต์ Yahoo Answers จะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียว คุณสมบัติหรือบริการอื่นๆ ของ Yahoo หรือบัญชี Yahoo ของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดใช้งาน Yahoo Answers และวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในหน้าความช่วยเหลือนี้

ความสุขระดับต่างๆของมนุษย์?

ความสุขของมนุษย์พอจะแจงได้อย่างน้อย 5 ระดับ คือ

-ระดับที่หนึ่ง ความสุขที่ต้องพึ่งพิงสิ่งอื่น เช่น ต้องมีเขา เราจึงสุข ต้องมีชื่อเสียง เราจึงสุข ต้องมีเงิน เราจึงสุข เป็นต้น ความสุขในระดับนี้ทำให้เกิดความอยากได้ ใคร่เอา ตามมา การที่เราอยากได้อะไรสักอย่าง เมื่อคนอื่นก็ต้องการเหมือนเรา ท่าทีของเราต่อเพื่อมนุษย์จะเป็นไปอย่างไม่เป็นมิตร อย่างอ่อนๆ ก็มองเขาด้วยความหวาดระแวง สูงขึ้นมา ก็มองเขาเป็นคู่แข่ง จนกระทั่ง มองเห็นผู้อื่นเป็นเหยื่อ (ดังเช่นภาพยนตร์โฆษณาที่พยายามกระตุ้นให้คนซื้อสินค้า บริการ ที่เกินจำเป็น หรือ การค้าขายยาเสพติด ) และเพราะธรรมชาติของตัณหานั้น เมื่อปรารถนา ต้องพยายามให้ได้มา เมื่อได้มาแล้ว ต้องให้ได้มากขึ้น ปรุงให้เลิศขึ้น เมื่อถึงระดับหนึ่ง ผู้ที่มีความสุขเพราะการพึ่งพิง จะมีความสุขได้ยากขึ้น จนถึงอาจไม่มีความสุขได้เลย เพราะความต้องการที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้นั่นเอง ดังคำกล่าวที่เราเคยได้ยินว่า แม้โลกทั้งใบ ก็ยังไม่พอสำหรับความต้องการของคนเพียงคนเดียว นอกจากนี้ ความอยาก ยังนำผู้คนไปสู่การเบียดเบียน การรุกรานซึ่งกันและกันอีกด้วย

-ระดับที่สอง ความสุขจากการให้ ความต้องการของมนุษย์ต้องได้รับการตอบสนอง เมื่อมีความต้องการจะให้ จึงสนองด้วยการให้ เมื่อความต้องการได้รับการตอบสนองแล้ว ความสุขย่อมตามมา และ เมื่อให้ ผู้ที่รับย่อมมีความสุข เมื่อผู้ให้เห็นผู้ได้รับมีความสุข ก็สุขตาม จึงยิ่งสุข ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถสุขได้ตลอดเวลาที่นึกถึง ความสุขจากการให้ จึงเกิดได้อยู่เสมอๆ

-ระดับที่สาม ความสุขจากความเห็นสอดคล้องตามสภาวธรรม เช่น คนสวนปลูกต้นไม้ เพราะต้องการเห็นต้นไม้เจริญงอกงาม เมื่อต้นไม้เติบโต ก็มีความสุข ไม่ใช่เพราะได้ค่าจ้างจากการปลูกอันเป็นเรื่องสมมติตกลงกันระหว่างคนสวนกับเจ้าของสวน เพราะความสุขอยู่ที่ผลของการกระทำโดยตรง คนสวนจึงทำงานอย่างเต็มใจ ไม่จำเป็นต้องมีการควบคุมดูแล

-ระดับที่สี่ ความสุขจากการปรุงแต่ง เช่น เมื่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม ก็ปรุงแต่งว่าเป็นเพราะอะไรในทางที่ดี เพื่อสงบสุขในสถานการณ์นั้นๆได้ เช่น เห็นหมอหน้าตาไม่ดีขณะตรวจคนไข้ แทนที่จะคิดไปว่า หมอไม่อยากตรวจจึงมีสีหน้าอย่างนั้น ก็ปรุงแต่งไปในทางที่ดี เป็นต้นว่า หมอคงตรวจคนไข้มามาก จนเหนื่อยเกินไปสำหรับวันนี้แล้ว น่าสงสารหมอที่เหนื่อยขนาดนี้แล้วยังพักไม่ได้ ต้องตรวจต่อไปเพราะยังมีคนไข้อีกเยอะ เป็นต้น

-ระดับที่ห้า ความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพิงสิ่งอื่น สุขได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีสิ่งปรุงแต่งแต่อย่างใด เช่น สุขในฌาน สุขสงบด้วยปัญญาที่มีความเห็นเป็นกลางต่อทุกสิ่ง จึงไม่มีสิ่งใดทำให้หวั่��ไหวได้

ความสุขเหล่านี้ระดับที่ 1 จัดเป็นระดับล่างที่สุด ในสังคมบริโภคนิยมอย่างปัจจุบัน หากเราไม่รู้เท่าทันความสุข ไม่เห็นตามธรรม (ธรรม หมายถึง ธรรมชาติ ,สัจจธรรม, ปฏิบัติธรรม และ วิปากธรรม) คงยากที่เราจะมีความสุขได้อย่างแท้จริง

อัปเดต:

หรือแม้แต่สุขโดยชอบธรรมเ ช่น สุขในฌาน หากหลงไหล ยอมสยบต่อสุขนั้น ก็ยากที่เราจะพบสุขที่ประณีตยิ่งขึ้น (คือการใช้จิตที่เป็นสมาธิพิจารณาธรรมจนเห็นแจ้ง) จนอาจตกหล่นไปจากพุทธศาสนาได้

อัปเดต 2:

ย่อความจาก CD ธรรมบรรยายชื่อ "ความสุขควรเป็นเช่นไร" ของ พระพรหมค%E

อัปเดต 3:

ย่อความจาก CD ธรรมบรรยายชื่อ "ความสุขควรเป็นเช่นไร" ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

ท่านสามารถขอรับฟรีได้ที่วัดญาณเวศกวัน ถนน พุทธมลฑลสาย 4

อัปเดต 4:

***********

ที่ว่าหากหลงไหลในสุขในฌาน อาจตกหล่นไปจากพุทธศาสนาได้ เนื่องจาก เมื่อจิตเป็นสมาธิด้วยฌาน จิตมีศักยภาพมาก หากนำไปใช้งานทางปัญญา พิจารณาจนเห็นแจ้งธรรมต่างๆ ก็จะสามารถขูดเกลากิเลสต่างๆจนหลุดพ้นวัฏฏสงสารไปได้ แต่การที่จะนำจิตไปใช้งานปัญญานั้น ต้องระงับปีติ สุข เสียก่อน หรือก็คือ (ต้องปลดองค์ฌานออกเสียก่อน) ดังนั้น หากหลงไหล เฝ้าแต่เสพสุขในฌาน ก็จะไม่มีการเจริญปัญญาต่อ จึงไม่สามารถบรรลุจุดสูงสุดของพุทธศาสนาคือนิพพานนั้นเอง

แม้ในพุทธกาล ดาบสต่างๆก็สามารถทำได้เสพสุขในฌานได้ พระพุทธองค์เองทรงฝึกจนได้ฌานสูงสุดที่ดาบสเหล่านั้นฝึกได้มาแล้ว แต่ในที่สุดก็ทรงเห็นว่า นั่นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริงค่ะ เพราะเพียงสงบ สุข ในขณะที่อยู่ในฌานเท่านั้น

อัปเดต 5:

ขอบคุณสำหรับความเห็น และคำตักเตือน จากทุกท่านค่ะ

12 คำตอบ

คะแนนความนิยม
  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    9 ปี ที่ผ่านมา
    คำตอบที่โปรดปราน

    สมกับเป็นชุมชนที่ให้ความรู้จริงๆ สาระเพียบ ขอบคุณครับ

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    9 ปี ที่ผ่านมา

    ขอบคุณครับ ทำให้สุขกายสบายใจขึ้นเยอะ เป็นความสุขที่เผื่อแผ่สังคมจริงครับ

    แหล่งข้อมูล: SB
  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    โออ ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มครับ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ใจเวลาที่รู้สึกสว่าง สะอาด โล่ง โปร่ง สบาย ว่าง ไม่ยึดติด เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เป็นความสุขที่ไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ เมื่à��­à¸£à¸¹à¹‰à¸ªà¸¶à¸à¹à¸¥à¹‰à¸§à¸–ึงจะได้รู้ว่าความสุขภายนอกไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกับสุขภายในได้เลย

  • on-ces
    Lv 5
    9 ปี ที่ผ่านมา

    เรียนคุณantySallyค่ะ คำถามแบบนี้ผิดกฎของชุมชนนะคะ

    เพื่อความสงบของชุมชนในระยะยาว และเป็นตัวอย่างแก่คำถามอื่นๆ

    รบกวนโพสต์ในเชิงคำถามด้วยค่ะ

    -/\-

    -----------

    เรียนคุณคริสต์ค่ะ ตะกี้เพิ่งฟังรายการดังตฤณออนไลน์มา

    เปิดฟังได้ใน dungtrin.com นะคะ

    คุณดังตฤณตอบคำถามหนึ่งว่าสุขในสมาธินั้นเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ

    เพราะว่าเป็นของแปรปรวนได้ง่าย สามารถทำให้เห็นอนิจจังได้ง่าย

    การติดสุขนั้นจึงไม่น่ากลัว ขอแค่รู้ว่าสุขแล้วพอใจ อาการติดก็จางหายไปเอง

    อันนี้เป็นความเห็นเพิ่มเติมว่า เวลาเห็นได้ว่ากายใจนี้นำทุกข์มาได้เท่าไหร่

    ยามเมื่อสุขใจจะมีสติปัญญาแล้ววางอุเบกขาไปเอง ว่าสุขได้แปลว่าทุกข์ได้

    ของไม่เที่ยง ของเป็นทุกข์ ของไม่ใช่ตัวตนแบบนี้ จะหวงไว้ทำอะไรได้

    ใจที่คลายออก ใจที่เลิกยึด เลิกหวงแหนนี้จะทำให้เลิกติดสุขและเกลียดทุกข์ไปโดยปริยายค่ะ

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    ทำไมความสุขของคุณต้องยุ่งยากมากขนาดนั้น..ของผมแค่หยุดรถใหคนแก่ข้ามถนนผมก็สุขใจแล้ว แค่ช่วยแมลงที่ตกถังน้ำให้ขึ้นมาใด้ผมก็สุขใจแล้ว

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    “ความสุข” นั้น “เป็นหนึ่ง” ไม่สามารถแบ่งแยกได้

    ความสุขใดแบ่งแยกได้ สิ่งนั้นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

    “ความสุข” นั้น “เป็นหนึ่ง” จึงไม่มีการแบ่งแยก แต่สิ่งที่พึ่งอาศัย “ความสุข” ต่างหากที่แบ่งแยก โดยสิ่งนั้นจะถูกเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามสภาวะที่ความสุขนั้นดำรงอยู่ โดยแบ่งได้ 3 มิติ เช่น

    1. ถ้า “ความสุข” ดำรงอยู่ “ใน” สิ่งใด สิ่งนั้นจะถูกเรียกว่า “โลกียสุข”

    2. ถ้า “ความสุข” ดำรงอยู่ “เหนือ” สิ่งใด สิ่งนั้นจะถูกเรียกว่า “โลกุตรสุข”

    3. ถ้า “ความสุข” ยังคง “ดำรงอยู่” กับสิ่งใดตลอดไป แม้สิ่งอื่น ๆ จะแตกดับไปแล้ว สิ่งนั้นจะถูกเรียกว่า “อมตสุข”

    เพราะฉะนั้น ทั้ง "โลกียสุข-โลกุตรสุข-อมตสุข” จึงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะความสุขที่แท้จริงนั้นไม่มีอยู่ในโลกนี้ ซึ่งที่มีอยู่นั้นก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    9 ปี ที่ผ่านมา

    ขอบคุณสำหรับธรรทานคะ สุข ทุกข์อยู่ที่ใจ ยังไงก็อยู่กับเราไม่นาน

  • ไม่ประสงค์ออกนาม
    9 ปี ที่ผ่านมา

    สุขในฌาณจะตกหล่นไปยังไงคะ อยากทำความเข้าใจเพราะบงทีบางคนอาจติดและหลงในความสุขนั้น และต้องทำอารณ์อย่างไรถึงจะสุขแบบถูกต้งในพุทธศาสนาค่ะ

  • 9 ปี ที่ผ่านมา

    "Pleasure & happiness are different breeds of dog" ~ Josh Billings

    Aunty นี่น่ารัก ขยันค้นความรู้เก่า อธิบายความตามวังวนไอที (ซุปอักษร) ตบะบารมี ก็เข้าท่า ระดมพลแฟนคลับศาสนา เทียบชั้นนักระดมพลแฟนคลับพรรคการเมือง ฟุตบอล ค่ายเพลง ได้นี่ อีกหน่อยได้เทียบชั้นนักระดมพลแฟนคลับทีวี ช่อง 3-5-7-9-pbs แน่! -- ยิ่งค้นยิ่งฝึกยิ่งโดนดูดไปคลุกคลี พัวพันอีรุงตุงนังในวังวนติดสุข 1-5 (แปลงสาส์น) กลางวงการระดมพลแฟนคลับแม่โขง หงษ์ทอง เบียร์สิงห์ ตลาดหุ้น มาบุญครอง แ��¸šà¹Šà¸‡à¸„์ ฯลฯ นะจ๊ะ!

    รักวังวนซุปอักษรแปลงสาส์น HeadDrive (5 senses modus operandi) astral cloud computing asceticsm ก็ไม่เลวหรอกจร้า -- ถ้าพากเพียรฝึกพีชคณิต [พืช+คณ(ะ) จิต] คู่ขนานกันไปด้วย แทนค่า Liking/ disliking feelinglinks ด้วย Benign/ benign neglect feelinglinks อัตโนมัติทันท่วงที เป็น Real time ในทุกสถานการณ์ -- จะไม่จมปลักกลางวังวนเงาวัตถุถ่วง Asceticism -- เพราะเทมเพลทเน็กซุส (Nexus Template ฟิลลิ่งลิ้งค์จตุรพิศ+ 6 ทิศทางไดนามิค ชีวสติสันติสุขแท้ขั้นโสดาบัน จะแกร่ง ดีท๊อกซ์เปิด 48,000 IPs สุขภาวะเสถียรกว่าหลวงพี่ มหา'เถียร

    HeadDrive ปรัชญา Jobbery รายนั้นกร่างเงาวัตถุกำหนดจิต -- มวลภวังค์ (ภาวะ+องค์) HeadDrive's ascetic cloud computing gravitation สุข 1 (แปลงสาส์น) แรงกล้าป(ะ)ท(ะ)ปรมัตฉวัดเฉวียน เทมเพลทชีวสติเปราะ -- ฝึกรับรู้ไม่รับรูสึก = ปล่อยวาง = ไมรัก ไม่เกลียด ใคร/ สิ่งใด = เคารพสิทธิดำรงอยู่ ตามที่เขาเป็นนะจ๊ะ] -- แม้สาหัสขนาดอั้งยี่ตบะบารมีการเมืองแย่งทำเนียบครม.รัฐสภาหักหลังมติมหาชน รีบเสนอหน้าให้ศิษย์เก่าอ๊อกซ์ฟอร์ด ใช้ตนทำหน้ากากออกทีวีสื่อสัญลักษณ์ "ข้าคือเอเย่นต์คุณธรรม" -- วันดีคืนดีหลวงพี่ก็โผล่ทีวีอีก ด่ากราดหมิ่นแคลนฤษี(ทั้งโลก)ว่า "ไม่มีวัดอยู่ถึงเป็นฤษี!" -- อิ!อิ! ตีกระทบถึง โนอาห์ อับราฮัม เดวิด สิทธัตะ จีซัส โมฮัมหมัด เล่าจื่อ

    บนเส้นทางเรียนรู้เป็นเทวมนุษย์สานัง Homo Sapiens ฟิลลิ่งลิ้งค์ HeartDrive ทาง+ตัว+ตาในสังข์ทองวิ(แจ้ง)มังสาอุรมหันต์ประเสริฐศรี (Copaceticism) อั๊พลิ้งค์ โลกุตระอภิธัม -- ฟ้าดินบันดาลให้ เกิดแกนนำกำแหงกร่างตบะบารมี ระริกระรี้แย่งเป็นพระเอก/ นางเอกครองเวที To be #1 (คติธรรมวัยสะรุ่นค้นหา Talents ในตน)

    ซอฟท์แวร์ ตบะบารมี To be #1 ก็ของดี ถ้าฝึกวัว ควาย ช้างม้า ราชสีห์ แบบมีควาญประมาณฟ้าหญิงฯ คอยชี้นำ -- สมัย เดวิด+โซโลมอน มีระบบเน็ทเวิร์คมหา'ลัยในบ้านแบ็คอั๊พกุมารกุมารี ฝึกจรรโลง+อั๊พเดทซอฟท์แวร์ HeartDrive บุญบารมี To be #last ควบคู่สอดสาน กับฝึกติดตั้ง ซอฟท์แวร์ HeadDrive's 6 simutanous senses modus vivendi) ตบะบารมี To be #1 = ฝึกประกอบกู (life assembly) คู่ประกอบธุรกิจกงสี (Family busines) คู่ถักสานเน็ทเวิร์ควิสาหกิจประชาคม ไดนามิคเศรษฐจิตพองาม-เศรษฐไอทีพอสวย-เศรษฐกิจพอเพียง -- เรียก Solomonic Copaceticism Life-giving & Panacean backup mentoring system. -- ทั้งโลกเลยสันติสุขสโมสร ตั้งหลายพันปี ก่อน เพลโต้ โซเคตีส เอริสโทเทิ่ล + สาวก นำนิยมบูชา HeadDrive's 5 senses modus operandi (ปัญจสัญญาณ) เสกสรรบันดาล ล้างป่าพังภูเขาเป็นป่าคอนกรีต รองรับนวัตกรรม โรงเรียน มหา'ลัย วัด โบสถ์ สุเหร่า ฯลฯ -- 55! Babarianism เลยตามไปงอกงามในเมืองใหญ่ + รัฐสภา + ศูนย์การค้าฯลฯ

    วัย 25 - 45-อั๊พ ต้องกลับตาละปัตร (Paradigm flip) ไปทางคติธรรม To be #last ฝึกปิดทองหลังพระแล้วแหละจร้า! -- ที่หลงเหลือหิวซ่าแย่งพื้นทีสาธารณะอวด Public figurization เลียนแบบวัยสะรุ่น นั่นกฏฟ้าดินขยักไว้สาธิตภาวะผู้นำหลงทาง -- ให้เราได้ หยิบยกมาสาธกแบบนับถือในสถานภาพศิษย์+ครูขั้วเการพ Gen-X -- ได้เบิกเนตร/ ล้างตา+ตัว+ทางใน ได้อ่านทันโมเมนตั้มตะบะบารมีในตน -- กับได้เลิกมืดแปดด้านเดินเฉียดยังไม่เห็น ศิษย์+ครูอรชุน/ พระลักษ์ ขั้วปานฑพ Gen-Y -- ศิษย์รีบจบจากสำนัก Gen-Z เน็ทเวิร์คปุริสธรรมสารถี Solomonic life-giving & backup mentors -- พบตะแต่เกียงอาลาดินลืมลากท่อพลวัฒน์น้ำมันตะเกียงอาลาดินยี่ห้อ Tao Fortune Wheel ไปด้วย!

    ศึกษา = ค้นหาความ (IT) รู้่เก่า ที่ HeadDrive บันทึก Scholiums แปลงสาส์น (Occultism) ไว้ก่อน -- ได้ความถอยหลังเข้าคลองมากพอแล้ว --ก็เนกขัมมะ = ฝึก+ศึกษา+ปรึกษา = เรียนรู้ สู่อนา (เหลือเฟือ: Abundant) คต(ะ = ทาง) -- อนาคามี (Exodus) ออกจาก ฐานจริตตัวตน(ะ: Temperament) กิเลส (กาลี+เทศะ) วนอ่างซุปอักษร (สารีบุตร เรียก "เรียงพยัญชนะ [สื่อสาร (Message) สำเนียง]" ซะ -- เล่าจื่อ ว่า "คำมาจากมดลูกวัตถุ (หยาบ)" -- ระวังไฟ "คนลงกันโดยธาตุ (Psychoelectronic chemisty" ดูดเด้อ! -- เคมีฟีโรโมนตบะบารมี ไดอั้ล กรดไหลย้อนมังกรไฟ (ยั้วเยี้ยทุกหัวระแหง) ไล่ล่าอาณานิคมเศรษฐกิจ ผูกขาดถูก/ ผิด เผด็จการ ใครคิดไม่เหมือน/ ไม่ตามใจกูๆ โกรธ ร่วมโคลนนิ่งผู้นำเร่งสปีดหัวคิดฉลาด (Dialectic intelligence) 19G+ไดนามิคอุป(ก่อน)นิสัย Jobbery [ยึด/ แย่งตำแหน่ง/ ทำเล/ พื้นที่สาธารณะแสวงลาภ+คะแนนนิยมใส่ตน (ถ่ายเดียว)!

    เคมีฟีโรโมนบุญบารมีอุรมหันต์ ปัญญา(วิมุติ)วุฒิ กะเรเต้เต้ (แจ้งโร่) ทินโนวเต นมามิหังงงงงง ดาวน์โหลดความรู้ใหม่ Celestial macrocosmic memory noble-gas ionization จากทั้งปวงจักรวาล -- แบบไอสไตน์ไอคิวต่ำเห็นระหัสปรมาณูเคมีก่อน เรียงเป็นสูตรคณิตศาสตร์ทีหลัง -- บีโธเฟ่น ตาบอด เห็นเว้ฟซิมโฟนี่บรรลือโลก -- บรรดาศาสดาเห็นน้ำท่วมโลก แผ่นดินไหว โซล่าแฟลร์ ฯลฯ วันนี้ จร้า! -- "ฉลาดกับปัญญาไม่ใช่สิ่งเดียวกัน" ~ เล่า จื่อ

  • ?
    Lv 4
    9 ปี ที่ผ่านมา

    ขอบคุณความรู้.."ความสุข" ที่ตั้งใจมอบให้ คุณเป็นคนที่งามทั้งภายในและภายนอก

    ผู้ให้ธรรมทาน ถือเป็นบุคคลผู้มีทุนปัญญาดีแล้ว ทั้งชาตินี้และชาติหน้า.. ขอโมทนา

    แหล่งข้อมูล: บุญคุ้มหัว
ยังคงมีคำถามอยู่ใช่หรือไม่ หาคำตอบของคุณได้ด้วยการเริ่มถามเลยในตอนนี้